See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
การศึกษา - วิกิพีเดีย

การศึกษา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการเก็บกวาด ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ เพิ่มแหล่งอ้างอิง ใส่หมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือภาษาที่ใช้ ในส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนด้วยกัน เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานวิกิพีเดียไทย
คุณสามารถช่วยแก้ไขได้ โดยการตรวจสอบและปรับปรุงบทความนี้

กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ วิธีแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย เมื่อบทความนี้ได้รับการแก้ไขตามนโยบายแล้ว ให้นำป้ายนี้ออก

เมื่อกล่าวถึงคำว่า การศึกษา เราหมายความถึงทั้งการเรียน การสอน ทักษะเฉพาะ และสิ่งที่แม้จะจับต้องไม่ได้แต่เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง กล่าวคือ การถ่ายทอดความรู้ ทักษะการตัดสินที่ดี และภูมิปัญญา เป้าหมายพื้นฐานอีกประการหนึ่งของการศึกษา คือ การถ่ายทอดวัฒนธรรมจากรุ่นไปสู่รุ่น (ดู การขัดเกลาทางสังคม (socialization)) อีกความหมายหนึ่งของ การศึกษา คือ การพัฒนาคน ซึ่ง การพัฒนา หมายถึง การแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น / การเสริมข้อดีให้คงสภาพหรือดียิ่งขึ้น เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าการศึกษานั้นเป็นขบวนการที่ใช้เวลาทั้งชีวิต มีการวิจัยในเด็กที่อยู่ในท้องแม่ พบว่าเด็กนั้นมีการเรียนรู้ในครรภ์แม้แต่ก่อนแรกเกิด

การจัดการศึกษาโดยทั่วไปในประเทศไทย แบ่งออกเป็นระดับ ดังนี้

การศึกษาถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชีวิต โดยเฉพาะสังคมโลกปัจจุบันในยุคโลกาภิวัตน์ ยุคของการบริโภคข่าวสารข้อมูลไร้พรมแดน นานาประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศผู้นำความเจริญทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีได้ให้ความสำคัญของการศึกษาแก่ประชากรชาติอย่างมาก มีการจัดสรรงบประมาณในการให้การศึกษาแก่ประชาชนในลำดับต้น ๆ ของการจัดสรรงบประมาณในแต่ละประเภทของประเทศ เช่นเดียวกันกับประเทศไทยได้ให้ความสำคัญของการให้การศึกษาประชาชนโดยมีการจัดสรรงบประมาณของรัฐในการบริหารประเทศด้านการศึกษาในระดับต้นมาตลอดทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของประเทศไทยตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2544) จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (ฉบับปัจจุบันพ.ศ. 2550พ.ศ. 2554) ได้มุ่งเน้นความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญในการพัฒนาทุกด้าน การพัฒนาประเทศระบุให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ทางด้านกฎหมายทางการศึกษาได้แก่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า จะมุ่งเน้นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

การศึกษาของประเทศไทยมีพัฒนาการอันยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ที่มีการกำหนดให้มีอักษรไทยขึ้น และมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะข้าราชการและบุคลากรในวงจำกัดเท่านั้น ประชาชนทั่วไปจะเข้ารับการศึกษาจากผู้รู้และพระสงฆ์ในวัดเป็นส่วนใหญ่ การจัดการศึกษาในประเทศไทยเริ่มมาจากการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศทางตะวันตก มีการส่งลูกหลาน ข้าราชบริพาร และเชื้อพระวงศ์ไปเข้ารับการศึกษาในต่างประเทศมากขึ้น จนถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเริ่มจัดตั้งโรงเรียนให้การศึกษาแก่ประชาชนขึ้นทั้งในพระราชวัง กรุงเทพฯ และขยายไปยังภูมิภาคในรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา

สำหรับด้านการศึกษาผู้ใหญ่ก็มีพัฒนาการอันยาวนานเช่นเดียวกัน ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเมื่อปี พ.ศ. 2480 เมื่อประเทศไทยโดยรัฐบาลมีการสำรวจพบว่าประชากรชาติจำนวน 48.9% ยังอ่านหนังสือไม่ออกเขียนหนังสือไม่ได้ ทำให้รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญและสนใจในการแก้ไขปัญหาผู้ไม่รู้หนังสือ โดยจัดตั้งกองการศึกษาผู้ใหญ่ ขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2483 สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีหน้าที่หลักการจัดการศึกษาผู้ใหญ่ ลดอัตราการไม่รู้หนังสือ การให้การศึกษาเพื่อการรู้หน้าที่พลเมือง และการสร้างเสริมระบอบประชาธิปไตย และในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกับองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ([en:UNESCO]) ได้จัดการศึกษาผู้ใหญ่หลักสูตรมูลฐาน (Fundamental Education) โดยมีการกำหนดการเรียนรู้ด้านอาชีพให้กับผู้ใหญ่ควบคู่ไปกับการเรียนรู้หนังสือ และหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย และในปี พ.ศ. 2497 UNESCO และกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งศูนย์อบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี (ศ.อ.ศ.อ.) เพื่อผลิตผู้นิเทศทางด้านการศึกษาพื้นฐานที่จะร่วมทำงานกับประชาชนในชนบท ให้ประชาชนเข้าใจสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง รวมทั้งให้ความรู้ในการใช้วัสดุอุปกรณ์ในท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของตนเอง ใช้หลักสูตร การศึกษา 2 ปี ผู้จบการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรระดับประโยคครูมัธยมทางด้านการศึกษาพื้นฐาน

ในปี พ.ศ. 2503 ประเทศไทยมีการสำรวจสำมะโนประชากร พบว่าประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีสภาพการไม่รู้หนังสือจำนวน ร้อยละ 23 ทำให้รัฐบาลหวนกลับมาให้ความสนใจในการขจัดการไม่รู้หนังสืออีกครั้งหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการได้พัฒนาหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่ระดับ 1-2 โดยมีการผสมผสานการรู้หนังสือกับการสอนวิชาชีพเข้าด้วยกัน และปี พ.ศ. 2511 ได้นำแนวทางของ UNESCO มาแก้ไขผู้ไม่รู้หนังสือเรียกว่า “ การแก้ไขการไม่รู้หนังสือแบบสมกิจ” (Functional Literacy หรือ Worked Olientation Program) และพัฒนามาเป็น “หลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบท มุ่งเน้นให้ประชาชนนำข้อมูล 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางด้านวิชาการ มาตัดสินใจแก้ไขปัญหาชีวิตประจำวัน และต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นแนวคิด หลักการ และปรัชญา “คิดเป็น” ที่นักการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษานอกโรงเรียนยึดถือเป็นแนวทางในการทำงานและการปฏิบัติต่อไป

ในปี พ.ศ. 2517 มีการจัดโครงการจัดการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จประเภทอาสาสมัครเดินสอน ควบคู่ไปกับการจัดการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จประเภทชั้นเรียน และขยายการจัดการศึกษาเป็นวงกว้างขึ้นในรูปแบบและวิธีการต่าง ๆ เช่นการสอนโดยนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา การสอนโดยพระภิกษุ และการจัดการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จประเภทชาวเขา เป็นต้น จนถึง พ.ศ. 2522 รัฐบาลออกพระราชบัญญัติจัดตั้ง กรมการศึกษานอกโรงเรียนขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2522 โดยให้หน่วยงานที่จัดการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษานอกโรงเรียนของกระทรวงศึกษามาเป็นหน่วยงานสังกัดเดียวกัน เพื่อให้การจัดการศึกษานอกโรงเรียนเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น และในปี พ.ศ. 2526 รัฐบาลมีการแก้ไขปัญหาการไม่รู้หนังสือของประชากรชาติครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเรียกว่า “โครงการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือแห่งชาติ” เพื่อขจัดคนไม่รู้หนังสืออายุระหว่าง 15-60 ปี ตามบัญชีรายชื่อให้หมดสิ้นภายในปี พ.ศ. 2530 ซึ่งก็ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง

แนวคิดทางการศึกษาตลอดชีวิต และการศึกษาเพื่อปวงชนได้ถูกนำมาพิจารณาและใช้ในการจัดการศึกษานอกโรงเรียนมากขึ้นเริ่มตั้งแต่การขยายหน่วยจัดและบริการการศึกษานอกโรงเรียนไปสู่ในพื้นที่มากขึ้น มีการทดลองดำเนินการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอขึ้นในปี พ.ศ. 2530 ทั่วประเทศ จำนวน 125 อำเภอ เพื่อกระจายการบริหารการจัดการศึกษานอกโรงเรียนไปสู่ระดับอำเภอ และมีการประกาศจัดตั้งสถานศึกษา “ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ/เขต” โดยกระทรวงศึกษาธิการครบทุกอำเภอ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน โดยมีแนวคิดว่าจะขยายการจัดและบริการการศึกษานอกโรงเรียนและการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยไปสู่ประชาชนให้สะดวกและขยายได้มากที่สุด

แนวคิดและแรงผลักดันของการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน และการศึกษาตลอดชีวิตที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง ได้แก่ การประชุมนานาชาติ ว่าด้วยการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ หาดจอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ดำเนินการจัดโดย UNESCO เมื่อปี พ.ศ. 2533 ซึ่งในที่ประชุมประเทศสมาชิกได้กำหนดข้อตกลงร่วมกันที่เรียกว่า “ปฏิญญาสากลว่าด้วยการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน” (World Declaration on Education for All) เป็นพันธกิจที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะดำเนินการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน ตามแนวทางการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่งประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Primary-Secondary Education) การส่งเสริมความรู้และทักษะพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต (Literacy) และ การศึกษาต่อเนื่อง (Continuing Education) ซึ่งประเทศไทยเป็นทั้งเจ้าภาพในการจัดประชุมดังกล่าว และเป็นประเทศสมาชิก UNESCO ด้วย จึงให้ความสำคัญและส่งเสริมการจัดการศึกษาให้แพร่หลายกว้างขวาง ไปสู่ประชาชนทุกกลุ่มให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง ในรูปแบบและวิธีการที่หลากหลายเช่นเดียวกัน

สำหรับในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับชายแดนประเทศสหภาพพม่ายาวกว่า 400 กิโลเมตร มีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์ ได้แก่ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ มูเซอ ลีซอ ม้ง ปะโอ ลัวะ จีนฮ่อ และชนพื้นเมือง มีสภาพการเคลื่อนย้ายประชากรค่อนข้างสูงรวมถึงผู้อพยพพลัดถิ่น และหนีภัยจากการสู้รบประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก กอบร์กับภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก ก่อให้เกิดสภาพการศึกษาต่ำ มีผู้ไม่รู้หนังสือ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของ จปฐ. จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ประชากรวัยแรงงานอายุ 15 – 60 ปี มีการศึกษาเฉลี่ย เพียง 3.68 ปี เท่านั้น ในระหว่างที่การศึกษาของประชากรชาติอยู่ที่ 8.6 ปี สภาพของคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์ จปฐ. หลายด้าน รวมทั้งด้านสุขภาพอนามัยและรายได้ ปัญหาของประชากร และสิ่งแวดล้อมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ประชากรโดยเฉพาะวัยแรงงานให้ความสนใจเข้ารับบริการการศึกษาจากภาครัฐน้อย เพราะประชาชนมองไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา และเห็นว่าการประกอบอาชีพและการทำมาหากินมีความสำคัญมากกว่าการเข้ารับการศึกษา เพราะในอดีตที่ผ่านมาการศึกษาสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอย่างเช่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน การศึกษาที่รัฐจัดให้นั้นมีความแปลกแยกจากวิถีชีวิตจริง ประชาชนไม่รู้จะนำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับการศึกษานั้นมาใช้กับชีวิตของตนเอง ครอบครัว และชุมชน ในบริบทของตนเองได้อย่างไร การศึกษาของรัฐจึงไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนได้เท่าที่ควร

แนวคิดของการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All และ All for Education) หรือปวงชนเพื่อการศึกษา เพื่อให้การศึกษาตอบสนองความต้องการ และความจำเป็นอย่างแท้จริง รวมถึงการนำเอาชุมชนที่มีศักยภาพมาช่วยเหลือ และจัดการศึกษาให้กับประชาชนในชุมชนนั้น ๆ ที่ผู้วิจัย มีความสนใจ และศึกษานำมาเป็นแนวทางการการจัดการศึกษาเพื่อปวงชนในชุมชน โดยใช้ชื่อที่ชุมชน ผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าใจได้ง่ายว่า “รูปแบบการจัดการศึกษา 100% ในชุมชน”


[แก้] วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อศึกษารูปแบบของการจัดการศึกษา 100% ในชุมชน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้การจัดการศึกษา 100% ในชุมชนประสบผลสำเร็จ

[แก้] ขอบเขตของการศึกษา

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยพัฒนา (Research & Development) เพื่อหารูปแบบของการจัดการศึกษาให้กับชุมชนตามแนวคิดของการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา (Education for All & All for Education) โดยใช้ขอบเขตพื้นที่ในการปฏิบัติงานดำเนินการจัดการศึกษาชุมชน ในชุมชนหมู่บ้านที่จัดตั้งศูนย์การเรียนชุมชน หรือศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” แล้วแต่กรณี ที่พนักงานราชการ ตำแหน่งครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน สังกัดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปฏิบัติงานอยู่ประจำหมู่บ้าน


การศึกษา เป็นบทความเกี่ยวกับ วิชา ความรู้ และศาสตร์ต่างๆ  ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ การศึกษา ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -