วอร์คราฟต์ 3: หายนะเข้าครอบงำ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Warcraft III: Reign Of Chaos
กล่องเกมวอร์คราฟต์ 3
ผู้พัฒนา	Blizzard Entertainment
ค่ายเกม	Blizzard Entertainment Sierra Entertainment
ผู้ออกแบบ	รอบ พาร์โด
เวอร์ชั่น	1.21b กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
แพลตฟอล์ม	ระบบปฏิบัติการวินโดว์, แมค โอเอส และ แมค โอเอส เอกซ์
วันที่ออกจำหน่าย	3 กรกฎาคม พ.ศ. 2545
ชนิด	วางแผนการรบ
โมด	เล่นคนเดียว, หลายผู้เล่น
เรตติ้ง	วัยรุ่น (อายุ 13+)
มีเดีย	ซีดีรอม (1)
ระบบที่ต้องการ	แนะนำ: 600 MHz processor, แรม 256 MB , การ์ดจอ 32 MB 3D , การ์ดเสียงเข้ากันได้กับ DirectX® 8.1 (วินโดว์)
วิธีการอินพุต	คีย์บอร์ด และ เมาส์

วอร์คราฟต์ 3 (Warcraft III: Reign of Chaos) เป็นเกมคอมพิวเตอร์ ภาคต่อในชุดเกมส์วอร์คราฟต์ สำหรับวินโดวส์ และ แมคอินทอช ต่อจากภาค สอง เกม วอร์คราฟต์ 3เป็นเกมส์สงคราม มีให้เลือก 4 เผ่าพันธุ์ด้วยกัน เช่น มนุษย์ อ็อค อันเดด ไนท์เอลฟ์ พัฒนาโดย blizzard entertainment เริ่มผลิตเมื่อ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2002

เนื้อหา 1 เผ่าพันธุ์ทั้งสี่ 2 เรื่องราว 2.1 อนารยชนอพยพ 2.2 การล่มสลายของ Lordaeron 2.3 เส้นทางที่ถูกสาบ 2.4 รุกราน Kalimdor 2.5 จุดจบของนิรันดร 3 การตอบรับ 4 แหล่งข้อมูลอื่น 5 ดูเพิ่ม

[แก้] เผ่าพันธุ์ทั้งสี่

• Human = มนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่เป็นเผ่าแรกเริ่มของเกม ในภาคเนื้อเรื่อง จะมีตัวละครหลักเป็นอาธาส [Prince Arthas] บุตรโทนของราชาเอเรนัสแห่ง Lordaeron และตัวละครสำคัญอื่นๆคือ
  • อูเธอร์ เดอะ ไลบริลเกอร์ [Uther the Lightbringer] อัศวินชั้นสูงแห่ง Lordaeron
  • ไจน์น่า พร็อมมอร์ [Jaina Proudmoore] ผู้เป็นทั้งเพื่อนสมัยเด็กและคนรักของอาร์ทาร์ เป็นศิษย์ของนักเวทย์อันดับหนึ่งนาม Antonidas แห่ง Kirin Tor
  • มูราดริน บรอนซ์เซอร์บาร์ส [Muradin Bronzebeard] หัวหน้าพวกนักรบของนอร์ทแลนด์ [Northrend]
• Undead = กองกำลังปิศาจ ในเนื้อเรื่องจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เรียกกันว่า Burning Legion และ Scourge เป็นปิศาจที่หมายจะกำจัดทุกสิ่ง มีเวทมนตร์อันตรายมากมาย และแข็งแกร่งจนน่ากลัว ตัวละครหลักคืออาร์ทาร์สเช่นกัน หากแต่เป็นอาร์ทาร์สผู้เลือดเย็น อัศวินแห่งความตายแห่งอันเดต และมีกองกำลังอื่นๆคือ
  • เคล ทรูซาร์ด [Kel’Thuzad] เนโครแมนเซอร์ที่เคยถูกอาร์ทาร์สและไจน์น่าร่วมมือกันสังหาร แต่ปัจจุบันถูกอาร์ทาร์สปลุกชีพขึ้นมาเป็นผู้ช่วยสำคัญ
  • มานาร็อท [Mannoroth] ปิศาจผู้ครองแดน Outland มีความสามารถในการสะกดจิตใจ และเป็นปิศาจที่ล้างสมองเผ่า WarSong ของกรอมม์
  • ธิกฮอร์ดิลัส [Tichondrius] แวมไพร์แห่งกองกำลัง Burning Legion และยังเป็นนายทัพของ Scourge
  • อชิมอนเดอร์ [Archimonde] ปิศาจแห่งกองกำลัง Burning Legion มีแผนการจะยึดครองพลังจากต้นไม้แห่งโลก [World Tree]
• Orc = ยักษ์ ในอดีตเป็นเผ่าพันธุ์ที่บ้าคลั่งด้วยฝีมือของกองกำลังปิศาจ Burning Legion ที่ถูกเรียกมาด้วยพลังของคนทรยศนาม Ner’zhul [หรือก็คือเคล ทรูซาร์ดแห่งอันเดต] เดิมมีเมืองเป็นหลักแหล่งแต่ถูกกองกำลัง Burning Legion ทำลายล้าง ปัจจุบันมีเพียงออร์คบางพวกที่หลุดพ้นจากเวทมนตร์ได้ ในภาคนี้ เนื้อเรื่องจะมีตัวหลักเป็นทรอลล์ ซัน ออฟ ดูโรทาน [Thrall] บุตรของดูโรทาน [Duratan] มีศักดิ์เป็น Warchief of the hoder ตัวละครอื่นๆคือ
  • กรอมม์ เฮลสกรีม [Grom Hellscream] ผู้เลือดร้อนแห่ง Warsong Clan
  • แคร์ล บลัดด์โฮฟ [Cairne Bloodhoof] ศักดิ์คือ Chieftain of the Bloodhoof Tribe ผู้ควมคุมทหาร Tauren
• Night Elf = เอลฟ์ ที่จริงแบ่งแยกได้หลายสายพันธุ์ [เช่น High Elf] แต่หลักๆจะเน้นที่ Night Elf ที่นับถือเทพแห่งดวงจันทร์นามอีลูน์ [Elune] นั่นคือกลุ่มเซนติเนล [Sentinel] นำโดย ทายเรนดี้ วิสพาวินด์ [Tyrande Whisperwind] ศักดิ์คือ เดอะพริสเซส ออฟ เดอะ มูน [Priestess of the Moon] และอีกกลุ่มที่สำคัญคือดูริดด์ [Druid] ที่นำโดยฟูริออล สตรอมแรงจ์ [Furion Stormrage] คนรักของทายเรนดี้ หากแต่ในภาคก่อนๆนั้น ได้ระบุเอาไว้ว่าฟูริออลและเหล่าดูริดด์ได้ทำพิธีผนึกตัวเองเอาไว้ เอลฟ์อื่นๆที่สำคัญก็มีดังนี้
  • อิไลเด้น สตรอมแรงจ์ [Illidan Stormrage] น้องชายแท้ๆของฟูริออล แต่ทั้งคู่กลับไม่ลงรอยกันเพราะหลงรักคนคนเดียวกัน นั่นคือทายเรนดี้ และอิไลเด้นได้ก่อการทรยศในวอร์คราฟภาคก่อนๆ จึงถูกลงโทษเอาไว้
• ตัวละครอื่นๆ
  • ซานาริอัส [Cenarius] ผู้ครอบครองฮอร์นที่สามารถปลุกการจำศีลกองกำลังดูริดด์ของฟูริออลได้ เป็นตัวละครสำคัญของไนท์เอลฟ์ในภาคก่อน แต่ภาคนี้จะไม่มีบทมากนัก เพราะจะโผล่มาในฉากของออร์ค และถูกสังหาร
  • เคล เจย์เดน [Kil’jaeden] หัวหน้ากองกำลัง Burning Legion ไม่โผล่ในภาคนี้ แต่จะมีบทในภาค บัลลังก์น้ำแข็ง (Frozen Throne)
  • ซิลวานัส วินด์รันเนอร์ นักธนูแห่ง High Elf เป็นผู้คุมประตูพระจันทร์สีเงิน [Silver Moon] ทั้งสามก่อนจะไปถึงซันเวล [Sun Well] ถูกอาร์ทาร์สสังหารและยังถูกสาปให้กลายเป็นวิญญาณร้าย [Banshee] อีกด้วย

[แก้] เรื่องราว

[แก้] อนารยชนอพยพ

Thrall ผู้นำแห่งอนารยชนออร์กในอาณาจักรตะวันออกตื่นขึ้นจากฝันร้าย สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะเกิดขึ้น Thrall ได้รับคำแนะนำของ Medivah/Propret ให้แล่นเรือและพาพวกอนารยชนออร์กที่เหลือทั้งหมดบนแผ่นดินตะวันออกแล่นเรือไปยังทิศตะวันตก สู่ดินแดนแห่ง Kalimdor อันเป็นสถานที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของ propret เขาจึงรวบรวมกองทัพที่เหลือ และช่วย Grom จากการคุมขังของมนุษย์ และได้แล่นเรือไป

[แก้] การล่มสลายของ Lordaeron

Propret ในร่างอีกาที่บินผ่านภูเขาเพื่อจะไปปราสาทของราชา Teranas ทุกคนในปราสาทกล่าวกันเรื่องสงครามระหว่างพวก มนุษย์กับพวกอ็อคอยู่ ราชา Teranas ได้พบเห็น Propret ที่บินไปมาจนลงมาถึงพื้น และ Propret กับ ราชา Teranas จึงพูดเรื่องประชาชน Lordaeron จนราชา Teranas สั่ง Propret ออกไปข้างนอกในที่สุด...

เจ้าชาย Arthas บุตรโทนของราชาเอเรนัส ได้ออกเดินทางไปพบกับ Uther อัศวินของ Lordaeron Uther ได้กล่าวถึงการที่พวกออร์คเข้ารุกรานหมู่บ้าน Strahnbrad Arthas จึงได้นำกำลังไปปลดลปล่อยหมู่บ้านแห่งนั้น

หลังจากขับไล่ออร์คออกไปได้ Uther ก็ต้องแยกตัวไป Arthas จึงเรียก Jaina มาสบทบ ทั้งสองได้เดินทางไปตาม King's Road และต้องพบศึกหนัก เนื่องจากกองกำลัง Scourge ได้รุกรานเข้าสู่ Lordaeron หลังจากทั้งสองสามารถกำจัด Kel' Thizard ได้ ก็ยังต้อบพบกับศัตรูอื่นอีก แถมประชาชนในแถบชานเมืองยังถูกวางยาพิษให้กลายร่างเป็นซอมบี้เสียด้วย ในการรบที่ Heartegren Arthas จึงให้ Jaina ไปเรียก Uther มาเป็นการด่วน หลังจากที่ทราบเรื่องราว Uther ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าที่จะจัดการไหวแล้ว จึงให้ถอนทัพกลับเมืองเพื่อนเตรียมการรบจะดีกว่า แต่ Arthas ไม่ยอม เพราะไม่อาจละทิ้งประชาชนในชานเมืองที่ถูกพิษได้ ทั้งคู่จึงทะเลาะกัน และ Uther จึงได้นำตัว Jaina กลับ ปล่อยให้ Arthas สู้เพียงลำพัง

ระหว่างทาง Arthas ก็ได้พบกับ Medivah ซึ่งก็ได้เตือนให้แล่นเรือไปทางทิศตะวันตก แต่ Arthas ไม่ยอม ให้เหตุผลว่าเข้าไม่สามารถละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน และประชาชนได้

ก่อนการรบ Uther และ Jaina ได้เดินทางมาที่ค่ายของ Arthas Arthas ได้ออกคำสั่งกับทั้งคู่ว่าให้ร่วมดำเนินการรบด้วยกัน แต่ Uther ไม่รับคำสั่ง และทั้งสองก็กลับไป

Arthas ได้ทำการเผาและสังหารเมืองนี้อย่างราบคาบแล้ว Mel' Ganis ก็ได้ท้าท้ายและกล่าวกับเขาว่าตนจะไปรอที่ดินแดนน้ำแข็งทางเหนือ ให้มาสู้กันจนพ่ายไปข้างหนึ่ง Uther และ Jaina ภายหลังได้เข้ามาดูสภาพเมืองที่เต็มไปด้วยความตายและเปลวเพลิงนั้น Medivah ก็ได้บินมาบอก Jaina ให้รวบรวมกำลังคนที่เหลืออยู่แล่นไปทางทิศตะวันตกเพื่อไปสู่ดินแดนแห่ง Kalimdor ซึ่งในที่สุด Jaina ก็ตกลง

หลายเดือนที่มา ทัพของ Arthas ก็มาถึง Northrend เพื่อกำจัด Mel'Ganis ซึ่งที่ค่ายแรก พวกเขาก็พบกับกับ Muradin ทั้งสองรุกไล่กองทัพ Scourge ได้

ไม่นานนัก Uther ก็ทราบข่าวจึงให้คนส่งข่าวมาบอกแก่ Arthas ว่าให้นำกองทัพทั้งหมดกับ Lordaeron ทันที Arthas ไม่ปฏิบัติตามและได้ทำลายเรือขนส่งที่มารอรับทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ต้องกลับไป โดย Arthas ได้อธิบายแก่ทหารของตนฟังว่า กองทัพรับจ้างที่มาด้วยนั้นแอบทำลายเรือทั้งหมดลง

ในการเตรียมรบครั้งสุดท้าย Muradin ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของดาบ Frostmoune Arthas คิดว่าดาบนี่จะมีพลังพอจะต่อกรกับกองทัพ Scourge ได้ แม้ว่าผู้เฝ้าดาบแห่งนั้นจะพยายามเตือนถึงพลังอำนาจของดาบอันนั้น มันบอกว่ามันไม่ได้ฆ่าผู้อื่นด้วยเหตุผลใดนอกจากปกป้องทุกคนจากมัน แต่ก็ไม่สำเร็จ Arthas พยายามจะปลดผนึก ถึง Muradin ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง สุดท้ายเมื่อดาบถูกปลดผนึกมาได้ Muradinก็ต้องจบชีวิตลงเพื่อสังเวยให้แก่วิญญาณปิศาจในดาบและเมื่ออาร์ทาร์สได้ครอบครองดาบ จิตใจของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล และภายหลังการรบ Mel'Ganis ก็ถูกสังหาร ปิดการรบอันแสนยาวนานลง

Arthas หายตัวไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งที่ปราสาท Lordaeron ในฐานะของอัศวินแห่งความตาย และสังหารราชา Teranas บิดาของตัวเอง..

[แก้] เส้นทางที่ถูกสาบ

หลังจากนั้น เขาได้เข้าร่วมกับกองกำลังสเคิร์จ และได้สังหารอูเธอร์ลง และปลุกวิญญาณของเคล ทรูซาร์ดขึ้นมาเป็นเสนาธิการ ก่อนจะรุกไล่ไปกำจัดเหล่า High Elf เพื่อเอา Sun Well มาครอบครอง และจะได้คืนชีพให้แก่เคล ทรูซาร์ดอย่างสมบูรณ์ ซิลวานัส วินด์รันเนอร์ ผู้เฝ้าประตู พยายามจะปกป้องซันเวล แต่ก็ถูกอาร์ทาร์สสังหารอย่างเลือดเย็น และถูกคำสาปของอาร์ทาร์สให้ตกเป็นทาสรับใช้อันเดต

หลังจากได้คืนชีพอย่างสมบูรณ์ เคล ทรูซาร์ดได้แนะนำให้อาร์ทาร์สเข้าสู่แดนเหนือที่สถิตของดาบฟรอสมอนท์อีกครั้ง เพื่อกำจัดออร์คเฝ่า Blackrock & roll และคืนชีพให้แก่อชิมอนเดอร์ อาร์ทาร์สและเคล ทรูซาร์ดก็สามารถปฏิบัติมันได้อย่างเฉียบขาดจนธิกฮอร์ดิลัสเอ่ยปากชม และธิกฮอร์ดิลัสกับอชิมอนเดอร์ ก็ได้ทำลายแดนเหนือจนราบคาบ

[แก้] รุกราน Kalimdor

กลับมาทางเผ่ายักษ์ ที่นำโดยทรอลล์ ทรอลล์ได้เดินทางไปในดินแดนเซนทอร์ และช่วยเหลือกองคาราวานของแคร์ล หลังจากที่ทั้งสองแยกทางกัน ทรอลล์ก็ไปพบกับน้องชายของตน กรอมม์ เฮลสกรีม และช่วยทำศึกกับมนุษย์จนได้รับชัยชนะ ทรอลล์ได้ออกเดินทางต่อ และให้น้องชายไปคุมกำลังยักษ์ที่ป่าใกล้ๆกับภูเขาไฮท์เจล [Month Hyjal] ณ ที่นั้นเอง กรอมม์ได้สังหารซานาริอัส ผู้ครอบครองฮอร์นของฟูริออลไว้ และหลังจากนั้น กรอมม์และทหารออร์คภายใต้การนำของเขา ได้ถูกครอบงำโดยมานาร็อท แห่งอันเดต ที่ดูการต่อสู้อยู่นานนั่นเอง

กลับมาทางทรอลล์ เขาได้เข้าปะทะกับมนุษย์หลายต่อหลายครั้ง จนครั้งหลังได้ปะทะกับมนุษย์ภายใต้การนำของไจน์น่า แต่ไจน์น่าได้หนีลงอุโมงค์ใต้ดิน ทรอลล์และแคร์ลได้ติดตามเธอไป และภายในอุโมงค์นั้นเอง พร็อพเพ็ตก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และทำนายอนาคตอันน่ากลัวให้ทั้งสามได้รับฟัง เกี่ยวกับแผนการยึดต้นไม้แห่งโลกที่ตั้งอยู่ที่ภูเขาไฮท์เจลนั่น

ทั้งสามได้ตกลงร่วมมือกัน และออกมาสู่โลกภายนอก ตอนนั้นทรอลล์ได้รับการรายงานเรื่องของกรอมม์ แม้มันจะน่าเจ็บปวด แต่เขาต้องสู้กับน้องชายของตัวเองที่ตกอยู่ใต้อำนาจของปิศาจ โดยพร็อพเพ็ตได้ให้ลูกแก้วเวทย์ที่จะถอนคำสาปแก่กรอมม์เอาไว้ก่อนจะจากไป ทรอลล์ แคร์ล และไจน์น่า ได้ร่วมมือกัน และสามารถชนะกรอมม์ได้ หลังจากที่กรอมม์ฟื้นจากมนต์สะกด เขาก็ได้บอกพี่ชายเรื่องที่อยู่ของมานาร็อท ทรอลล์ตัดสินใจจะไปกำจัดมานาร็อท ไจน์น่าจึงเสนอความช่วยเหลือ แต่ทรอลล์ปฏิเสธ เพราะเป็นหนี้แค้นระหว่างออร์คและมานาร็อท ไม่เกี่ยวกับเธอ จึงขอให้เธอรอพวกเขาอยู่ที่นั่น ทรอลล์ กรอมม์ และแคร์ล เหล่าออร์คทั้งสามได้มุ่งตรงไปยังที่อยู่ของมานาร็อท และต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงแม้จอมปิศาจมานาร็อทจะถูกกำจัดได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของกรอมม์

[แก้] จุดจบของนิรันดร

หลังการต่อสู้กับมานาร็อท มนุษย์ภายใต้การนำของไจน์น่าและยักษ์ภายใต้การนำของทรอลล์ ได้ผนึกกำลังและเข้าสู่เขตของภูเขาไฮท์เจล ที่ตั้งของต้นไม้แห่งโลก ที่ในตอนนั้นควรจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฟูริออล แต่เมื่อเขาได้ผนึกตัวเอง ก็ยกหน้าที่ให้แก่ซานาริอัส แต่เมื่อซานาริอัสตายลง ทายเรนดี้ วิสพาวินด์ จึงต้องออกมาลงมือด้วยตนเอง

เธอไม่ทราบถึงการคืนชีพของอชิมอนเดอร์ จึงเข้าใจการมาปรากฏตัวของกองกำลังพันธมิตรผิด ทายเรนดี้คิดว่าเผ่าพันธุ์ทั้งสองมาเพื่อแย่งชิงต้นไม้แห่งโลก เธอจึงรวบรวมกองกำลังเข้าเปิดศึก และเมื่อทั้งสองฝ่ายเพลี่ยพล้ำ อชิมอนเดอร์และกองกำลังสเคิร์จก็ปรากฏตัวออกมา ทายเรนดี้สั่งถอนทัพทันที แต่อชิมอนเดอร์เลือกที่จะไล่ตามเธอที่เป็นตัวอันตรายมากกว่าจะสนใจกองกำลังพันธมิตร มันได้ทิ้งทหารไว้เพื่อจัดการกองกำลังพันธมิตร ส่วนตัวเองก็ออกตามล่าทายเรนดี้ชนิดพลิกแผ่นดิน แต่เธอก็ยังพากองกำลังเซนติเนลของเธอหลบรอดตาข่ายของอชิมอนเดอร์ออกไปได้

ทายเรนดี้ตัดสินใจจะปลุกชีพฟูริออลและเหล่าดูริดด์ขึ้นมาโดยใช้ฮอร์นของซานาริอัสที่ถูกกองกำลังสเคิร์จยึดไปได้ และกำลังจะไปถึงที่ซ่อนตัวของฟูริออลอยู่แล้ว เธอเปิดสงครามเพื่อชิงฮอร์นมาและใช้มันปลุกฟูริออลขึ้นจากการหลับไหล หลังจากฟูริออลได้ตื่นขึ้นแล้ว ก็เป็นคราวของดูริดด์ แต่โชคร้าย ที่เหล่าดูริดด์ ออฟ เดอะ ทอร์โร [Druid of the Talon] ถูกผนึกไว้ไกลจากที่นี่มาก และดูริดด์ ออฟ เดอะ คราวน์ [Druid of the Claw] ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะจนกลายเป็นหมีบ้าคลั่ง ทายเรนดี้และฟูริออลออกตามหาเหล่าดูริดด์ที่กระจัดกระจายกันไปจนมาถึงที่คุมขังของอิไลเด้นโดยไม่รู้ตัว ฟูริออลไม่ต้องการให้ความบ้าคลั่งของน้องชายตนเองมาทำให้เสียงานเช่นคราวก่อนจึงไม่อยากไปช่วยปลดปล่อยอิไลเด้น หากแต่ทายเรนดี้ดื้อดึง ด้วยคิดว่าพลังของอิไลเด้นจะเป็นประโยชน์ต่อศึกนี้ เธอจึงแยกทางกับฟูริออลเพื่อไปช่วยอิไลเด้น ขณะที่ฟูริออลออกตามหาเหล่าดูริดด์ต่อไป

หลังจากทายเรนดี้ปลดปล่อยอิไลเด้นแล้ว ทั้งคู่ก็มาสมทบกับฟูริออล สองพี่น้องตระกูลสตรอมแรงจ์ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทายเรนดี้จึงตัดปัญหาโดยการแยกอิไลเด้นให้ไปจัดการประตูปิศาจ ระหว่างภารกิจกำจัดประตูปิศาจของอิไลเด้น เขาได้พบกับอาร์ทาร์ส และต่อสู่กันพักใหญ่ จนทั้งคู่ประกาศพักรบ อาร์ทาร์สจึงล่าถอยไป แต่ยังคงจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้ อิไลเด้นได้ปะทะกับธิกฮอร์ดิลัสและสามารถเอาชนะมาได้ แต่หลังจากที่เขาพังประตูปิศาจได้ ก็ได้ทำเกินคำสั่ง โดยการนำพลังปิศาจที่ได้รับมาเป็นของตนเอง และเมื่อทายเรนดี้และฟูริออลมาพบ เขาก็หนีไป

ตอนที่อิไลเด้นหนีไป พอดีกับที่อชิมอนเดอร์ได้รุกประชิดเขาไฮท์เจลพอดี ทั้งสองจึงไม่มีเวลาติดตามอิไลเด้นที่หนีไปได้ แต่ในคืนก่อนการรบ ทั้งสองได้พบกับพร็อพเพ็ต ที่พาทรอลล์และไจน์น่ามาด้วย พร้อมกับบอกชะตาอนาคตถ้าหากอชิมอนเดอร์ชนะ ทายเรนดี้และฟูริออลจึงยอมเชื่อในคำพูดของทรอลล์และไจน์น่า พร้อมกับรวมกำลังกันต้านอชิมอนเดอร์และกองกำลังสเคิร์จ

ในการต่อสู้ครั้งนั้น ฟูริออลได้วางแผนการนำวิญญาณแห่งต้นไม้ทั่วโลกมาใช้เพื่อกำจัดอชิมอนเดอร์อย่างเด็ดขาด แต่การเตรียมการนั้นต้องใช้เวลา สี่ผู้นำจึงตกลงกันว่าจะถ่วงเวลากองกำลังของอชิมอนเดอร์เอาไว้จนกว่าจะถึงเวลานั้น เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น กองกำลังพันธมิตรได้แบ่งกันไปประจำในเส้นทางที่จะไปยังต้นไม้แห่งโลก และผู้ที่ต้องเข้าปะทะก่อนคือกองกำลังของไจน์น่า ที่มีทายเรนดี้เป็นกองหนุน ทั้งสองต้านเอาไว้ได้เพียงคืนเดียว อชิมอนเดอร์ก็รุกรานมาถึงหน้าค่าย ไจน์น่าและทายเรนดี้จึงจำต้องทิ้งค่ายเพื่อให้ทหารส่วนมากรอดชีวิต ทายเรนดี้หนีไปถึงค่ายของทรอลล์ และแจ้งข่าวเรื่องค่ายของไจน์น่าแตก ทรอลล์จึงเตรียมกำลังพร้อมรบทันที แต่ค่ายของทรอลล์เองก็ทนได้เพียงวันกว่าๆเท่านั้น สุดท้ายฟูริออลและทายเรนดี้จึงต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดของพวกเขาเพื่อต้านทานกองกำลังของอชิมอนเดอร์ และแล้วในที่สุด วิญญาณต้นไม้ทั่วโลกก็ได้มารวมตัวกันพอดีกับที่ฟูริออลและทายเรนดี้พลาดท่า ปล่อยให้อชิมอนเดอร์รุกเข้าไปใกล้ต้นไม้แห่งโลก พลังของวิญญาณต้นไม้ทั้งหมดจึงระเบิดร่างของอชิมอนเดอร์ไปพร้อมๆกับต้นไม้แห่งโลก ทว่า...เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ต้นไม้แห่งโลกนั้น แม้โดนพลังทำลายล้างสูงขนาดนั้นเข้าไป กลับไม่สะเทือนแม้แต่นิดเดียว ผิดกับอชิมอนเดอร์ที่สลายไป ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ

[แก้] การตอบรับ

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

• เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

[แก้] ดูเพิ่ม

• วอร์คราฟต์ 3: บัลลังก์น้ำแข็ง