การเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายเสียง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายเสียง เป็นระบบในการเขียนเสียงพูดของมนุษย์จากภาษาหนึ่ง เป็นเป็นระบบตัวอักษรในอีกภาษาหนึ่งตามกฎที่วางไว้ เพื่อให้คงเสียงของภาษาต้นฉบับ การเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายเสียงนี้จะแตกต่างกับการเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายถอดตัวอักษรซึ่งเปลี่ยน ระบบตัวอักษรจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง เพื่อให้คงรูปของตัวอักษรมากที่สุดที่เป็นไปได้ เช่นการถอดอักษรซีริลลิก เป็นอักษรละตินสำหรับภาษารัสเซีย (เช่นชื่อ "เลนิน" ในอักษรซีริลลิก Ленин และอักษรละติน Lenin) แม้กระนั้น การเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายเสียงและแบบถ่ายรูป ในบางครั้งจะถูกใช้ผสมกันซึ่งมีให้เห็นได้ทั่วไปสำหรับเขียนชื่อที่มาจากภาษาอื่น
มาตรฐานที่ใช้ในการเขียนคำทับศัพท์ได้แก่ สัทอักษรสากล และ แซมปา
ตารางด้านล่าง แสดงตัวอย่างของการเขียนคำทับศัพท์ โดยมี การเขียนคำทับศัพท์แบบถ่ายถอดตัวอักษร และสัทอักษรสากลกำกับ
การเขียนคำทับศัพท์ | |
---|---|
ต้นฉบับ ภาษารัสเซีย (อักษรซีลิลิก) | Борис Николаевич Ельцин |
คำทับศัพท์แบบถ่ายถอดตัวอักษรอย่างเป็นทางการ (GOST) | Boris Nikolaevič El'cin |
คำทับศัพท์แบบถ่ายถอดตัวอักษรในทางวิชาการ | Boris Nikolajevič Jel’cin |
คำทับศัพท์แบบถ่ายเสียงในลักษณะสัทอักษรสากล | [bʌˈɾʲis nʲɪkʌˈɫajɪvʲɪʧʲ ˈjelʲʦɨn] |
เขียนชื่อบุคคลเดิมในภาษาอื่น | |
ภาษาอังกฤษ | Boris Nikolayevitch Yeltsin |
ภาษาเยอรมัน | Boris Nikolajewitsch Jelzin |
ภาษาฮิบรู | בוריס ניקולאייביץ' יילצין |
ภาษาสเปน | Borís Nikoláievich Yeltsin |
ภาษาตุรกี | Boris Nikolayeviç Yeltsin |
เนื้อหา |
[แก้] การเขียนคำทับศัพท์ในภาษาต่างๆ
คำเดียวกันมักจะมีการเขียนคำทับศัพท์แตกต่างกัน ถ้าใช้ระบบที่ต่างกัน เช่นในภาษาจีน ชื่อเมืองหลวง ปักกิ่ง ได้มีการเขียนคำทับศัพท์ 2 แบบ คือ Beijing ในระบบฮั่นหยู่พินอิน และ Pei-Ching ในระบบWade-Giles
การเขียนคำทับศัพท์จากภาษาอื่นไปเป็นภาษาจีน ใช้การเขียนคำศัพท์ที่มีเสียงใกล้เคียง เช่นชื่อ บุช ในชื่อจอร์จ บุช ทับศัพท์ในภาษาจีนเป็น "โบวซู" (布殊) โดยตัวอักษรมีความหมายว่า "ผ้า" และ "พิเศษ" สำหรับภาษาญี่ปุ่น คำทับศัพท์จากภาษาอื่นมา จะถูกเขียนในตัวอักษรคะตะกะนะ ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบการเขียนของภาษาญี่ปุ่น
ในภาษาไทย ระบบการเขียนคำทับศัพท์ตามระบบของราชบัณฑิตยสถานเป็นระบบมาตรฐานที่ใช้สำหรับเอกสารทางราชการในประเทศไทย และยังคมนิยมใช้เป็นมาตรฐานหลักในประเทศไทย โดยมีระบบสำหรับการเขียนคำทับศัพท์ในภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษามลายู ภาษาเยอรมัน ภาษารัสเซีย ภาษาสเปน ภาษาอาหรับ ภาษาอิตาลี นอกจากนี้การเขียนคำทับศัพท์จากภาษาไทยเป็นตัวอักษรละติน ในระบบ ALA-LC โดย The Library of Congress [1] และ มาตรฐาน ISO 11940 (ค.ศ. 1998) แบบถ่ายถ่ายทอดตัวอักษรโดยระบบของแอนซี
[แก้] ภายหลังจากการทับศัพท์
ภายหลังจากการเขียนคำทับศัพท์ เสียงต้นฉบับของคำอาจจะมีการสูญหายไป เนื่องจากมีการพัฒนาระบบของแต่ละภาษาแตกต่างกันไป หรือมีการนำคำศัพท์เดิมในรูปแบบตัวอักษรไปเขียนและอ่านในภาษาใหม่แทนที่ เช่น คำว่า ฌาน ในภาษาบาลี หรือ ธฺยาน ในภาษาสันสกฤต เขียนในอักษระละตินว่า Dhyāna ต่อมาได้ทับศัพท์ในภาษาจีนว่า ฌาน (禪) และชาวญี่ปุ่นได้นำศัพท์ภาษาจีน ไปใช้ในรูปแบบของอักษรคันจิของภาษาญี่ปุ่นในอักษรเดิมแต่อ่านว่า เซน (禅, ゼン) หลังจากนั้นภาษาอังกฤษได้มีการนำศัพท์คำว่า เซน จากภาษาญี่ปุ่นทับเป็นคำว่า zen ซึ่งคำต้นฉบับคือคำว่า dhyāna ได้เปลี่ยนเป็น Zen ในการทับศัพท์หลายครั้ง
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] การเขียนคำทับศัพท์เฉพาะภาษา
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่น
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาฝรั่งเศส
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษามลายู
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาเยอรมัน
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษารัสเซีย
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาสเปน
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาอาหรับ
- การเขียนคำทับศัพท์ภาษาอิตาลี
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- หลักเกณฑ์การทับศัพท์ระบบราชบัณฑิตยสถาน ใน ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษามลายู ภาษาเยอรมัน ภาษารัสเซีย ภาษาสเปน ภาษาอาหรับ ภาษาอิตาลี
- ศัพท์บัญญัติ ราชบัณฑิตยสถาน ฐานข้อมูลศัพท์บัญญัติ ในสาขาต่าง ๆ