จักรพรรดิเจียชิ่ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระจักรพรรดิเจียชิ่ง (อักษรจีนตัวย่อ: 嘉庆, อักษรจีนตัวเต็ม: 嘉慶 Jiaqing พินอิน : Jiāqìng เจียชิ่ง, 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2303 – 2 กันยายน พ.ศ. 2363) เป็นโอรสองค์ที่ 15 ของจักรพรรดิเฉียนหลง เดิมมีพระนามว่า หย่งเยี๋ยน (顒琰) เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2339 (ค.ศ. 1796) เมื่อพระชนมายุได้ 37 พรรษา ภายหลังการสละราชสมบัติของจักรพรรดิเฉียนหลง พระราชบิดา แต่อำนาจในการปกครองแผ่นดินแท้จริงยังอยู่ในจักรพรรดิเฉียนหลง เมื่อจนถึงปีที่ 3 ที่ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) จักรพรรดิเฉียนหลงได้สวรรคต และพระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองแย่งแท้จริง
เมื่อทรงได้อำนาจเต็มแล้ว ทรงได้กำจัดเหอเซิน ที่เป็นขุนนางกังฉิน โกงกินชาติ ซึ่งเป็นคนสนิทของจักรพรรพิเฉียนหลง ทรงรวบรวมขุนนางและบรรดาผู้ที่จงรักภักดีเพื่อกำจัดเหอเซิน โดยบุคคลสำคัญผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการครั้งนี้คือ อ๋องเฉิน ซึ่งเป็นพระเชษฐา (พี่ชาย ) ของพระองค์และเป็นพระโอรสลำดับที่ 11 ของจักรพรรพิเฉียนหลง เมื่อได้ยึดทรัพย์เหอเซินแล้ว พบว่าเงินจำนวนที่เหอเซินยักยอกไว้นั้นมีมูลค่าเท่ากับรายได้ประเทศชาติถึง 10 ปี แต่เมื่อจับกุมเหอเซินได้แล้วกลับลังเลพระทัยที่จะประหารชีวิต เนื่องจากทรงเคยรับคำพระราชบิดา จักรพรรดิเฉียนหลงเอาไว้ว่าจะไว้ชีวิตเหอเซิน เมื่อพระองค์สวรรคต แต่ได้ถูกอ๋องเฉินและบรรดาขุนนางทูลทัดทาน จึงได้ตัดสินพระทัยบังคับให้เหอเซินผูกคอตาย
ตลอดรัชสมัย ทรงพบกับการก่อกบฏและเรื่องทางความมั่นคงมากมาย เช่น กบฏพรรคบัวขาว, กบฏโจรสลัดไต้หวัน กบฏพรรคเที่ยงธรรม เป็นต้น ซึ่งกบฏเหล่านี้ส่วนใหญ่ เป็นกบฏชาวฮั่นที่รวบรวมคนไว้เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิงกอบกู้ราชวงศ์หมิงนั่นเอง จากการปราบกบฏนี่เอง ทำให้พระองค์เกิดความไม่ไว้พระทัยในตัวขุนนางและบรรดาคนใกล้ชิดหลายคน และแม้แต่อ๋องเฉินด้วย เนื่องด้วยอ๋องเฉินปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและในบางครั้งไม่ทูลเกล้าบอกกล่าวพระองค์เสียก่อน จึงทำให้เป็นชนวนเหตุให้พระองค์และอ๋องเฉินเกิดผิดใจกัน ที่สุดอ๋องเฉินก็ได้ขอลาออกจากราชการและใช้ชีวิตเยี่ยงคนสามัญธรรมดา นั่นจึงทำให้ขุนนางตงฉินหลายคนพากันถอดใจไปตาม ๆ กัน
ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์ พระโอรสองค์โตเกิดจากพระมเหสีที่ทรงรักยิ่ง แต่พระนางสิ้นพระชนม์ไปก่อนเมื่ออายุยังน้อย และพระโอรสอีก 2 พระองค์ ที่เกิดจากมหเสีองค์ใหม่ที่ทรงแต่งตั้งขึ้นมาจากการเป็นเจ้าจอม ซึ่งพระองค์ไม่เคยโปรดนางเลย แต่ต้องทรงสถาปนาเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง ด้วยต้องการให้เหล่าขุนนางและประชาราษฎร์เห็นถึงพระทัยเมตตาของพระองค์ เหตุที่ไม่ทรงโปรดพระมเหสีองค์ที่ 2 นี้ เพราะพระนางเป็นบุตรสาวของขุนนางที่เคยเป็นพรรคพวกเหอเซินมาก่อน จึงไม่ไว้วางพระทัย
ในรัชสมัยของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ปรากฏกรณีที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติมาตลอด เช่น เกิดกบฏต่างๆ การที่เวียดนามขอแยกออกไปเป็นประเทศเอกราช เป็นต้น ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทั้งนโยบายที่ผ่อนปรนและแข็งกร้าวสลับกันไป เช่น การห้ามชาวแมนจูแต่งงานกับชาวฮั่นเด็ดขาด หรือ การห้ามชาวคริสต์เผยแพร่ศาสนาเด็ดขาด รวมทั้งการห้ามราษฎรสูบฝิ่นด้วย เป็นต้น ซึ่งสิ่งทั้งหมดเหล่านี้จะส่งผลต่อความมั่นคงตามมาในภายหลัง
ในปลายรัชสมัย ทรงมีพระพลานามัยอ่อนแอ ด้วยทรงสูงพระชันษาประกอบกับการกลัดกลุ้มพระทัยอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับราชภารกิจ ทรงสวรรคตในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) พระชนมายุ 61 พรรษา รวมระยะเวลาที่ได้ทรงครองราชย์ 24 ปี และผู้ที่ครองราชย์สืบต่อมาคือ องค์ชายรอง เหมี่ยนหนิง ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิเต้ากวง
รัชสมัยก่อนหน้า: จักรพรรดิเฉียนหลง |
จักรพรรดิจีน ราชวงศ์ชิง พ.ศ. 2339 - พ.ศ. 2363 |
รัชสมัยถัดไป: จักรพรรดิเต้ากวง |
|
---|