See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
โรคลูปัส - วิกิพีเดีย

โรคลูปัส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โรคลูปัส
(Lupus Erythematosus)
การจำแนกประเภทโรค และแหล่งข้อมูลอื่น
ICD-10 L93., M32.
ICD-9 710.0
OMIM 152700
DiseasesDB 12782
MedlinePlus 000435
eMedicine med/2228  emerg/564
MeSH D008180

โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus - SLE) ขณะนี้ยังไม่มีชื่อโรคเป็นภาษาไทยที่เหมาะสมเนื่องจากเป็น​โรคที่มีอาการเกิดขึ้นกับหลายระบบ​หรือหลายอวัยวะในร่างกายเป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงไป โดยแทนที่จะทำหน้าที่ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม​หรือเชื้อโรคจากภายนอกร่างกายกลับมาต่อต้าน หรือทำลายเซลล์ของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ก่อให้เกิดการอักเสบได้เกือบทุกอวัยวะของร่างกาย​อวัยวะที่เกิดการอักเสบได้บ่อย ได้แก่ ผิวหนัง, ข้อ, ไต, ระบบเลือด, ระบบประสาท เป็นต้น​การอักเสบนี้จะเป็นต่อเนื่องจนเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง โดยโรคนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ "โรคพุ่มพวง" เนื่องจาก พุ่มพวง ดวงจันทร์ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังได้เสียชีวิตจากโรคนี้

เนื้อหา

[แก้] สาเหตุ

สาเหตุที่ทำให้​เกิดโรคเอสแอลอี​คือ​กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนเพศหญิง ภาวะติดเชื้อโรคบางชนิด​เช่น​เชื้อไวรัสบางอย่าง​

[แก้] ปัจจัยเสริม

ปัจจัยเสริมที่ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอสแอลอี​หรือมีโอกาสจะเป็นมีอาการกำเริบขึ้น​เช่น​แสงแดด​หรือแสงอัลตราไวโอเลต​การตั้งครรภ์​ยา​หรือสารเคมีบางชนิด​การออกกำลังกาย​หรือทำงานหนัก​ภาวะเครียดทางจิตใจ​

[แก้] กลุ่มประชากร

ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี​ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง​อายุระหว่าง​20-45 ปี​ที่พบมากสุดอยู่ในช่วงอายุประมาณ​30 ปี​แต่ก็พบได้ในทุกช่วงอายุ พบผู้หญิงเป็นโรคเอสแอลอี มากกว่าผู้ชายถึง​9 เท่า​โรคเอสแอลอีนี้​พบได้ในคนทุกเชื้อชาติทั่วโลก

[แก้] อาการและอวัยวะที่ปรากฏอาการ

โรคเอสแอลอีเป็น​โรคเรื้อรังที่มีอาการเกิดขึ้นกับหลายอวัยวะ​หรือหลายระบบของร่างกาย​บางราย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆกัน​บางรายมีการแสดงออกเพียงอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งทีละระบบ​ ​เช่น​มีปวดบวมตามข้อ​มีผื่นขึ้นที่หน้า​มีขาบวม​หน้าบวมจากไตอักเสบ​หรือมีอาการทางระบบประสาท เป็นต้น​บางรายมีอาการเฉียบพลันรุนแรง​บางรายอาการค่อยเป็นค่อยไปในช่วงระยะหนึ่ง​อาการที่เกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆที่สำคัญคือ​

  1. อาการทางผิวหนังผู้ป่วยมักมีผื่นแดงขึ้นที่บริเวณใบหน้า​บริเวณสันจมูก​และโหนกแก้ม​2 ข้างเป็นรูปคล้ายผีเสื้อ​หรือมีผื่นแดงคันบริเวณนอกร่มผ้าที่ถูกแสงแดด​หรือมีผื่นขึ้นเป็นวงเป็นแผลเป็นตามใบหน้า​หนังศีรษะ​หรือบริเวณใบหู​มีแผลในปาก​โดยเฉพาะบริเวณเพดานปาก​ นอกจากนี้ยังมีผมร่วงมากขึ้น​
  2. อาการทางข้อและกล้ามเนื้อ​ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดข้อ​ มักเป็นข้อนิ้วมือ​ข้อมือ​ข้อไหล่​ข้อเข่า​หรือข้อเท้า​บางครั้งมีบวมแดงร้อนร่วมด้วย
  3. อาการทางไต ผู้ป่วยมักมีอาการบวมบริเวณเท้า​2 ข้าง​ขาหน้า หนังตาบวม เนื่องจากมีการอักเสบที่ไต ทำให้มีโปรตีนไข่ขาวจากเลือดรั่วออกมาในปัสสาวะจำนวนมาก​ รายที่มีอาการรุนแรง​จะมีความดันโลหิตสูงขึ้น​ปัสสาวะออกน้อยลง​ในรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจถึงขั้นมีไตวายได้ในระยะเวลาอันสั้น ​อาการทางไตเป็นอาการสำคัญอันหนึ่งที่บอกว่า​โรคเป็นรุนแรง
  4. อาการทางระบบเลือด ผู้ป่วยอาจมีโลหิตจาง มีเม็ดเลือดขาว​หรือเกร็ดเลือดลดลง​ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย มีภาวะติดเชื้อง่าย​หรือมีจุดเลือดออกตามตัวได้
  5. อาการทางระบบประสาท​ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการชัก หรือมีอาการพูดเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่อง​หรือคล้ายคนโรคจิตจำญาติพี่น้องไม่ได้​ เนื่องจาก​มีการอักเสบของสมอง​หรือเส้นเลือด​ในสมอง

​ นอกจากนี้​ยังมีอาการทางระบบอื่นๆ​ในร่างกาย​เช่น​ทางเดินอาหาร​หัวใจ ปอด​ได้​รวมทั้ง​มีอาการทั่วไป​ เช่น​ มีไข้​อ่อนเพลีย​เบื่ออาหาร​ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ​ปวดศีรษะ​จิตใจหดหู่​ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี แต่ละรายไม่จำเป็นต้องมีอาการครบทุกระบบ​หรือมีอาการรุนแรง​ บางรายก็มีอาการน้อย​เช่น​มีไข้​ปวดข้อ​มีผื่นขึ้นถือว่าไม่รุนแรง​ บางรายมีอาการรุนแรง​มีไตอักเสบมากจนไตวาย​มีอาการชัก​หรือมีปอดอักเสบรุนแรงจนมีเลือดออกในปอด​ อาการของโรคมักจะแสดงความรุนแรงมาก​หรือน้อย​ภายในระยะเวลา​1-2 ปี​แรกจากที่เริ่มมีอาการ​หลังจากนั้นมักจะเบาลงเรื่อยๆ​ แต่อาจมีอาการกำเริมรุนแรงได้เป็นครั้งๆ​ เมื่อมีไข้ไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลานาน​ เมื่อมีอาการปวดตามข้อ​เมื่อมีผื่นขึ้นบริเวณใบหน้า​หรือมีผื่นคันบริเวณที่ถูกแสงแดด เมื่อมีผมร่วงมากผิดปกติ​ เมื่อมีอาการบวมตามขา​หน้า​หรือหนังตา​

[แก้] การรักษา

การรักษาโรคเอสแอลอี​จะต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคของผู้ป่วย​ การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องของผู้ป่วยและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้ทำการรักษา​ การเลือกวิธีการรักษา​โรค ​เอสแอลอี​ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคของผู้ป่วยแต่ละราย​ ถ้าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง​การใช้ยาแก้ปวด​เช่น​ยาพาราเซตามอล หรือแอสไพริน​หรือยาลดการอักเสบชนิดไม่​ใช่สเตียรอยด์ก็ควบคุมอาการได้

​สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขึ้นอาจต้องใช้​ยาสเตียรอยต์​เช่น​ยาเพรตนิโซโลน​ในขนาดต่างๆ ตามความเหมาะสมตั้งแต่ขนาดต่ำ​ถึง​สูง​เป็นระยะเวลาต่างๆ​ เป็นสัปดาห์จนเป็นหลายเดือนขึ้นกับความรุนแรงและระบบ​อวัยวะที่มีอาการอักเสบ​ ​บางรายที่มีการอักเสบของอวัยวะสำคัญ​ เช่น​ ไต หรือระบบประสาท อาจจำเป็นต้องใช้​ยากดภูมิคุ้มกัน​เช่น​ ยาอิมูแรน​ หรือเอ็นด๊อกแซน​อาจเป็นใน​รูปยารับประทาน​หรือการให้ยาทางน้ำเกลือเป็นระยะ​ บางรายถึงกับต้องใช้การเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลืองร่วมด้วย​ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค​ในผู้ป่วยแต่ละราย​การเลือก​ใช้ชนิดของการรักษา​ด้วยขนาดที่เหมาะสม ในจังหวะที่ถูกต้องกับความรุนแรงของโรคเป็น​กุญแจสำคัญที่จะทำให้การรักษาได้ผลดี

​การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องของผู้ป่วยเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด​ในการรักษาโรคเอสแอลอีให้ได้ผลดี​ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องทำได้​ ดังนี้​ ​ พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด​ตั้งแต่ช่วง​10.00 น.-16.00 น. ถ้าจำเป็นให้กางร่ม​ใส่หมวก​หรือสวมเสื้อแขนยาว​และใช้ยาทากันแดดที่ป้องกันแสงอุลตราไวโอเลตได้ดี​ พักผ่อนให้เพียงพอ​ ​หลีกเลี่ยงความตึงเครียด​โดยพยายามฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง​ ไม่หมกมุ่น​ทำใจยอมรับกับโรคและปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นและค่อยๆแก้ปัญหาต่างๆไปตามลำดับ​ ​ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ​ ไม่รับประทานอาหารที่ไม่สุกหรือไม่สะอาด​เพราะจะมีโอกาสติดเชื้อต่างๆง่าย​ เช่น​ พยาธิต่างๆ​หรือแบคทีเรีย​ โดยเฉพาะเชื้อไทฟอยด์​ดื่มนมสดและ​อาหาร​อื่นๆที่มีแคลเซี่ยมสูงเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน​ ไม่รับประทานยาเองโดยไม่จำเป็น​ เพราะยาบางตัวอาจทำให้โรคกำเริบได้​ ​ป้องกันการตั้งครรภ์ขณะโรคยังไม่สงบ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกำลังได้ยากดภูมิคุ้มกันอยู่​ แต่ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดซึ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจน​เพราะอาจทำให้โรคกำเริบได้​และไม่ควรใช้​วิธีใส่ห่วงด้วย​เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าคนปกติ​ ​เมื่อโรคอยู่ในระยะสงบสามารถตั้งครรภ์ได้​ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน​และขณะตั้งครรภ์ควรมารับการตรวจอย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม​ เพราะบางครั้งโรคอาจกำเริบขึ้นระหว่างตั้งครรภ์​ ​หลีกเลี่ยงจากสถานที่แออัดที่มีคนหนาแน่น​ที่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์​และไม่เข้าใกล้ผู้ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อ​เช่น​ไข้หวัด​เพราะจะมีโอกาสติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย​ ​ถ้ามีลักษณะที่บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ​เช่น​ไข้สูง​หนาวสั่น​มีฝีตุ่มหนองตามผิวหนัง​ไอเสมหะเหลืองเขียว​ปัสสาวะแสบขัด​ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที​ หากรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่​เช่น​อิมูแรน,เอ็นด๊อกแซน​ให้หยุดยานี้ชั่วคราวในระหว่างที่มีการติดเชื้อ​ ​มาตรวจตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ​ เพื่อประเมินภาวะของโรค​และเพื่อปรับเปลี่ยนการรักษาให้เหมาะสม​ ​ถ้ามีอาการผิดปกติที่เป็นอาการของโรคกำเริบให้มาพบแพทย์ก่อนัด​ เช่น​มีอาการไข้เป็นๆหายๆ​ อ่อนเพลีย​ น้ำหนักลด บวม​ ผมร่วง​ผื่นใหม่ๆ​ปวดข้อ​เป็นต้น​ ​ถ้ามีการทำฟัน​ถอนฟัน​ให้รับประทานยาปฏิชีวนะก่อนและหลังการทำฟัน​ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ​ทั้งนี้โดยปรึกษาแพทย์​ ​การพยากรณ์โรคของผู้ป่วยโรคเอสแอลอี​แต่ละรายแตกต่างกัน​ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค​ การรักษาที่ได้รับว่าถูกต้องหรือไม่​ ตลอดจนการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย​ ความต่อเนื่อง และความ​สม่ำเสมอของการไปติดตามการรักษา ในปัจจุบันการพยากรณ์โรคของผู้ป่วยโรคเอสแอลอีดีขึ้นมาก​ เนื่องจากมีความก้าวหน้าในทางการแพทย์​ ทำให้การรักษาโรคเอสแอลอีมีประสิทธิภาพมากขึ้น​มีการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ดีขึ้น​ มียารักษาภาวะแทรกซ้อน​ เช่น​ ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อที่ดีขึ้น​ ทำให้ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี​มีโอกาสอยู่รอดได้มากขึ้นมากและอยู่อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

[แก้] สาเหตุการเสียชีวิต

สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเอสแอลอีเกิดได้จาก​3​สาเหตุคือจาก​ตัวโรคเองผู้ป่วยมีอาการอักเสบรุนแรงของอวัยวะสำคัญ​เช่น​ไต​สมอง​หลอดเลือดโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที​ ​จากภาวะติดเชื้อเนื่องจากโรคเอสแอลอีทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติอยู่แล้ว​ยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งยาสเตียรอยด์​และยากดภูมิคุ้มกันยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป​ ​จากยาหรือวิธีการรักษาที่ไม่ถูกต้องหรือขนาดยาที่ไม่​หมาะสม​ ​โรคเอสแอลอีเป็นโรคแพ้ภูมิชนิดหนึ่งที่มีอาการและอาการแสดงได้หลากหลาย​มีความรุนแรงได้ตั้งแต่น้อยจนถึงมาก​ ​การรักษาโรคที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มมีอาการจะทำให้ผู้ป่วยมีการพยากรณ์โรคดีมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคหรือเกิดความพิการน้อยลงการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยอย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ​ถึงแม้โรคนี้จะไม่หายขาด​แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้อง​ จะทำให้โรคเข้าสู่ระยะสงบได้ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้เหมือนปกติทั่วไป

โรคลูปัส เป็นบทความเกี่ยวกับ การแพทย์  ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคลูปัส ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -