See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
จักรวรรดิญี่ปุ่น - วิกิพีเดีย

จักรวรรดิญี่ปุ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

大日本帝國
ไดนิปปงเทโงะกุ

มหาจักรวรรดิญี่ปุ่น

ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

พ.ศ. 2411 – 2488
ธงชาติ ตราประจำชาติ
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
เพลงชาติ: คิมิงะโยะ
แผนที่แสดงที่ตั้งของจักรวรรดิญี่ปุ่น
เมืองหลวง โตเกียว
รัฐบาล ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
จักรพรรดิ
 - พ.ศ. 2411 – 2455 สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ
 - พ.ศ. 2455 – 2469 สมเด็จพระจักรพรรดิไทโช
 - พ.ศ. 2469 – 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะ
นายกรัฐมนตรี
 - พ.ศ. 2428 - 2431, 2435 - 2439, 2441, 2443 - 2444 ฮิโระบุมิ อิโต
 - พ.ศ. 2431 - 2432 คิโยะทะกะ คุโระดะ
 - พ.ศ. 2432 - 2434 อะริโมะโตะ ยะมะงะตะ
 - พ.ศ. 2449 - 2451, 2454 - 2455 คิงโมะจิ ไซองจิ
 - พ.ศ. 2444 - 2449, 2451 - 2454 ทะโร คะสึระ
 - พ.ศ. 2456 - 2457, 2466 - 2467 กงเบ ยะมะโมะโตะ
ประวัติศาสตร์
 - ปฏิรูปสมัยเมจิ 3 มกราคม
 - รัฐธรรมนูญ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433
เนื้อที่
 - พ.ศ. 2485 7,245,653 กม.2
2,797,562 ไมล์2
ประชากร
 - ประมาณการปี พ.ศ. 2485 97,770,000 
     ความหนาแน่น 13.5 /กม.² 
34.9 /ไมล์²
สกุลเงิน เยน
ก่อนหน้านี้
ต่อจากนี้
โชกุนโทะกุงะวะ
อาณาจักรริวกิว
การปกครองโดยฝ่ายพันธมิตรในญี่ปุ่น
ดูเพิ่มเติม: สารานุกรมประวัติศาสตร์ สถานีย่อย:ประวัติศาสตร์

จักรวรรดิญี่ปุ่น (อักษรญี่ปุ่นตัวเก่า: 大日本帝國; อักษรญี่ปุ่นตัวใหม่: 大日本帝国) คือรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นรวมถึงดินแดนที่อยู่ใต้อำนาจ คือคาบสมุทรเกาหลีและเกาะไต้หวันภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น

เนื้อหา

[แก้] สงครามในเกาหลี

แผนที่แสดงประเทศในฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายอักษะ
แผนที่แสดงประเทศในฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายอักษะ

ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเข้าเป็นดินแดนของตนตามสนธิสัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลีเมื่อปี พ.ศ. 2453 ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับทางฝ่ายเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของจักรพรรดิเกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488

ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซอน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่

หลังการสวรรคตของพระเจ้าโกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461 ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น

การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น[1] สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น.[2] หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย

ชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ดุงนิปกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น และมีชายชาวเกาหลีอีกจำนานมากที่ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น[3] ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น[4]

[แก้] สงครามในจีน

อาณานิคมและดินแดนที่ยอมอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นเมื่อปี 1942
อาณานิคมและดินแดนที่ยอมอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นเมื่อปี 1942

เมื่อเกิดการปะทะกับญี่ปุ่นที่สะพานมาร์โคโปโลเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ชาวจีนจำนวนมากได้ร่วมมือกันต่อสู้เพื่อต่อต้านญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีจีนได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสันนิบาตแห่งชาติ แต่ผลที่ออกมาคือล้มเหลว รวมทั้งสนธิสัญญา 9 มหาอำนาจด้วย และเมื่อเกิดการปะทะกับญี่ปุ่นที่สะพานมาร์โคโปโลใกล้กรุงปักกิ่งจึงเป็นข้ออ้างที่ทางการญี่ปุ่นส่งทหารญี่ปุ่นเข้ายึดเมืองใหญ่ต่างๆ ของจีนรวมทั้งชายฝั่งทางเหนือจรดใต้

เหตุการณ์ ณ สะพานมาร์โค โปโล(Marco Polo Bridge Incident) คือการรบระหว่างกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นกับกองทัพคณะปฏิวัติแห่งชาติจีน เป็นจุดแตกหักที่ทำให้เกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2480-2488) ตัวสะพานหินอ่อนสถานที่เกิดเหตุการณ์ มีชื่อว่า สะพานลูกัว (Lugou Bridge) ที่มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สะพานมาร์โค โปโล โครงสร้างเป็นสถาปัตยกรรมโค้ง 11 โค้งอันสวยงาม ปฏิสังขรโดยจักรพรรดิกังสี (พ.ศ. 2205-2265)

ญี่ปุ่นเข้ายึดครองแมนจูเรียเมื่อปี พ.ศ. 2474 แล้วสถาปนาประเทศใหม่ แมนจูกัว พร้อมกับให้เฮนรี ปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิงขึ้นครองราชย์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเป็นรัฐบาลหุ่นที่เชิดโดยกองกำลังญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ที่นั่น แม้พรรคก๊กมินตั๋งและนานาประเทศไม่ยอมรับรองแต่กลับมีการเจรจาสงบศึกในปีเดียวกัน

ในปีต่อมา กองทัพจักรววรรดิญี่ปุ่นเริ่มรุกรานดินแดนจีนที่จังหวัดชาฮา ถูกต่อต้านโดยกองทัพก๊กมินตั๋ง กองพลที่ 29 ที่ยังคงใช้หอกดาบและอาวุธล้าสมัยอยู่จึงพ่ายแพ้ ทำให้ภาคตะวันตกของปักกิ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของญี่ปุ่น จากนั้นญี่ปุ่นก็ค่อยๆ บุกรุกและผนวกแผ่นดินจีนไปเรื่อยๆ ถึงปี พ.ศ. 2480 ก็สามารถยึดครองแผ่นดินโดยรอบกรุงปักกิ่งไว้ได้เกือบหมดเหลือเฉพาะด้านใต้ ญี่ปุ่นได้ตั้งตั้งรัฐบาลหุ่นขึ้นปกครองเขตพื้นที่ที่ยึดได้อีกหลายแห่งรวมทั้งที่เมืองนานกิง

ประมาณปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นส่งทหารจำนวนหลายร้อยนายมาตั้งหน่วยประจำที่สะพานมาร์โค โปโลและทำการฝึกอยู่ที่นั่น ในขณะเดียวกันก็มีกองกำลังทหารจีนก๊กมินตั๋งที่ประจำอยู่ที่เมืองวันปิงใกล้ๆ กัน คอยเฝ้าระวังดูอยู่อย่างใกล้ชิด ในเช้าตรู่วันที่ 7 กรกฎาคม กองกำลังญี่ปุ่นได้โทรเลขไปถึงกองกำลังก๊กมินตั๋งว่ามีทหารของตนหายไปและเชื่อว่าไปซ่อนอยู่ในเมืองวันปิงจึงของเข้าไปค้นหา (ภายหลังได้พบตัวโดยไม่ได้รับอันตราย) มีข้อถกเถียงกันว่าเป็นเหตุบังอิญหรือเป็นการสร้างเรื่องของฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อใช้อ้างเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นบุกเข้ายึดภาคกลางของประเทศจีน

ฝ่ายจีนปฏิเสธไม่ยอมให้กองกำลังญี่ปุ่นเข้าเมือง ในตอนเย็นวันนั้น ฝ่ายญี่ปุ่นจึงยื่นคำขาดให้ฝ่ายจีนยอมให้ฝ่ายตนบุกเข้าไปค้นคนในเมืองได้ภายใน 1 ชั่วโมง มิฉนั้นจะยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ ครั้นเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ญี่ปุ่นเริ่มยิงปืนใหญ่และเคลื่อนกองกำลังข้ามสะพานมาโคโปโลตรงไปจะเข้าเมือง ฝ่ายก๊กมินตั๋งจึงส่งทหารจำนวน 1000 นาย เข้าป้องกันสะพานอย่างสุดความสามารถ แต่ญี่ปุ่นก็บุกข้ามไปได้ แต่หลังจากได้รับกำลังเสริมที่มีจำนวนมากกว่าฝ่ายญี่ปุ่น ฝ่ายจีนจึงสามารถยึดสะพานคืนได้สำเร็จในวันต่อมา ญี่ปุ่นด้วยจำนวนกองกำลังที่น้อยกว่าจึงขอเจรจา ทำให้เหตุการณ์ขั้นที่ 1 สงบลงได้ชั่วคราว แต่กองกำลังญี่ปุ่นยังคงตั้งประจำอยู่ที่เดิมไม่ยอมถอย

กองกำลังฝ่ายจีนกำลังป้องกันสะพานมาร์โค โปโล
กองกำลังฝ่ายจีนกำลังป้องกันสะพานมาร์โค โปโล

ฝ่ายก๊กมินตั๋งได้ประชุมกันและตกลงว่าจะยึดสะพานต่อไปและพยายามที่จะไม่เจรจากับญี่ปุ่น เพราะเชื่อถือไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี ฝ่ายจีนได้ส่งคนไปเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ฝ่ายญี่ปุ่นยอมเจรจาแต่จะถือว่าหากจีนเพิ่มกองกำลังก็จะถือว่าเป็นการยั่วยุ ซึ่งโดยแท้จริงขณะนั้นฝ่ายญี่ปุ่นกำลังซื้อเวลาด้วยการยอมเจรจาเพื่อรอการเคลื่อนย้ายกองกำลังจากส่วนอื่นมาสมทบ

การเจรจาครั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นสัญญาว่าจะไม่รุกรานปักกิ่งและเทียนสิน แต่ฝ่ายจีนต้องทำการปราบปราบองค์กรต่อต้านญี่ปุ่นในเมืองทั้งสอง จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ประทะกันเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่สะพานมาโคโปโล และจะต้องให้นายพลซังผู้บัญชาการกองพล 29 เท่านั้นเป็นผู้มาขอขมาต่อกองกำลังญี่ปุ่น เมื่อฝ่ายจีนไม่สามารถรับเงื่อนไขได้ทั้งหมด ฝ่ายญี่ปุ่นจึงบุกเข้ากรุงปักกิ่งโดยใช้กองกำลังเต็มอัตราที่มีอยู่ กองกำลังฝ่ายจีนกองพันที่ 37 และ132 พยายามฝ่าแนวญี่ปุ่นเข้านครปักกิ่งและถูกปิดกั้นอย่างหนักและก็สามารถฝ่าเข้าไปได้อย่างบอบช้ำ หลายวันต่อมาเมื่อถูกล้อมหนักมากขึ้น กองพล 29 จึงได้ตีฝ่าวงล้อมของข้าศึกออกไปจากกรุงปักกิ่งแต่ก็ถูกล้อมอีก กองทัพญี่ปุ่นสามารถเข้ากรุงปักกิ่งได้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม โดยปราศจากการต่อต้านและตั้งนายพลซังเป็นนายกเทศมนตรี แต่เขาก็หนีออกจากเมืองไปอย่างลับๆ ในสัปดาห์ต่อมา

สะพานมาร์โค โปโลในปัจจุบัน
สะพานมาร์โค โปโลในปัจจุบัน

หลังจากกรุงปักกิ่งและเทียนสินถูกยึดครอง ที่ราบจีนตอนเหนือก็ตกเป็นเป้าการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นที่มีอาวุธทันสมัยต่อจนถูกยึดครองทั้งหมดในปลายปีนั้น กองทัพจีนก๊กมินตั๋งและกองทัพจีนคอมมิวนิสต์ก็ได้รบไปแต่ล่าถอยไปโดยตลอดจนกระทั่งได้รับชัยชนะต่อกองทัพญี่ปุ่นอย่างยากเย็นที่ไทเออซวง เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2480

[แก้] ญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่2

แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ลงนามในการประกาศสงครามต่อจักรวรรดิญี่ปุ่นเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 หลังเกิดการโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์
แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ลงนามในการประกาศสงครามต่อจักรวรรดิญี่ปุ่นเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 หลังเกิดการโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์

[แก้] ชนวนก่อเหตุ

สมรภูมิในจีน ซึ่งกองทัพบกญี่ปุ่นได้ดำเนินการมานานก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่2อย่างเป็นทางการ โดยได้ทำการยึดครองเมืองและบริเวณชายฝั่งของจีนเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการจัดตั้งประเทศแมนจูกัวซึ่งมีจักรพรรดิปูยีเป็นประมุข และได้ทำการยึดครองกรุงหนานจิง(นานกิง) ที่เป็นเมืองหลวงของจีน(ของรัฐบาลก๊กมินตั่งในยุคนั้น) และได้ทำการสังหารหมู่ชาวจีนทีโด่งดังขึ้น ซึ่งรุนแรงมากจนกระทั่งทำให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในเมืองนานกิงยังรับไม่ได้

ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับแนวร่วมต่อต้านญี่ปุ่นซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีเหมาเจ๋อตงเป็นผู้นำและพรรคก๊กมินตั๋น(ประชาธิปไตย) ที่มีเจียงไคเช็กเป็นผู้นำ หลังจากเกิดกรณีซีอันขึ้น ทั้งที่ 2 พรรคนี้เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนโดยพรรคคอมมิวนิสต์ได้ทำการสู้รบและดำเนินการ "สงครามกองโจร" ที่กลายเป็นแบบอย่างของสงครามกองโจรยุคใหม่ขึ้นโดยมีฐานที่มั่นหลักอยู่ที่เยนอาน ตามเขตตอนเหนือและแมนจูเรียส่วนพรรคก๊กมินตั๋นได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ฉ่งชิ่ง(จุงกิง) และได้รับการสนับสนุนจากสัมพันธมิตรที่อยู่ในอินเดีย แต่ว่ามีการถกเถียงกันระหว่างบทบาทของพรรคก๊กมินตั๋นและพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในเรื่องบทบาทความสำเร็จและความเอาการเอางานในการต่อต้านญี่ปุ่นของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ที่แน่ชัดคือ นายพลสติเวลล์ ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐอเมริกาที่เข้าไปดูแลกองทัพของพรรคก๊กมินตั๋นรู้สึกโกรธมากที่ภายในพรคก๊กมินตั๋นไม่มีประสิทธิภาพ และมุ่งการปราบคอมมิวนิสต์มากกว่าการรบกับญี่ปุ่น ในขณะที่เอดการ์ สโนว์ได้แสดงความชื่นชมบทบาทของเหมาเจ๋อตงอย่างมากในการต่อต้านญี่ปุ่น และทางกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ส่งคณะปฏิบัติการดิกซีเข้าไปร่วมทำงานกับเหมาเจ๋อตุง แต่นักหนังสือพิมพ์จากสหภาพโซเวียตที่ได้เข้าไปทำข่าวในห้วงเวลาเดียวกันกลับวิจารณ์ เหมาเจ๋อตงว่าไม่เคร่งครัดในลัทธิคอมมิวนิสต์และหย่อนยานในการสู้รบ ทำให้ไม่สามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้

การรบชนะจีนซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียนั้น ยิ่งทำให้ชาติญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นในการทหารของตนเอง ทำการรุกรานประเทศอื่นๆอย่างไม่เกรงกลัว และยังประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาโดยการส่งเครื่องบินไประเบิดเรืออริโซน่าที่อ่าวเพิร์ล เป็นชนวนจุดระเบิดสงครามโลกครั้งที่สองในภูมิภาคเอเชีย


[แก้] สงครามอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์

เรือรบสงครามของอเมริกาถูกทำลายโดยกองทัพญี่ปุ่น
เรือรบสงครามของอเมริกาถูกทำลายโดยกองทัพญี่ปุ่น


สงครามอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เป็นการโจมตีฉับพลันของจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อฝ่ายกองทัพอเมริกา โดยการโจมตีเกิดขึ้นที่ อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ มลรัฐฮาวาย ในสหรัฐอเมริกา วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) ในการโจมตีนี้สร้างความเสียหายแก่ฝ่ายกองทัพสหรัฐอเมริกามาก โดยเรือสงครามสูญเสีย 12 ลำ เครื่องบิน 188 ลำ ทหารอเมริกันเสียชีวิต 2,403 คน และ ประชาชน 68 คน


[แก้] สงครามมหาเอเชียบูรพา

ธงของกองทัพเรือญี่ปุ่น
ธงของกองทัพเรือญี่ปุ่น

สงครามมหาเอเชียบูรพา เป็นคำที่ใช้กันในกองบัญชาการทัพแห่งจักรพรรดิญี่ปุ่น เริ่มใช้ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 หมายถึง สงครามในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเกิดขึ้นจากการรุกรานของจักรวรรดิญี่ปุ่น ในช่วงทศวรรษ 1930 ถึง 1940

สงครามมหาเอเชียบูรพาเป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเยอรมันบุกเข้าโปแลนด์เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2482 เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป หลังจากนั้นเยอรมันโจมตีอังกฤษทางอากาศและรุกเข้าสหภาพโซเวียต ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศตัวเป็นกลาง

ในทวีปเอเชีย ญี่ปุ่นเริ่มนโยบายชาตินิยมโดยใช้คำขวัญที่ว่า "เอเชียเพื่อชาวเอเชีย" (Asia for Asiatics) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2481[5] ได้ประกาศนโยบาย "การจัดระเบียบใหม่ในเอเชียตะวันออกและการสร้างวงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา" (New order in East Asia and the Greater East Asia Co-Prosperity Sphere) ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังได้ทำสัญญาร่วมมือกับเยอรมนีและอิตาลี เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2483 โดยมีเป้าหมายยึดครองประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ

ประเทศไทยในขณะนั้นประกาศตัวเป็นกลาง พยายามรักษาสัมพันธไมตรีกับทุกฝ่าย โดยมีการลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานกับทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2483 อีกทั้งยังลงนามสนธิสัญญาการเจริญสัมพันธไมตรีและการเคารพต่อบูรณภาพแห่งอาณาเขตของกันและกันกับญี่ปุ่นในวันเดียวกันที่กรุงโตเกียว

เมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามในยุโรป ญี่ปุ่นจึงส่งกำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในอินโดจีน อันประกอบด้วยเวียดนาม กัมพูชา และลาว การแผ่อำนาจครั้งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน และเนเธอร์แลนด์ ผนึกกำลังสกัดกั้นโดยอาศัยเครื่องมือทางเศรษฐกิจ ด้วยการงดจำหน่ายสินค้าที่เป็นประโยชน์ในสงครามต่อญี่ปุ่นโดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียด

[แก้] ญี่ปุ่นบุกไทย

แผนที่แสดงการบุกของกองทัพญี่ปุ่น
แผนที่แสดงการบุกของกองทัพญี่ปุ่น
เรือ Intrepid (CV-11) ถูกฝูงบินกามิกาเซ่โจมตี  (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487)
เรือ Intrepid (CV-11) ถูกฝูงบินกามิกาเซ่โจมตี (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487)

เช้ามืดวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (วันที่ 7 ธันวาคม ตามเวลาในฮาวาย) ญี่ปุ่นเปิดแนวรบในเอเชียตะวันออก โจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ในฮาวาย ซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งเกาะฮ่องกงของอังกฤษ เกาะฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกา และเมืองโกตาบารูในแหลมมลายู โดยมิได้ประกาศสงครามล่วงหน้า

ก่อนหน้าการโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ไม่กี่ชั่วโมง คืนวันที่ 7 ธันวาคม ขณะที่ในกรุงเทพฯ มีงานฉลองรัฐธรรมนูญ สถานีวิทยุบีบีซี รายงานว่ามีความเคลื่อนไหวของขบวนเรือญี่ปุ่นในอ่าวไทย ทำให้เกิดข่าวลือว่าญี่ปุ่นจะบุกไทย ค่ำวันนั้นเอกอัครราชทูตอังกฤษได้เข้าพบ ศ.ดร.ดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทูตรายงานว่าเครื่องบินตรวจการณ์ของอังกฤษเห็นกองเรือรบญี่ปุ่นเดินทางมาจากแหลมญวนและกำลังอยู่ในอ่าวไทย ไม่นานหลังจากนั้น ญี่ปุ่นได้ส่งเอกอัครราชทูตเข้ามาขอพบนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อเจรจาขอเดินทัพผ่านประเทศไทย โดยประสงค์จะเดินทางข้ามไปยังพม่าและมลายูซึ่งเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ แต่ขณะนั้นนายกรัฐมนตรีไปต่างจังหวัด

ขณะที่รัฐบาลไทยยังไม่ทันได้โต้ตอบใด ๆ กองทัพญี่ปุ่นก็ไม่รอช้า บุกเข้าสู่แผ่นดินไทยเมื่อเวลา 2.00 น. จากชายแดนด้านทิศตะวันออก พร้อมกับส่งกองกำลังในอ่าวไทย ยกพลขึ้นบกตามแนวชายฝั่งทะเลเข้าสู่พื้นที่จังหวัดปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ โดยมีทหาร ตำรวจ ยุวชนทหาร ลูกเสือ และอาสาสมัครต่าง ๆ ต่อสู้ทัดทานการรุกรานในครั้งนี้ของญี่ปุ่น

รัฐบาลไทยพิจารณาเห็นว่าไทยมิอาจต้านทานกองกำลังญี่ปุ่นได้ ประกอบกับการที่ญี่ปุ่นสัญญาว่าจะเคารพเอกราช อธิปไตย และเกียรติภูมิของไทย รัฐบาลจึงมีคำสั่งหยุดยิงและยุติการสู้รบเมื่อเวลา 7.30 น. ของวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยตกลงยินยอมให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน (แต่การสู้รบในภาคใต้ยังดำเนินอยู่จนถึงบ่ายโมง กว่าที่คำสั่งหยุดยิงจะไปถึง) จอมพล ป.พิบูลสงครามตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เมื่อญี่ปุ่นเข้ายึดครองดินแดนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลงนามทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ความร่วมมือกับญี่ปุ่นในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ญี่ปุ่นจะยกดินแดนไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ซึ่งเคยตกเป็นของอังกฤษคืนให้แก่ไทย และนำไปสู่การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485

[แก้] สมรภูมิในแปซิฟิคและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เครื่องบิน 52c Zeroes ถูกส่งจากเกาหลีสู่เกาะคิวชู  (ต้นปี พ.ศ. 2488)
เครื่องบิน 52c Zeroes ถูกส่งจากเกาหลีสู่เกาะคิวชู (ต้นปี พ.ศ. 2488)

หากไม่นับรวมการเข้ายึดครองอินโดจีนของฝรั่งเศส ที่ถูกบังคับให้เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะภายใต้รัฐบาลวิชีแล้ว สมรภูมิด้านนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือหลักของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ และการบุกยึดประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทยในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นได้บุกไปถึงพม่า นิวกินี และเกาะกัวดาคาแนล ซึ่งปรากฏว่าหลังจากสมรภูมิที่มิดเวย์ การรบทางทะเลแถวหมู่เกาะโซโลมอนและทะเลปะการัง และการรบที่กัวดาคาแนลแล้ว ปรากฏว่ากองทัพเรือญี่ปุ่นต้องสูญเสียอย่างหนัก ส่วนกองทัพบกก็ไม่สามารถหากำลังพลและยุทโธปกรณ์ได้เพียงพอเพื่อปกป้องดินแดนที่ยึดได้ใหม่ ในที่สุดจึงถูกกองกำลังพันธมิตรที่มีสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลียตีโต้กลับไปจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด

[แก้] สงครามจบ

เมฆรูปเห็ดสูง 18 กิโลเมตร ที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2488 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง
เมฆรูปเห็ดสูง 18 กิโลเมตร ที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2488 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง

สาเหตุที่เกิด WW2 (สงครามโลกครั้งที่2) ประเทศญี่ปุ่นบุกโจมตี จีนเพื่อขยายอาณาเขตประเทศ แล้วจีนก็ ขอความช่วยเหลือจากอเมริกา อเมกาจึงงดค้าน้ำมันให้ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงบุกโจมตี"เพิร์ลฮาร์เบอร์"(เกาะของฟิลิปปิน) เเละญี่ปุ่นรุกคื่บบุกโจมตีประเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยัง สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า กัมพูชา ไทย จีนตอนใต้บุกฟิลิปปินส์ อเมริกาส่งกองทัพมาช่วยเเละนั้นคือการเผยโฉมเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในโลกของญี่ปุ่น คือ "เรือประจัญบานยามาโตะ" บุกโจมตีอเมริกา แต่ยุคของเรือรบกลายเป็นยุคของเครื่องบินทิ้งระเบีดเสียเเล้ว ทำให้ยามาโต้ล่มลงในปี ค.ศ.1945 ต่อมาอีกไม่กี่วันระเบิดนิวเคลียร์ก็ได้ถูกทิ้งลงที่ฮิโรชิม่า แต่ญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้ ทำให้อเมริกาจำเป็นต้องทิ้งนิวเคลียร์ อีก 1 ลูกที่นางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้สงคราม ญี่ปุ่นเสียทหารไปมากกว่า 190,000 คน ประชาชน 50,000 คน

วัตถุดิบของอาวุธนิวเคลียร์ มีดังนี้

  • แร่ยูเรเนี่ยม 50.000 กิโลกรัม
  • ไนโตรเจน 1.200 กรัม
  • กำมะถัน 50.000 กรัม
  • และส่วนประกอบที่ยังเป็นความลับอีก 90 ชนิด

นี่คือส่วนประกอบของนิวเคลียร์ที่ลงที่ฮิโรชิม่า

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ 宮田 節子 [Miyata, Setsuko]. "創氏改名" [Creating Surnames and Changing Given Names}, 明石書店 [Akashi-shoten], 1992, al. ISBN 4-7503-0406-9
  2. ^ [1]
  3. ^ 山脇 啓造 Yamawaki, Keizo. 近代日本と外国人労働者―1890年代後半と1920年代前半における中国人・朝鮮人労働者問題 Modern Japan and Foreign Laborers: Chinese and Korean Laborers in the late 1890s and early 1920s, 明石書店 Akashi-shoten, 1994, et al. ISBN 4750305685
  4. ^ http://archives.cnn.com/2001/WORLD/asiapcf/east/03/29/japan.comfort.women/index.html] [2] [3] Comfort-Women.org
  5. ^ International Military Tribunal for the Far East เข้าถึงเมื่อ 3 พ.ย. 2549

[แก้] ดูเพิ่ม


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -