See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
วัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา - วิกิพีเดีย

วัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ลิงก์ข้ามภาษาที่แทรกในบทความนี้ ผู้เขียนอาจใส่ไว้เพื่อความสะดวกสำหรับผู้อ่านและผู้ร่วมปรับปรุงแก้ไขบทความ ให้โยงไปถึงบทความที่เกี่ยวข้องในภาษาอื่นเพื่อการตรวจสอบหรืออ่านเพิ่มเติม เนื่องจากคำ หรือวลีนั้นๆ ยังไม่มีคำแปลหรือคำอธิบายที่เหมาะสมในภาษาไทย เมื่อหมดความจำเป็นแล้ว ลิงก์ข้ามภาษาจะถูกตัดออกหรือเปลี่ยนเป็นข้อความที่ไม่มีลิงก์แทน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานวิกิพีเดียไทย
วัตถุมงคลของนักบุญดีมิเทรียส (St. Demetrius) ที่มหาวิหาร Thessalonika, ประเทศกรีซ
วัตถุมงคลของนักบุญดีมิเทรียส (St. Demetrius) ที่มหาวิหาร Thessalonika, ประเทศกรีซ
วัตถุมงคลทีวัดซานเปโคร (San Pedro) ที่อเยอร์เบ (Ayerbe) ประเทศสเปน
วัตถุมงคลทีวัดซานเปโคร (San Pedro) ที่อเยอร์เบ (Ayerbe) ประเทศสเปน
แท่นบูชาเอกในมหาวิหารเซนต์ราฟาเอล ที่ดบูค (Dubuque) มลรัฐไอโอวา ซึ่งมีวัตถุมงคลของนักบุญเซสเซียนัส (St Cessianus) ซึ่งเป็นเด็กอายุ 8 ขวบที่ถูกสั่งให้ฆ่าโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน
แท่นบูชาเอกในมหาวิหารเซนต์ราฟาเอล ที่ดบูค (Dubuque) มลรัฐไอโอวา ซึ่งมีวัตถุมงคลของนักบุญเซสเซียนัส (St Cessianus) ซึ่งเป็นเด็กอายุ 8 ขวบที่ถูกสั่งให้ฆ่าโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน
ภาพเขียนของผ้าซับพระพักตร์ของพระเยซู โดย ฟรานซิสโก เดอ เซอบาราน
ภาพเขียนของผ้าซับพระพักตร์ของพระเยซู โดย ฟรานซิสโก เดอ เซอบาราน
ภายในวิหารเซนต์บอนิเฟส (Saint Boniface) ที่วัดวาฟฮุยเซน (Warfhuizen) ประเทศเนเธอร์แลนด์ กระดูกชิ้นกลางเป็นของนักบุญบอนิเฟส ห่อกระดาษทางซ้ายและขวาเป็นเศษกระดูกของนักบุญเบนเนดิคแห่งเนอร์เซีย และนักบุญเบอร์นาร์ดแห่งแคลโว
ภายในวิหารเซนต์บอนิเฟส (Saint Boniface) ที่วัดวาฟฮุยเซน (Warfhuizen) ประเทศเนเธอร์แลนด์ กระดูกชิ้นกลางเป็นของนักบุญบอนิเฟส ห่อกระดาษทางซ้ายและขวาเป็นเศษกระดูกของนักบุญเบนเนดิคแห่งเนอร์เซีย และนักบุญเบอร์นาร์ดแห่งแคลโว
พระเจ้าอับการุส (King Abgarus) ทรงรับ Image of Edessa
“บัลลังก์นักบุญปีเตอร์” ที่ซานเปียโตรอินวินโคลี (San Pietro in Vincoli) ที่ โรม จัดเป็นวัตถุมงคลอันดับสอง
“บัลลังก์นักบุญปีเตอร์” ที่ซานเปียโตรอินวินโคลี (San Pietro in Vincoli) ที่ โรม จัดเป็นวัตถุมงคลอันดับสอง

วัตถุมงคล หรือ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ในคริสต์ศาสนา (ภาษาอังกฤษ: relic) หมายถึง เป็นวัตถุมีค่าทางจิตใจ ซึ่งมาจากส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือสิ่งของที่เป็นของบุคคลสำคัญทางคริสต์ศาสนา ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อระลึกถึงบุคคลนั้น

คำว่า relic มาจาก ภาษาละติน “reliquiae” แปลว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ และคำว่า “reliquary” หมายถึงที่เก็บรักษาวัตถุมงคลซึ่งอาจเป็นหีบหรือตู้ หรือสถานที่เช่นมหาวิหาร หรือ วัด

เนื้อหา

[แก้] ประวัติวัตถุมงคลทางคริสต์ศาสนา

หลักฐานแรกที่กล่าวถึงวัตถุมงคลปรากฏใน “พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับพระเจ้าเจมส์” (King James' Bible) [1] กล่าวถึงวัตถุมงคลและปาฏิหาริย์ว่า

“เอลิชา (Elisha) ตายและถูกฝัง ปัจจุบันมีโจรเข้ามาทุกฤดูใบไม้ผลิ ครั้งหนึ่งขณะที่ชาวยิวกำลังฝังศพอยู่ เห็นโจรกลุ่มหนึ่ง ชาวยิวจึงจับโจรโยนลงไปในที่ฝังศพของเอลิชา เมื่อร่างของโจรถูกกระดูกของเอลิชา โจรฟื้นชึวิตขึ้นมาและยืนบนขาของตัวเอง” (New International Version (คัมภีร์สากลฉบับใหม่ ))

เอกสารอีกฉบับหนึ่งที่เขียนไว้ใน “การพลีชีพของโพลิคาร์พ” (Martyrdom of Polycarp) เมื่อระหว่างปี ค.ศ. 150 ถึงปี ค.ศ. 160 กล่าวถึงวัตถุมงคลของนักบุญโพลิคาร์พ (Polycarp) ตามเอกสาร กิจการของอัครสาวก 19:11-12 กล่าวถึงผ้าเช็ดหน้าของนักบุญโพลิคาร์พว่า ได้รับอำนาจจากพระเป็นเจ้าทำให้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

ตำนานปาฏิหาริย์เกื่ยวกับวัตถุมงคลเริ่มมีกันมาตั้งแต่เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคต้นของคริสต์ศาสนา แล้วนิยมแพร่หลายกันมากในสมัยยุคกลาง มีการรวบรวมเป็นหนังสือแบบที่เรียกว่า “วรรณกรรมนักบุญ” เช่น “ตำนานทอง” (Golden Legend) หรืองานเขียนโดย ซีซาร์แห่งไฮสเตอร์บาค (Caesar of Heisterbach) หนังสีอเหล่านี้เป็นที่นิยมและเสาะหากันมากในสมัยยุคกลาง

วัตถุมงคลที่เกี่ยวกับพระเยซูมีมาก โดยชิ้นที่มีชื่อเสียงรู้จักกันแพร่หลายมาก เช่น

  • ผ้าห่อศพแห่งตูริน (Shroud of Turin) เชื่อกันว่าเป็นผ้าที่ใช้ห่อพระศพของพระเยซูเมื่อนำร่างลงมาจากกางเขน แต่เป็นที่ถกเถียงกันมาก เก็บรักษาที่ มหาวิหารเซนต์จอห์นแบพทิสต์ เมืองตูริน ประเทศอิตาลี
  • มหากางเขน (True Cross) เชื่อกันว่าเป็นชิ้นไม้จากไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึง ชิ้นไม้นี้เป็นที่เสาะหากันมากและมีการทำปลอมมากจน จอห์น คาลวิน (John Calvin) กล่าวเยาะว่าชิ้นไม้จากไม้กางเขนที่มีกันอยู่สมัยนั้นสามารถเอาไปสร้างเรือได้ทั้งลำ [2] อย่างไรก็ตาม เมื่อเอาชิ้นไม้จากไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนั้นมารวมกัน หนักเพียง 1.7 กิโลกรัม มีเนี้อที่ 0.04 ตารางเมตรเท่านั้น ถึงกระนั้น บางชิ้นเมื่อวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว กลับพบว่ามาจาก ค.ศ. 1870 [3]

[แก้] ความหมายของวัตถุมงคลในวัฒนธรรมโรมาโนคริสเตียน

ในคำนำประวัติของนักบุญเกรกอรีแห่งทัวร์ (Gregory of Tours) เออร์เนส เบรอโอท (Ernest Brehaut) วิจัยมโนทัศน์ ของโรมาโน-คริสเตียน (Romano-Christian) ซึ่งเน้นความสำคัญของวัตถุมงคล เบรอโอทวิจัยคำสองคำที่นักบูญเกรกอรีใช้เสมอ คือคำว่า “sanctus” และ “virtus” คำแรกหมายถึง “ศักดิ์สิทธิ์” และคำที่สองให้คำธิบายว่าเป็น [4]

“กระแสที่กำจายออกมาจากบุคคลหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำสองคำนี้ไม่มีความหมายทางจริยธรรมในตัวเองและไม่มีผลในชีวิตใดๆทั้งสิ้น [แต่]คำสองคำนี้มีความหมายทางศาสนาและเนื้อหาเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ในทางปฏิบัติคำที่สอง [virtus] เป็นคำที่สำคัญกว่า คำนี้บรรยายอำนาจลึกลับที่กำจายออกมาจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติและมีผลต่อสิ่งธรรมชาติ การกระจายของพลังนี้อาจเทียบได้กับความสัมผัสระหว่างสิ่งธรรมชาติและสิ่งที่เหนือธรรมชาติโดยที่ธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ด้อยกว่าต้องแพ้ จุดสัมผัสและการยอมแพ้นี้คือปาฏิหาริย์ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คุณค่าของความศักดิ์สิทธิ์และความลึกลับเป็นของจิตวิญญาณ และบางส่วนของผู้มีความศรัทธา และวัตถุ สิ่งเหล่านี้มีจิตวิญญาณที่มาจากผู้มีความศรัทธาและถ่ายทอดสู่วัตถุ”

ตรงกันข้ามกับคำว่า "virtus" คืออำนาจลึกลับที่มาจาก “สิ่งชั่วร้าย” (daemons) ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งถือกันว่าเป็นสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์โดยตรงต่อ “virtus” สิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถถูกทำลายได้โดย “virtus” ได้ คำว่า “virtue” นี้นักบูญเกรกอรีและนักเขียนคนอื่นกล่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกับ ผึ ปีศาจ นักมายากล และผู้นอกศาสนา “virtus” ที่ผิดนั้นเห็นได้จากรูป หรือรูปปั้นของสิ่งต่างๆ ที่เป็นที่นับถือของชนนอกศาสนาคริสต์ บางครั้งเราจึงเห็นรูปปั้นเหล่านี้ถูกทำลายโดยคริสต์ศาสนิกชนในบางสมัย

เนื่องจากความเชื่อกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีอำนาจในการป้องกันสิ่งชั่วร้าย วัตถุมงคลจึงยังมีความนิยมและความสำคัญทางคริสต์ศาสนา ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้อาจครอบคลุมไปถึงบริเวณที่มีวัตถุมงคลตั้งอยู่เช่นตัวเมือง เมื่อนักบุญมาร์ตินแห่งทัวร์เสียชีวิตเมื่อ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 397 หมู่บ้านระหว่างเมืองทัวร์ไปจนถึงปอยเตียร์ (Poitiers) ต่างหวังได้ร่างของท่านมาเป็นสมบัติแต่เมืองทัวร์เป็นผู้ได้ไป บางครั้งความที่อยากเป็นเจ้าของทำให้มีการโขมยกันเช่นร่างของนักบุญนิโคลัสแห่งไมรา (St Nicholas of Myra) ตำนานหนึ่งว่ากลาสีจากอิตาลีไปเอามาจากพระออร์ธอด็อกซ์ที่อาร์มีเนียหลังศึกแมนซิเคิท (Battle of Manzikert) เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าวัตถุมงคลของท่านเกือบทั้งหมดถูกนำไปไว้ที่เมืองเวนิส หรือความชื่อที่ว่าวัตถุมงคลที่เรียกว่า “รูปเอเดสสา” (Image of Edessa) ซึ่งเป็นผืนผ้าที่มีรูปพระพักตร์ของพระเยซู สามารถปกป้องเมืองไม่ให้ศัตรูเข้าเมืองได้

[แก้] การจัดระดับและการประกาศห้ามมีวัตถุมงคลในนิกายโรมันคาทอลิก

วัตถุมงคลแบ่งเป็นสามระดับ

  • วัตถุมงคลอันดับหนึ่ง คือ วัตถุที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของพระเยซู (รางหญ้า, กางเขน, อื่นๆ) หรือ ชิ้นส่วนจากร่างของนักบุญ (กระดูก, ผม, แขน, อื่นๆ)

ตามธรรมดาแล้ววัตถุมงคลจากนักบุญที่พลีชีพมีค่ากว่านักบุญที่มิได้พลีชีพ และส่วนของร่างกายแต่ละส่วนมีค่ามากน้อยต่างกัน เช่น แขนขวาของนักบุญสตีเฟนแห่งฮังการี (King St. Stephen of Hungary) มีความสำคัญมากกว่าส่วนอื่นของร่างกายเพราะเป็นสัญลักษณ์ของฐานะการปกครองของพระองค์ หัวของนักศาสนวิทยามีค่ามากที่สุดในบรรดาร่างกายส่วนอื่น เช่น หัวของนักบูญทอมัสอควินาถูกแยกจากร่างโดยพระที่สำนักสงฆ์ที่ฟอสซาโนวาเมื่อท่านสิ้นชีวิต หรือถ้านักบุญเดินทางบ่อยกระดูกเท้าอาจสำคัญ (ตามกฏสถาบันคาทอลิกในปัจจุบันห้ามแบ่งวัตถุมงคลที่ใช้ในคริสต์ศาสนพิธีจนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นส่วนใดของร่างกาย)

  • วัตถุมงคลอันดับสอง คือ วัตถุที่นักบุญสวมใส่ (เช่นถุงเท้า ถุงมือ หรือ เสื้อ) รวมทั้งสิ่งที่เป็นของนักบุญหรือสิ่งที่นักบุญใช้บ่อย เช่นกางเขน หรือ หนังสือ สิ่งที่สำคัญเป็นพิเศษต่อนักบุญมีค่ามากกว่าสิ่งอื่น
  • วัตถุมงคลอันดับสาม คือ วัตถุที่แตะต้องวัตถุมงคลอันดับหนึ่งและสอง

อย่างไรก็ตาม มีประกาศห้ามซื้อขายหรือเคลื่อนย้าย ตามกฎหมายคริสต์ศาสนกฏบัตร (Canon Law) ระบุไว้ว่า [5]

§1190 §1 - ห้ามการซื้อขายวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์โดยเด็ดขาด

§1190 §2 - ห้ามย้ายวัตถุมงคลที่มีความสำคัญและวัตถุมงคลอื่นๆที่เป็นที่สักการะโดยมิได้มีการอนุญาตจากสังฆมณฑล

[แก้] ความสำคัญของวัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา ในยุคกลาง

ตั้งแต่เริ่มแรกวัตถุมงคลใช้เป็นสิ่งเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างผู้มีความศรัทธาและความสำคัญกับพระเจ้า คริสต์ศาสนิกชนในยุคกลางมักเดินทางไปแสวงบุญตามสถานที่ที่เป็นของนักบวชศักดิ์สิทธิ์ ทำให้วัตถุมงคลกลายเป็นธุรกิจใหญ่ นักแสวงบุญแสวงหาวัตถุมงคลเพื่อนำกลับไปไว้ที่บ้านเพื่อการสักการะ เพราะในสมัยนั้นการอยู่ใกล้ชิดสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญทางศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ (Brown, 89) ตามที่บรรยายไว้โดย อันเดร วอเชส์ (Andre Vauchez) ปลายสมัยยุคกลางว่า “[ชนสามัญ] ชอบมีนักบุญใกล้ชิดกับตัวเองตลอดเวลา” (Vauchez, 139) เมื่อซื้อหามาแล้วนักแสวงบุญสามารถสักการะบูชาได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเดินทางไกลหรือเบียดกับใคร

[แก้] แนวคิดต่อวัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา

แนวคิดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับ วัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา ไม่ใช่ รูปเคารพ วัตถุบูชา หรือเครื่องราง ซึ่งต่างจากแนวคิดในศาสนาอื่น ชาวคริสต์ ไม่สร้างวัตถุมงคลขึ้นบูชาเอง (ไม่นับการทำเลียนแบบเพื่อหลอกลวง) และการกระทำต่อวัตถุมงคลที่หามาได้ ไม่บูชาสักการะ ไม่ทำพิธี และไม่ทำความเคารพ ต่อวัตถุมงคล บางยุคสมัยที่ผู้คนแสวงหาเป็นเครื่องรางอย่างกว้างขวาง และบางสมัยถูกห้ามอย่างจริงจัง

ประเด็นการห้ามสร้างหรือเคารพวัตถุมงคล ปรากฏหลายครั้งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ทั้งจากพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ เช่น [6]

" บรรดาผู้ที่เคารพก็เป็นศูนย์ และสิ่งที่เขาปีติยินดีนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ พยานของเขานั้นทั้งไม่เห็นและไม่รู้ เพื่อเขาจะต้องอับอาย ใครเล่าแต่งพระหรือหล่อรูปเคารพซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย ดูเถิด เพื่อนทั้งสิ้นของเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นแต่มนุษย์ ให้เขาชุมนุมกันทั้งหมด ให้เขายืนขึ้น เขาจะสยดสยอง เขาจะรับความอับอายด้วยกัน ช่างเหล็กก็ทำงาน อยู่เหนือก้อนถ่านใช้เครื่องมือของเขา และทุบมันด้วยแขนแข็งแรงของเขาเอง เออ เขาหิวและกำลังของเขาอ่อนลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำและอ่อนเปลี้ย ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาเอาดินสอขีดไว้ เขาแต่งมันด้วยกบและขีดด้วยวงเวียน เขาแต่งรูปนั้นให้เป็นรูปคน ตามความงามของคนให้อยู่ในเรือน เขาตัดต้นสนซีดาร์ลง หรือเขาเลือกต้นสนฉัตรหรือต้นก่อและปล่อยให้มันงอกขึ้นอย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโร และฝนก็เลี้ยงมัน และมันก็กลายเป็นพืชของคน เขาเอามันมาส่วนหนึ่งและให้อบอุ่นตัวเขา เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง แล้วเขาเอามาทำพระองค์หนึ่งและนมัสการมันด้วย เออ เขาทำเป็นรูปแกะสลักและกราบรูปนั้น เขาเผาในกองไฟครึ่งหนึ่ง บนครึ่งนี้เขาได้กินเนื้อ เขาย่างเนื้อ กินอิ่ม และเขาอบอุ่นตัวของเขาด้วย แล้วว่า 'เอ้อเฮอ ข้าอุ่นจัง ข้าได้ไฟแล้ว' และที่เหลือนั้นเขาทำเป็นพระองค์หนึ่ง เป็นรูปเคารพของเขา และกราบลงนมัสการรูปนั้น และอธิษฐานต่อรูปนั้น และว่า 'ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์' เขาทั้งหลายไม่รู้ หรือเขาทั้งหลายไม่เข้าใจ เพราะตาของเขาถูกปิดหรือ เขาจึงเห็นอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาเล่าก็ถูกปิดหรือ เขาจึงเข้าใจไม่ได้ ไม่มีใครตรึกตรองเลย และไม่มีความรู้หรือมีการพินิจพิเคราะห์เลย ที่จะว่า ข้าเผามันเสียครึ่งหนึ่งในกองไฟ และข้าก็เอาถ่านมาปิ้งขนมปัง ข้าย่างเนื้อกินแล้ว และควรที่ข้าจะเอาส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังหรือ ควรข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้ท่อนหนึ่งไหม เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกหลอนนำเขาให้เจิ่น เขาช่วยกู้ตัวเขาเอง หรือพูดว่า 'ไม่มีความมุสาอยู่ในมือขวาของข้า' ก็ไม่ได้ "

แต่นักบุญเจอโรม ค้านว่า [7]

“เราไม่บูชา, เราไม่ชื่นชม, เพราะเรากลัวว่าต้องน้อมตัวต่อสิ่งอื่นที่ไม่ใช้พระผู้สร้าง, แต่เราบูชาวัตถุมงคลจากผู้พลีชีพเพื่อศาสนาเพื่อให้เราชี่นชมในตัวท่านที่เสียสละ”

[แก้] วัตถุมงคลในวรรณกรรม

[แก้] เชิงอรรถ

  1. ^ 2 Kings 13:20-21 (King James Version)
  2. ^ Calvin, Traité Des Reliques
  3. ^ de Fleury, "บันทึกอุปกรณ์ตรึงกางเขน" (Mémoire sur les instruments de la Passion)
  4. ^ http://charlemagne.celtic-twilight.com/gregory_of_tours/pagexix.htm เออร์เนส เบรอโอท
  5. ^ The Code of Canon Law
  6. ^ พระธรรมอิสยาห์ 44: 9-20
  7. ^ Ad Riparium, i, P.L., XXII, 907

[แก้] อ้างอิง

  • Relics, by Joan Carroll Cruz, OCDS, Our Sunday Visitor, Inc, 1984. ISBN 0-87973-701-8
  • Reliques et sainteté dans l'espace médiéval [1]
  • Brown, Peter; Cult of the Saints: Its Rise and Function in Latin Christianity; University of Chicago Press; 1982
  • Vauchez, Andre; Sainthood in the Later Middle Ages; Cambridge University Press; 1997


[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

Commons:Category
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
วัตถุมงคล

[แก้] ประมวลภาพ


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -