นิว ออร์เดอร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิว ออร์เดอร์ | ||
---|---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | ||
แหล่งกำเนิด | Salford, Greater Manchester และ Macclesfield, Cheshire, อังกฤษ |
|
แนวเพลง | โพสต์-พังค์ นิวเวฟ อัลเทอร์เนทีฟ แด๊นซ์ เฮาส์ เทคโน อีเลคโทรป็อป |
|
ปี | 1980–1993, 1998–2007 | |
ค่าย | Factory (1981–1992) Warner (1998–2007) และ Warner subsidaries London (1993–2007) Reprise และ QWest |
|
ส่วนเกี่ยวข้อง | Joy Division Electronic Monaco Revenge The Other Two |
|
สมาชิก | ||
Bernard Sumner Stephen Morris Peter Hook Phil Cunningham |
||
อดีตสมาชิก | ||
Gillian Gilbert |
นิว ออร์เดอร์ (New Order) เป็นวงร็อกแนวโพสต์-พังค์ และอีเลคโทรนิค แด๊นซ์จากอังกฤษ เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
[แก้] ประวัติ
ปีเตอร์ ฮุค และ เบอร์นาร์ด ซัมเนอร์ เป็นคู่หูกันมาตั้งแต่กลางยุค 70 เมื่อเขาช่วยสร้างวง Joy Division วงโพสพังค์ชื่อดังจากปลายยุค 70 จนโด่งดังทั่วเกาะอังกฤษด้วยเพลงดังอย่าง Love Will Tear Us Apart
หลังจาก เอียน เคอร์ติส นักร้องนำของวงแขวนคอตายในปี 1980 ทั้งฮุคและซัมเนอร์ซึ่งกำลังโด่งดังกับ Joy Division ได้ชักชวนมือกลองของวงอย่าง สตีเฟน มอร์ริส และสมาชิกใหม่อย่างกิลเลียน กิลเบิร์ตในตำแหน่งมือคีบอร์ดตั้งวงอิเล็กทรอนิก อัลเทอร์เนทิฟ ร็อค นิว ออร์เดอร์ ขึ้น ซึ่งประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรกและครองความยิ่งใหญ่ในยุค 80 ด้วยซิงเกิลสุดดังอย่าง Blue Monday และ Bizarre Love Triangle และอัลบั้มขายดีอย่าง Power, Corruption and Lies และ Low-Life
ในเดือนมีนาคม 1981 นิว ออร์เดอร์ ก็ออกซิงเกิ้ลแรก Ceremony ซึ่งเดิมทีเป็นงานที่แต่งไว้ตั้งแต่สมัย Joy Division หลังจากนั้นไม่กี่เดือน New Order ก็ออกอัลบั้ม Movement แนวเพลงในอัลบั้มนี้เป็นคล้าย ๆ กับ Joy Division หลังจากนั้นได้ออกซิงเกิ้ลใหม่คือ Everything's Gone Green สมาชิกวงทั้งสี่ จึงผสมเสียงซินธีไซเซอร์
ผลงาน Temptation ในปี 1982 ก็ออกมาในแนวเดียวกัน และได้รับความนิยมจากผู้ที่ชอบเที่ยวคลับ เช่นเดียวกับผลงานก่อนหน้านั้น หลังจากนั้นนิว ออร์เดอร์ ก็หยุดพักไป 1 ปี และกลับมาอีกครั้งในปี 1983 ด้วยเพลงอย่าง Blue Monday Blue Monday เป็นซิงเกิ้ล 12 นิ้ว ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ด้วยยอดขายกว่า 3 ล้านแผ่นทั่วโลก หลังจากออกอัลบั้มต่อมาคือ Power, Corruption and Lies ในปี 1983 New Order ก็ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ อาร์เธอร์ เบเคอร์ซึ่งขณะนั้น นิว ออร์เดอร์จึงกลับมาอีกครั้งในปี 1985 กับอัลบั้ม Low-Life
1986 นิว ออร์เดอร์ ออกอัลบั้ม Brotherhood พร้อมซิงเกิ้ล Bizarre Love Triangle ที่เจาะตลาดเพลงป็อปได้สำเร็จ ปีถัดมา นิว ออร์เดอร์ออกอัลบั้ม Substance เป็นงานรวมซิงเกิ้ล และรีมิกซ์ อัลบั้มนี้เป็นที่ต้องการ ของแฟนเพลงมาก โดยเฉพาะในอเมริกา และงานชุดนี้ ทำให้ New Order เป็นที่รู้จักทั่วไป โดยติด ท็อป40 ของอันดับประเภทอัลบั้มด้วย มีเพลงใหม่ในอัลบั้มที่ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลด้วยคือ True Faith ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 32 ในตารางเพลงบิลบอร์ด ของอเมริกา ซิงเกิ้ล Blue Monday ถูกนำรีมิกซ์ และออกจำหน่ายใหม่อีกครั้งในชื่อ Blue Monday 1988 ส่วนในปี 1989 New Order ออกอัลบั้ม Technique ซึ่งเน้นแนวแด๊นซ์
นิว ออร์เดอร์ได้บันทึกเสียงเพลงธีม ประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก ให้ประเทศอังกฤษในปี 1990 คือ World In Motion (ซึ่งต่อมาในปี2002 เพลงนี้ก็ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลขายใหม่)
หลังจากความนิยมเริ่มถดถ่อยในยุค 90 สมาชิกหลายคนไปประสบความสำเร็จไปโปรเจ็คท์ส่วนตัว ซัมเนอร์ได้ร่วมงานกับมือกีตาร์อดีตสมาชิกของ The Smiths อย่าง จอห์นนี มาร์ ตั้งวงชื่อ Electronic ขณะที่ฮุคไปได้ดีกับโปรเจ็คท์อย่าง Revenge และ Monaco ขณะที่สองสมาชิกที่เหลือของวงก็ไปตั้งวงเฉพาะกิจอย่าง The Other Two กัน ในปี 1993 นิว ออร์เดอร์ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง อัลบั้มชุด Republic ที่ออกมาหลังการรวมตัวกันครั้งนี้ เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ New Order คือเกือบจะติดท็อป 10 ในอเมริกา
นิว ออร์เดอร์ กลับมาอีกครั้งในปี 2001 ด้วยอัลบั้ม Get Ready และอัลบั้มสุดท้ายอย่าง Waiting for the Siren's Call เมื่อปี 2005 ที่เข้าอันดับ 5 ในชาร์ตของอังกฤษมาแล้ว
ปีเตอร์ ฮุค ได้เปิดเผยในเว็บไซต์ของตัวเขาเอง ว่าได้ประกาศยุบวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[แก้] ผลงาน
- 1981 - Movement
- 1983 - Power, Corruption & Lies
- 1985 - Low-Life
- 1986 - Brotherhood
- 1989 - Technique
- 1993 - Republic
- 2001 - Get Ready
- 2005 - Waiting for the Sirens' Call