อำเภอพรหมบุรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
พรหมบุรี เป็นอำเภอหนึ่ง ใน 6 อำเภอของจังหวัดสิงห์บุรี
คำขวัญจังหวัด ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนช่อนแม่ลา เทศกาลกินปลาประจำปี
คำขวัญอำเภอ ประเพณีกำฟ้า หัวป่าต้นตำรับอาหารไทยรสเด็ด คูค่ายเป็นเพชรประวัติศาสตร์ นารีพิลาศ สาวบ้านแป้ง
ที่ว่าการอำเภอ หมู่ที่ 3 ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี 16120 หมายเลขโทรศัพท์ 0 3659 9444
เนื้อหา |
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอพรหมบุรีตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอท่าวุ้ง (จังหวัดลพบุรี)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอท่าวุ้ง (จังหวัดลพบุรี)
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอไชโยและอำเภอโพธิ์ทอง (จังหวัดอ่างทอง)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอท่าช้างและอำเภอเมืองสิงหบุรี
[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอพรหมบุรีแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 7 ตำบล แต่ละตำบลแบ่งออกเป็นหมู่บ้าน รวม 42 หมู่บ้าน ได้แก่
|
|
[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอพรหมบุรีประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลปากบาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพรหมบุรีทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลบางน้ำเชี่ยว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางน้ำเชี่ยวทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลพระงาม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพระงามทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านหม้อทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแป้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านแป้งทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโรงช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโรงช้างและตำบลหัวป่าทั้งตำบล
[แก้] เศรษฐกิจ
- 1. อาชีพหลัก ได้แก่
- 1.1 เกษตรกรรม
- 1.2 รับจ้าง
- 2.อาชีพเสริม ได้แก่
- 2.1 กลุ่มแปรรูปผลิตผลการเกษตร
- 2.2 ทำที่นอน หมอนหนุน หมอนข้าง
- 2.3 ทำขนมหวาน ข้าวหลาม
- 3.จำนวนธนาคาร มี 1 แห่ง ได้แก่
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาปากบาง โทร. 0 3659 9076-7
[แก้] สถานที่สำคัญ
สถานที่สำคัญ ๆ ในอำเภอได้แก่
[แก้] คูค่ายพม่า
คูค่ายพม่า ตั้งอยู่บริเวณวัดหลังคู หรือบ้านเจดีย์หัก หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ลักษณะเป็นเนินดินยาว รูปร่างคล้ายตัว L กว้างประมาณ 5-15 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร ส่วนหนึ่งของแนวค่ายมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ตัดผ่าน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า พม่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2127 เมื่อครั้งพระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาที่เมืองชัยนาท และให้กองทัพหน้าลงมาตั้งค่ายที่ปากน้ำบางพุทรา แขวงเมืองพรหม โดยจะมาสมทบกับเจ้าเมืองพะสิมซึ่งยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อรวมกำลังกันเข้าตีกรุงศรีอยุธยา กองทัพไทยได้ต่อสู้จนกองทัพพม่าที่ปากน้ำบางพุทราต้องถอยร่นไปที่เมืองชัยนาท พระเจ้าเชียงใหม่จึงได้โปรดถอยทัพกลับ และทิ้งร่องรอยคูค่ายให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับผักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
[แก้] วัดกุฏีทอง
วัดกุฎีทอง หมู่ที่ 3 ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ภายในวัดมีมณฑป ลักษณะเหมือนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอด ภายในเป็นที่ประดิษฐรอยพระพุทธบาทจำลอง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วิถีชีวิต ประเพณีวัฒธรรมชาวไทยพวน ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ชาวไทยพวน เครื่องมือจับปลา เสื้อผ้า เครื่องประดับ ยวดยานพาหนะ ฯลฯ งานประเพณีต่าง ๆ ของชาวไทยพวนจะจัดขึ้นที่วัดกุฎีทองแห่งนี้
[แก้] วัดอัมพวัน
วัดอัมพวัน เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก สภาพทั่วไปนั้นมีต้นไม้ประมาณ 300 ต้น เป็นไม้ดอกไม้ใบที่ปลูกใหม่ เดิมสภาพพื้นที่จะเป็นที่ที่น้ำท่วมถึง มาบัดนี้ทางวัดได้ทำถนนและคูกั้นน้ำ จึงสามารถป้องกันน้ำไว้ได้ จึงได้มีการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น
หลักฐานการตั้งวัด จากการสำรวจทางราชการประมาณกาลตั้งแต่ พ.ศ. 2175 การสร้างอุโบสถ ผูกพัทธสีมามาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อรัชกาลที่ 3 ครั้งที่ 2 นี้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513 กว้าง 40 เมตร ยาว 70 เมตร และได้ผูกพัทธสีมา วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2513
ประวัติความเป็นมาของวัด วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นชื่อเดิมมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา ศิลาจารึกในอุโบสถหลังเก่าจารึกเป็นภาษาจีนว่า คนจีนได้สร้างอุโบสถวัดอัมพวัน สมัยเหม็งเชี้ยว คนจีนได้นำเรือกำปั่นมาทำการค้าขายกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมืองลพบุรี มากับฝรั่งชาติฮอลันดา จอดหน้าวัดอัมพวัน ได้สร้างโบสถ์วัดอัมพวัน สมัยเจ้าอาวาสวัดอัมพวันชื่อ พระครูญาณสังวร อายุ 99 ปี สร้างโบสถ์เสร็จแล้ว ฝรั่งเพื่อนคนจีนได้ขอพระราชทาน พระหน้าปรกหินทั้งสององค์จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้คนจีนเอาไว้ในโบสถ์ จนถึงการสร้างโบสถ์หลังใหม่มาจนถึงทุกวันนี้
อุโบสถหลังเก่าได้ชำรุดและพังลง เมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 251 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีจอ เวลา 09.45 น. ได้รื้อถอนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 251 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 12 เวลา 10.00 น. ด้วยแรงชาวบ้านและรถยกของ ป.พัน 101 มาช่วยกันรื้ออุโบสถ เสร็จเรียบร้อยภายใน 4 วัน
เริ่มก่อสร้างอุโบสถ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 วางศิลาฤกษ์ 14-15 มีนาคม พ.ศ. 2512 สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2513 รวมเวลาการก่อสร้าง 1 ปี 4 เดือน 15 วัน ผูกพัทธสีมาวันที่ 8-12 เมษายน พ.ศ. 2513
วัดนี้เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ตามลำดับ มาถึง พ.ศ. 2513 กรมการศาสนาได้ยกย่องให้เกียรติ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างมาจนบัดนี้
[แก้] ประเพณีกำฟ้า
ประเพณีกำฟ้าเป็นงานบุญพื้นบ้านของชาวไทยพวนที่บ้านน้ำเชี่ยว และหมู่บ้านโภคาวิวัฒน์ อำเภอพรหมบุรี จัดขึ้นเพื่อเป็นการบูชาระลึกถึงเทพยดา ผู้รักษาฟากฟ้าและบันดาลฝนตกต้องตามฤดูกาล ถือเอาวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันสุกดิบ พิธีกรรมจะกระทำเช่นเดียวกับประเพณีกำฟ้าของชาวไทยพวน จังหวัดลพบุรี และจังหวัดอื่น ๆ
อำเภอในจังหวัดสิงห์บุรี | |||
---|---|---|---|
อำเภอ: | เมืองสิงห์บุรี - บางระจัน - ค่ายบางระจัน - พรหมบุรี - ท่าช้าง - อินทร์บุรี |
อำเภอพรหมบุรี เป็นบทความเกี่ยวกับ จังหวัด อำเภอ หรือเขตการปกครองต่าง ๆ ของประเทศไทย ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ อำเภอพรหมบุรี ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ประเทศไทย |