ไทยไทรบุรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชาวไทยไทรบุรี เป็นคนไทยที่อพยพมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย มีปรากฏหลักฐานว่าเป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตร เมืองไทรบุรีใช้ตรานักษัตรงูใหญ่ ต่อมาในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยาตั้งเมืองชัยนครขึ้นใหม่ เมื่อไทยยกไปตีมะละการะหว่าง พ.ศ. 1998-2003 จึงเรียกว่าเมืองไชยบุรี และมีราษฎรทางหัวเมืองเหนืออพยพมาอยู่กันมาก จึงออกเสียงแบบสำเนียงเหนือเป็นไซบุรี ต่อมาปี พ.ศ. 2067 เมืองไชยบุรีได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาเจะห์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประชากรจึงได้หันไปนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีคนที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนมากเช่นเดียวกัน ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในราว พ.ศ. 2173 จึงได้เมืองไชยบุรีกลับมาตามเดิม ช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ยังเขียนชื่อเป็นไซบุรีอยู่ ภายหลังจึงเขียนเป็น ไทรบุรี ในสมัยยุคล่าอาณานิคม ไทยถูกบังคับให้เซ็นสนธิสัญญายกไทรบุรี ปะลิส กลันตัน ตรังกานู เประตอนบนให้อังกฤษ ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2451 หรือเมื่อ 99 ปีก่อน คิดเป็นพื้นที่ที่เสียในครั้งที่ 13 ประมาณ 52,100 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น มีโรงเรียนสอนภาษาไทยและพระพุทธศาสนา
ไทยเสียดินแดนดังกล่าว แต่ชาวไทยในหัวเมืองมลายูทั้ง 4 เมือง ยังคงตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นั่นนับตั้งแต่อังกฤษยึดครองมาเลเซียจนกระทั่งมาเลเซียได้รับเอกราชจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะในเกดะห์มี 11 เขต 27 หมู่บ้าน มีวัด 50 วัดมีชาวไทยไม่ต่ำกว่า 50,000 คน
- ก่อนมาเลเซียได้รับเอกราช ชาวไทยมีหลักฐานแสดงสถานภาพความเป็นชนกลุ่มน้อย คือ
- สูติบัตรแสดงความเป็นไทย เชื้อสายไทย
- ทะเบียนสำมะโนครัว แสดงสัญชาติมาเลเซีย
- บัตรประชาชน เริ่มทำตั้งแต่อายุ 12 ปี และทำใหม่อีกครั้ง เมื่ออายุ 18 ปี
- หลังจากได้รับเอกราชแล้ว ชาวไทยมีหลักฐานการแสดงสถานภาพ ดังนี้
- สูติบัตร แสดงว่าเป็ยคนไทย เชื้อสายไทย
- บัตรประชาชน แสดงสัญชาติมาเลเซีย
ชาวไทยมีที่ดินเป็นของตนเอง มีสิทธิ์ขายที่ดินให้แก่ผู้อื่นได้แต่ผู้ซื้อต้องเป็นชาวมาเลเซีย ชาวไทยด้วยกันไม่มีสิทธิ์ซื้อขายที่ดินไม่ว่าเป็นของชาวไทยหรือของชาวมาเลเซีย อีกประการหนึ่งเจ้าของที่ดินต้องเป็นเกษตรกรชาวไทยและมีบัตรRegence Patanian Orang Orang Siam ทางการมาเลเซียจึงยอมรับว่าชาวไทยเป็นเกษตรกรเจ้าของที่ดินและไม่ประสงค์กลับเข้าไปอยู่ในประเทศไทย
ในชีวิตประจำวันชาวไทยส่วนมาก ทำนา ทำสวนยางพารา และพูดภาษาไทยถิ่นใต้สำเนียงนครศรีธรรมราชและสงขลา ถ้าสมาคมกับชาวจีนซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยด้วยกันก็จะใช้ภาษาจีน ถ้าสมาคมกับชาวมาเลเซียจะใช้ภาษามลายู
ชาวไทยเรียนหนังสือไทยจากวัด ส่วนใหญ่มีพระภิกษุหรือคนไทยอาสาสมัครเป็นผู้สอนพอให้อ่านและเขียนภาษาไทยได้ ปัจจุบันพ่อแม่เด็กไทยไม่นิยมส่งลูกหลานให้เรียนภาษาไทย เพราะผู้เรียนภาษาไทยไม่มีสิทธ์เรียนต่อชั้นสูงในโรงเรียนรัฐบาล รัฐบาลมาเลเซียไม่อนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนภาษาไทย
จากการศึกษาระบบเสียง คำ ความหมายของคำบางคำ และลักษณะการเรียงคำของประโยคในภาษาถิ่นที่ใช้ในปัจจุบัน ในรัฐกลันตัน ไทรบุรีและปะลิส ในประเทศมาเลเซีย ศึกษาเปรียบเทียบเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ในภาษาถิ่นที่วิจัยทั้ง 3 ถิ่นกับภาษากรุงเทพ และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาษาถิ่นที่วิจัยแต่ละถิ่นที่พูดในมาเลเซียกับภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดในเมืองไทยผลการวิจัย พบว่าภาษาถิ่น 3 ถิ่นนี้มีทั้งลักษณะที่คล้ายคลึงกันและต่างกัน โดยเฉพาะภาษาไทยไทรบุรีกับปะลิสคล้ายคลึงกันมาก เกือบทุกด้าน แต่แตกต่างจากภาษาไทยกลันตันอย่างเห็นได้ชัด และทั้ง 3 ภาษานี้จะแตกต่างจากภาษากรุงเทพ แต่จะคล้ายคลึงกับภาษาไทยถิ่นใต้ สามารถจะจัดให้ภาษาไทยกลันตันอยู่กลุ่มเดียวกับภาษาไทยถิ่นใต้กลุ่มตากใบ ส่วนภาษาไทยไทรบุรีและปะลิสอยู่กลุ่มเดียวกับภาษาไทยถิ่นใต้กลุ่มนครศรีธรรมราช และสงขลา
[แก้] ดูเพิ่ม
|
|
---|---|
ในราชอาณาจักร | ไทยกลาง • ไทยอีสาน • ไทยเหนือ • ไทยใต้ • ไทยโคราช |
นอกราชอาณาจักร | ไทยกลันตัน • ไทยไทรบุรี • ไทยปะลิศ • ไทยเกาะกง · ไทยโยเดีย • ไทยพลัดถิ่นในเขตตะนาวศรี |