See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
เอี้ยก้วย - วิกิพีเดีย

เอี้ยก้วย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อให้บทความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณสามารถช่วยพัฒนาวิกิพีเดีย โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม - การอ้างอิงแหล่งที่มา วิธีการเขียน บทความคัดสรร และ นโยบายวิกิพีเดีย

เอี้ยก้วย (อังกฤษ:Yang Guo ,จีนตัวเต็ม: 楊過; จีนตัวย่อ: 杨过; พินอิน: Yáng Guò) เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายใน บทประพันธ์โดย กิมย้ง ที่นำเอาประวัติศาสตร์จีนช่วงหนึ่งซึ่งตรงกับราชวงศ์ซ้องใต้ (หนานซ้อง-น่ำซ้อง) หรือประมาณ พ.ศ. 1669-1822 ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัยของไทย มาผูกปมเข้ากับบทประพันธ์ ให้ชื่อเรื่องตามภาษาจีนว่า จอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา(หรือจอมยุทธจ้าวอินทรีย์ หรือจอมยุทธเทพอินทรีย์ แล้วแต่ผู้แปล) ซึ่งกิมย้งผู้ประพันธ์ได้ผูกเรื่องให้เชื่อมโยงต่อจากเรื่องจอมยุทธล่าอินทรีย์ (หรือมังกรหยกภาคหนึ่ง) แต่คนไทยจะรู้จักติดหูเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา ในชื่อมังกรหยกภาคสอง ทั้งที่ภายในเรื่องไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับมังกรหรือหยก ที่เป็นเช่นนี้มีผู้สัญนิษฐานไว้ว่า อาจเพราะผู้แปลฉบับภาษาไทยท่านแรกๆ เห็นว่า เรื่องนี้เป็นนิยายจีน มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับช้างที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของไทย ส่วนหยกเป็นเครื่องประดับที่มีค่าในความรู้สึกนึกคิดของชาวจีน ไม่ต่างกับเพชรในความคิดของชาวยุโรป

เนื้อหา

[แก้] เนื้อเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา

เอี้ยก้วย เป็นบุตรชายของ เอี้ยคัง กับ มกเนี่ยมชื้อ ซึ่งเอี๊ยคังเป็นตัวร้ายจากมังกรหยกภาคหนึ่ง เอี้ยก้วยเกิดมาโดยไม่เคยได้พบเห็นหน้าบิดาของตนเอง โดยบทประพันธ์ได้บรรยายไว้ว่า เมื่อครั้งนั้น มกเนี่ยมชื้อ เสียความบริสุทธิให้แกเอี้ยคังบนยอดเขามือเหล็ก แล้วในที่สุดก็ได้ตั้งท้อง แต่เอี้ยคังก็มาเสียชีวิตซะก่อนที่เอี้ยก้วยจะเกิด จากการซัดฝ่ามือใส่อึ้งย้ง โดยไม่ทราบว่าอึ้งย้งใส่เสื้อเกราะขนเม่นอ่อนอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีพิษติดอยู่ด้วย จึงถึงแก่ความตาย เมื่อมกเนี่ยมชื้อคลอดเด็กชาย ก๊วยเจ๋งซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเอี้ยคังได้ตั้งชื่อให้ว่า เอี้ยก้วย โดยมีเนื้อความดังนี้

“ก๊วยเจ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าและบิดาของทารกนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่น่าเสียดายที่ผลบั้นปลายชีวิตของเขาไม่ดี ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงคุณธรรมแห่งมิตรภาพได้เต็มที่ เป็นความคับแค้นในชีวิตจริงๆ แต่หวังว่าเมื่อทารกนี้โตขึ้น หากทำความผิดแล้วย่อมปรับปรุงแก้ไขตนเอง จึงขอตั้งชื่อหนูน้อยนี้ว่า "ก้วย"(ผิดพลาด)ชื่อรองว่า "เก้ยจือ"(ปรับปรุงตัว)ขอจงเป็นผู้อุทิศตนเพื่อคุณธรรม”

เมื่อเอี้ยก้วยเริ่มรู้ความ มีหลายครั้งที่เขาพยายามถามมารดาเกี่ยวกับเรื่องราวของเอี้ยคังบิดาตน แต่มกเนี่ยมชื้อไม่เคยตอบและได้แต่ร้องไห้ เอี้ยก้วยวาดฝันว่าบิดาของเขาต้องเป็นยอดวีรบุรุษ แต่อาจจะถูกลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ทำให้มารดาต้องเลี้ยงดูเขาด้วยอาชีพจับงูขายเพียงลำพังอย่างยากลำบาก

ต่อมามกเนี่ยมชื้อ ก็เสียชีวิตเพราะงูกัด เอี้ยก้วยจึงเหลือตัวคนเดียว ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยการลักเล็กขโมยน้อย หลายครั้งที่ถูกผู้อื่นเหยียดหยามรุมรังแก ส่งผลให้เขารังเกียจโกรธแค้นผู้คน สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เขาต้องรู้จักเอาตัวรอด นำความฉลาดของตนมาพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ จนใครๆ รู้สึกว่าเอี้ยก้วยเจ้าเล่ห์แสนกล เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อใจใครยาก จนคล้ายคนสอนยาก ดื้อด้าน แท้จริงแล้วเอี้ยก้วยทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ที่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างยากลำบากมาก่อน เหตุนี้ใครๆ จึงมักกล่าวว่า เอี้ยก้วยมีนิสัยประหลาด เป็นเพราะขัดแย้งกับวัฒนธรรมจีนในขณะนั้นตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ ที่เด็กควรเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายกับผู้ใหญ่

ขณะที่ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกำลังเดินทางกลับไปยังเกาะดอกท้อ เพื่อตามหาข่าวคราวของอึ้งเอี๊ยะซือ บังเอิญพบเอี้ยก้วยวัยประมาณ 12 ปี ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง เมื่ออึ้งย้งสอบถามทราบว่าเด็กที่ตนพบนั้นเป็นลูกของเอี้ยคัง ก้วยเจ๋งจึงรับไปเลี้ยงดูที่เกาะดอกท้ออยู่ 1 ปีกว่า พร้อมๆ กับก๊วยพู้บุตรสาวคนเดียวผู้เอาแต่ใจ และสองพี่น้องตระกูลบู๊ ซึ่งเป็นศิษย์ของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง ทั้งนี้เพราะก๊วยเจ๋งรู้สึกผิดต่อเอี้ยคังอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ได้ตักเตือนเอี้ยคังให้กลับใจเป็นคนดีได้

อึ้งย้งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเนื่องจากเป็นลูกของเอี้ยคังผู้ทรยศบ้านเมืองแถมยังมีนิสัยประหลาด และยังกระล่อน เจ้าเล่ห์เพทุบายคล้ายเอี้ยคังอีกด้วย จึงสอนแต่ปรัชญาเพียงให้อ่านออกเขียนได้ แต่ไม่สอนวรยุทธให้ ต่างกับการดูแลก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งนี้เพราะหวังว่าเอี้ยก้วยจะเป็นคนดีในอนาคต แต่กลับทำให้เอี้ยก้วยรู้สึกขุ่นเคืองใจตามประสาเด็ก คิดว่าอึ้งย้งไม่ชอบตนเอง จึงลำเอียงเช่นนี้

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊มักเล่นรุมรังแกเอี้ยก้วยตามประสาเด็ก ที่ไม่รู้กำลังตนว่าเล่นกันแค่ไหนจึงเรียกว่าแรงเกินไป และไม่คิดว่าเอี้ยก้วยนั้นมีนิสัยจ่องจะเอาคืน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ชีวิตที่เลวร้าย การถูกรุมในวันหนึ่งทำให้เอี้ยก้วยถึงขีดสุด เผลอใช้วิชาพลังคางคงทำร้ายสองพี่น้องตระกูลบู๊ (เอี้ยก้วยเคยเรียนวิชาเดินลมปราณมาจากมารดา และวิชาพลังคางคงมาจากอ้าวเอี้ยงฮง ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมในอดีต ที่ฝึกวิชาจนกลายเป็นบ้า เนื่องจากธาตุไฟเข้าแทรก เคยรับเอี้ยก้วยเป็นลูกบุญธรรม และสอนวรยุทธให้ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะมาพบก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง)

อึ้งย้งซึ่งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเป็นทุนเดิม เมื่อทราบว่าเขาใช้วิชาพลังคางคงของอ้าวเอี้ยฮงทำร้ายพี่น้องตระกูลบู๊ จึงขอให้ก๊วยเจ๋งส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับก๊วยเจ๋งมานาน แล้วก๊วยเจ๋งเองก็เป็นศิษย์ของคูชู่กีเจ้าสำนัก คงช่วยขัดเกลานิสัยของเอี้ยก้วยได้ดีกว่าตน โดยหารู้ไม่ว่า การส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ยิ่งไปตัดรอนการไว้เนื้อเชื่อใจของเอี้ยก้วยต่อผู้อื่นให้ลดลง ทั้งที่เขาพยายามไขว่คว้าใครสักคนมาเป็นที่พึ่งทางใจให้กับชีวิต โดยเฉพาะเมื่อยังเป็นเด็ก ซึ่งก็คือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งไม่เข้าใจจิตวิทยาในข้อนี้

เอี้ยก้วยวัย 14 ปี ไม่ได้มีชีวิตที่แสนสุขในสำนักช้วนจิน ตามที่ก๊วยเจ๋งเคยบอกเขา เนื่องจากถทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างกลั่นแกล้ง ส่วนหนึ่งมาจากนิสัยของเอี้ยก้วยที่ไม่ยอมลงให้ใคร จนอาจารย์ไม่สอนวรยุทธให้ นอกจากเพียงสอนให้ท่องเคล็ดวิชา จนเขาไม่สามารถต่อสู้กับศิษย์คนอื่นๆ ในวันประลองยุทธ เพื่อดูพัฒนาการของศิษย์แต่ละคนที่จัดขึ้นทุกครึ่งปีของสำนักได้ เอี้ยก้วยบาดเจ็บปางตาย จนในที่สุดต้องใช้วิชาพลังคางคกป้องกันตัว แล้วหนีไปยังสำนักสุสานโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน ขณะนั้นเซียวเหล่งนึ่งวัย 18 ปี เป็นเจ้าสำนัก มียายซุนสาวใช้วัยชราเป็นผู้ดูแล

ยายซุนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เอี้ยก้วย เขาซาบซึ้งน้ำใจของยายซุน เริ่มให้ความไว้วางใจคนอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งถือกฎสำนักเคร่งครัด ที่ไม่รับศิษย์ผู้ชาย จึงให้ส่งเขากลับไป ยายซุนเป็นห่วงเอี้ยก้วยจะโดนทำร้ายอีก จึงไปส่งเขาเพื่อให้แน่ใจ แต่ยายซุนต้องประมือกับพวกนักพรตช้วนจินจนเสียชีวิต ก่อนตายได้ขอให้เซียวเหล่งนึ่งรับดูแลเอี้ยก้วยไปชั่วชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ยายซุนขอ เหล่งนึ่งจึงยอมรับเอี้ยก้วยเป็นศิษย์ เอี้ยก้วยเรียกนางว่า "โกวโกว" ซึ่งแปลว่าอาหญิง ไม่ยอมเรียกอาจารย์ โดยให้เหตุผลว่าตนไม่ชอบเตียจี้เก่ง อาจารย์สำนักช้วนจิน จนนำไปฝันละเมอด่าอาจารย์บ่อยๆ ซึ่งอาจาทำให้เหล่งนึ่งได้ยินและเข้าใจผิด

เซียวเหล่งนึ่ง แม้เจะย็นชาเพราะนางได้ฝึกวิชาห้ามกามคุณทั้ง6 และอารมณ์ทั้ง7 ของสำนักตั้งแต่เด็ก นางสละเตียงหยกของตัวเองให้เอี้ยก้วยนอนเพื่อจะเพิ่มพลังลมปราณของเขาในการฝึกวิชา และมักตามใจเอี้ยก้วย เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางมีจิตใจดีและอ่อนโยน เอี้ยก้วยฉลาดและหัวไว ตั้งใจเรียนยุทธของสำนักสุสานโบราณ เพราะไม่เคยมีใครสอนยุทธให้อย่างจริงจังมาก่อน และเพื่อไม่ให้ใครมารังแกตนได้อีก อันเป็นปมในใจของเขา เอี้ยก้วยจึงฝึกวรยุทธขั้นพื้นฐานของสำนักอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปี

ความผูกพันระหว่างเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก่อตัวขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัวว่านี่คือ ความรักแบบหนุ่มสาว เพราะเอี้ยก้วยเคารพเหล่งนึ่งในฐานะอาจารย์ แม้เขาจะชอบหยอกเย้านางบ้าง เพราะเดาใจของนางออก แต่เหล่งนึ่งก็ไม่แสดงปฏิกิริยา แม้ 2 ปีต่อมา เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งจะต้องร่วมกันฝึกวิชาสตรีหยก (ผู้แปลบางท่านเรียกคัมภีร์สาวหยก, คัมภีร์ดรุณี หรือคัมภีร์สุรางคนางค์) ที่ต้องระบายความร้อนจากการเดินลมปราณ จึงไม่สวมเสื้อผ้าขณะฝึก ก็ยังไม่รู้สึกว่าต่างเริ่มมีใจให้กัน

จนวันที่ลี้หมกโช้วศิษย์บุกเข้าสำนัก เพื่อชิงคัมภีร์สตรีหยกของสำนักสุสานโบราณ เอี้ยก้วยห่วงใยเหล่งนึ่งอย่างไม่ห่วงชีวิต ทำให้นางซาบซึ้ง แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยกันทั้งคู่ เมื่อนางตัดสินใจปิดประตูพันชั่งปิดตายสุสานโบราณ ไม่ให้ทุกคนเข้าออกอีก ขังทั้งสี่คนเอาไว้ คือ เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง ลี้หมกโช้ว และอั้งเล้งปอ ซึ่งเป็นศิษย์ของลี้หมกโช้ว แต่เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก็พบทางออกอีกทางของสุสานโดยบังเอิญ แต่ลี้หมกโช้วและศิษย์ของนางก็ตามออกมาได้ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งสร้างบ้านอยู่ด้วยกันบนเขา โดยตกลงกันว่าหากฝึกวิชาสตรีหยกต่อจนพัฒนาขึ้นหรือสำเร็จแล้ว จะลงจากเขาไปท่องยุทธภพ

วันหนึ่งเอี้ยก้วยได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม หลังจากไม่ได้พบหน้ากันประมาณ 6 ปี อ้าวเอี้ยงฮงประสงค์จะถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เอี้ยก้วยต่อ แต่กลัวเหล่งนึ่งจะแอบดูวิชาของตน จึงใช้วิชากลับตาลปัตรแอบสกัดจุดนางไม่ให้นางคลายจุดเองได้ ป้องกันการแอบดู แล้วจึงพาเอี้ยก้วยไปถ่ายทอดวิชาในที่ห่างไกลออกไป ระหว่างนั้นอึ้งจื่อเพ้งนักพรตสำนักช้วนจินที่มีใจต่อเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ถือโอกาสพรากพรหมจรรย์ของนางโดยใช้ผ้าปิดตาไว้ เหล่งนึ่งคิดว่าเป็นเอี้ยก้วย เพราะที่นั่นไม่มีใครอื่นอีก

เมื่อฝึกวิชาเสร็จ เอี้ยก้วยก็กลับมาเปิดผ้าผูกตาเซียวเหล่งนึ่งออกและช่วยคลายจุดให้นาง เซียวเหล่งนึ่งให้เอี้ยก้วยเลิกเรียกนางว่าอาหญิง เอี้ยก้วยไม่เคยคิดจะหาคำเรียกเป็นอย่างอื่นมาก่อน เพราะไม่มีคำอื่นใดจะให้เกียรตินางเท่าคำนี้แล้ว ยิ่งทำให้เซียวเหล่งนึ่งโกรธ เพราะคิดว่าเขาไม่รับผิดชอบในตัวของนาง จึงยื่นคำขาดว่าเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาหรือไม่ เอี้ยก้วยผู้ไม่รู้เรื่องพาซื่อตอบว่า “ไม่เคย” เขาเคารพนางเสมอมา ยิ่งทำให้นางโกรธจนกระอักเลือดและหนีจากไป

เส้นใยบางๆ เส้นสุดท้ายภายใต้จิตสำนึกของการกลัวถูกทอดทิ้งในวัยเด็กหวนกลับมาเยือน เมื่อเหล่งนึ่งกำลังจากไป โดยสกัดจุดเอี้ยก้วยไว้ หลังจากเขาคลายจุดได้ก็ตั้งใจว่า หากพบนางและนางต้องการให้เขารับนางเป็นภรรยา ก็จะยินดี

เขาได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม ขณะตามหาเหล่งนึ่ง ทำให้เอี้ยก้วยใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง ที่ได้พบคนรู้จัก แต่ระหว่างที่เอี้ยก้วยพบพ่อบุญธรรมนั้น เป็นเวลาที่พ่อบุญธรรมกำลังประลองยุทธกับอั้งชิดกง ต่างคนต่างบอกกระบวนท่าวรยุทธให้เอี้ยก้วยเป็นผู้แสดงฝีมือ ทำให้เอี้ยก้วยได้เรียนรู้ท่าไม้ตีสุนัข ฯลฯ เพิ่มขึ้น สุดท้ายอวุโสทั้งสองก็สิ้นใจพร้อมกัน เพราะเหน็ดเหนื่อยที่ต้องสู้กันข้ามวันข้ามคืนโดยไม่หยุดพัก

เอี้ยก้วยเดินทางมาพบก๊วยเจ๋งอีกครั้งในงานชุมนุมชาวยุทธ์ โดยเล่าว่าตนออกจากสำนักช้วนจินและอยู่อย่างคนเร่ร่อน ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเขายังมีวรยุทธไม่ถึงขั้น สองพี่น้องตระกูลบู๊ยังคงไม่ชอบเอี้ยก้วยเหมือนเดิม และยิ่งอิจฉาที่ก๊วยเจ๋งให้ความสำคัญกับเอี้ยก้วย รวมถึงก๊วยพู้ ซึ่งสองพี่น้องตระกูลบู๊หลงรักก็ดูจะพอใจในตัวของเอี้ยก้วยด้วย

อึ้งย้งกำลังตั้งครรภ์ จึงมอบตำแหน่งเจ้าสำนักพรรคกระยาจกให้กับลู่อู่คา ร่างกายอึ้งย้งช่วงนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เอี้ยก้วยเข้าใช้พลังวัตรช่วยเหลือ อึ้งย้งรู้สึกแปลกใจที่เขามีพลังวัตรสูง แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ เพราะรู้นิสัยของเอี้ยก้วยว่า ถ้าอยากบอกเอี้ยก้วยก็จะบอกเอง

ในงานชุมนุมชาวยุทธ์ มีการเลือกผู้นำยุทธภพคนใหม่ แต่ชาวยุทธชาวมองโกลได้แก่ ราชครูกิมลุ้น(หรือราชครูจักรทอง)ฮวบอ๋องพร้อม ศิษย์ทั้งสอง คือหลวงจีนตะละปาและองค์ชายฮั่วตู เข้ามาป่วนในงานชุมนุม ก๊วยเจ๋งเคยประมือกับศิษย์สองคนนี้แล้ว แต่ไม่เคยพบกับกิมลุ้น อึ้งย้งเสนอวิธีการประลอง โดยให้ประลอง 3 รอบ ให้คนที่เก่งที่สุด สู้กับคนที่เก่งระดับกลาง แล้วคนที่เก่งระดับกลางสู้กับคนที่เก่งน้อยที่สุด แค่นี้ก็จะได้ชนะ 2ใน3 รอบ แต่ผลผิดคาดเมื่อฮั่วตูซึ่งฝีมือด้อยที่สุดในผู้ลงประลองฝ่ายมองโกล กลับใช้วิธีสกปรก ซัดอาวุธลับ ทำให้ชนะไป

ขณะนั้นเอี้ยก้วยได้กลิ่นหอมของเซียวเล่งนึ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กลอยมาแต่ไกล เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวกลางงานชุมนุมชาวยุทธ เขาและเธอต่างยินดีที่ได้พบกัน จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว การประลองยุทธเกือบทำให้เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บ เอี้ยก้วยจึงโกรธ ใช้วิชาไม้ตีสุนัขและวิชาของสุสานโบราณสู้กับฮั่วตูและหลวงจีนตะละปาจนชนะ เป็นที่ชื่นชมของชาวยุทธ โดยเฉพาะก๊วยเจ๋ง เมื่อใครถามว่าผู้ใดเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วย เขาก็ตอบว่า “เซียวเหล่งนึ่ง” ผู้คนต่างขบขันเพราะคิดว่าเขาพูดเล่น ไม่มีทางที่เด็กสาวที่ดูอ่อนวัยจนดูอายุไล่เลี่ยเอี้ยก้วยจะเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วยได้ แม้แต่อึ้งย้งยังไม่แน่ใจ มีกลุ่มคนที่ทราบเรื่องนี้ดีแค่กลุ่มเดียวคือนักพรตช้วนจินที่มาร่วมงานด้วย

ราชครูกิมลุ้นขอประลองกับเซียวเหล่งนึ่ง เพราะดูว่าสมควรจะได้รับตำแหน่งเจ้ายุทธภพหรือไม่ เซียวเหล่งนึ่งเห็นว่าเป็นการเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชา ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง จึงยินดีรับคำท้า นางรับจักรทองของกิมลุ้นได้หลายกระบวนท่า แต่ฝีมือของกิมลุ้นสูงมาก สุดท้ายก๊วยเจ๋งจึงออกหน้าช่วยเหลือ จนกิมลุ้นแพ้ จึงกลับออกไปจากงานด้วยความอับอายและเจ็บแค้น

เซียวเหล่งนึ่งไม่รับตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ และบอกว่าเธอเป็นภรรยาเอี้ยก้วย เมื่อก๊วยเจ๋งประกาศยกก๊วยพู้ให้แต่งงานกับเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยเองก็เผยว่าเขารักเซียวเหล่งนึ่งและจะแต่งงานกับนาง เหล่าชาวยุทธ์ได้เปลี่ยนท่าทีจากที่เคยยกย่องคนทั้งคู่มาเป็นประณามหยาดเหยียด เพราะขนบประเพณีที่เข้มข้นจากปรัชญาของลัทธิขงจื้อทำให้คนในสมัยนั้นเชื่อว่า ศิษย์กับอาจารย์จะรักและแต่งงานกันไม่ได้ ส่วนก๊วยพู้รู้สึกถูกหักหน้าที่ถูกปฏิเสธ ความรู้สึกชอบพอเอี้ยก้วยเปลี่ยนเป็นความเจ็บใจอยู่ลึกๆ ที่เอี้ยก้วยไม่เอาใจนางเหมือนคนอื่นๆ เตียจี้เก่ง อดีตอาจารย์ของเอี้ยก้วยที่ช้วนจิน ก็เปิดโปงว่าเคยเห็นทั้งสองลอบมีสัมพันธ์กัน(ครั้งที่ฝึกวิชาสตรีหยกร่วมกัน โดยต้องถอดเสื้อผ้า) ทั้งๆ ที่ความจริงทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบชู้สาว เอี้ยก้วยทนฟังไม่ไหว จึงเกิดการต่อสู้กับนักพรตช้วนจิน การออกอาวุธทำให้พบนัยแฝงของเคล็ดวิชาสตรีหยกขั้นสมบูรณ์ได้โดยบังเอิญคือ เอี้ยก้วยใช้วิชากระบี่ช้วนจิน ในขณะที่เซียวเหล่งนึ่งใช้วิชาสตรีหยก เมื่อประสานกระบี่กัน ก็จะมีพลังที่ยากจะต้านทาน แต่ยังไม่ทันสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ ก้วยเจ๋งก็เข้าห้ามและขอให้เอี้ยก้วยออกไป

เอี้ยก้วยเลิกสนใจคำครหาพาเซียวเหล่งนึ่งออกมาจากงาน แต่ก๊วยพู้ถูกกิมลุ้นจับตัวไป อึ้งย้งที่ตามไปช่วยก็ตกที่นั่งลำบาก ทั้งสองจึงยื่นมือเข้าช่วย อึ้งย้งซาบซึ้งน้ำใจ และเห็นใจทั้งคู่ แต่ก็กลัวว่าอนาคตของเอี้ยก้วยจะหม่นหมอง จึงปรึกษาเซียวเหล่งนึ่ง นางจึงตัดสินใจจากเอี้ยก้วยไป เพื่อไม่ให้เขาถูกชาวยุทธ์รุมประณาม เซียวเหล่งนึ่งเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะไม่อยากกลับสำนักสุสานโบราณโดยไม่มีเอี้ยก้วย และฝึกยุทธ์อย่างหักโหมเพื่อให้ลืมเอี้ยก้วยจนธาตุไฟเข้าแทรก และสิ้นสติไป รู้สึกตัวอีก ครั้งก็มาอยู่ที่หุบเขาไร้รัก

กงซุนจื้อ เจ้าหุบเขาหลงความงามของเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ต้องการตัวของนาง จึงทำดีให้นางใจอ่อน ส่วนเหล่งนึ่งเองก็อยากลืมเอี้ยก้วยและมีชีวิตใหม่ จึงตกลงแต่งงานกับกงซุนจื้อ เอี้ยก้วยตามหาเซียวเหล่งนึ่งได้พบกับเหตุการณ์มากมาย เช่น พบกับเล็กบ่อซัง ซึ่งมีดวงตาให้ชวนระลึกถึงเซียวเหล่งนึ่ง เขาขอจูบตานาง ได้พบ เทียเอ็ง ซึ่งได้ช่วยเอี้ยก้วยไว้จาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกิมลุ้นโดยมีไม่เซียวเหล่งนึ่งอยู่ด้วย

อึ้งเอี๊ยะซือ ภูตบูรพาซึ่งมีนิสัยคล้ายเอี้ยก้วย ได้ช่วยรวมพลังลมปราณจากอาการบาดเจ็บหลังสู้กับกิมลุ้น และสอนวิชาพลังดีดและขลุ่ยหยกให้กับเขาไว้เพื่อป้องกันตัวจากลิ้มหมกโช้ว ทำให้พลังวัตรและวรยุทธของเอี้ยก้วยแข็งแกร่งขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังได้พบซาโกว ศิษย์ของอึ้งเอี๊ยะซือผู้สติไม่เต็ม แต่รู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อของเขา เอี้ยก้วยจึงหลอกถามนางจนเขาใจไปว่า การตายของเอี้ยคังพ่อของเขาเกี่ยวข้องกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง

เอี้ยก้วยคิดแก้แค้นจึงเข้าร่วมกับกิมลุ้นที่กำลังรวมยอดฝีมือจากที่ต่างๆ ให้กับกุบไลข่าน เพื่อเข้าโจมตีก๊วยเจ๋ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาเมืองเซียงเอี้ยงอยู่ ระหว่างนั้นเฒ่าทารกได้เข้าไปป่วนในค่ายมองโกล เอี้ยก้วยและยอดฝีมือจึงตามเฒ่าทารกไปจนมาถึงหุบเขาไร้รัก เอี้ยก้วยจึงได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งอีกครั้ง แต่นางกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เพราะต้องการตัดใจ แต่สุดท้ายความรักมีมากกว่าจึงยอมรับ กงซุนจื้อโกรธมากจึงกำจัดเอี้ยก้วยด้วยพิษหนามดอกรัก เซียวเหล่งนึ่งเองก็ถูกหนามดอกรักเช่นกัน

นางยอมแต่งงานกับกงซุนจื้อเพื่อแลกยาถอนพิษรักษาชีวิตเอี้ยก้วย แต่ไม่รู้ว่ากงซุนจื้อมีแผนชั่ว เพราะยาถอนพิษมีเหลือเพียงเม็ดเดียว และหายไปแล้ว กงซุนเล็กงักลูกสาวของกงซุนจื้อแอบช่วยเหลือเอี้ยก้วย จนทั้งคู่ถูกพ่อผลักลงไปก้นเหว เอี้ยก้วยได้พบยาถอนพิษดอกรักในเสื้อของเขาโดยไม่รู้มาก่อนว่าเฒ่าทารกนำมาซ้อนไว้ที่ตัว แต่ก็ไม่ยอมกิน เพราะมีเพียงเม็ดเดียว เขารักษามันไว้ให้เซียวเหล่งนึ่ง ใต้ก้นเหวนั้นเอี้ยก้วยและกงซุนเล็กงักได้พบคิ้วโชยเซียะ ซึ่งเป็นภรรยาของกงซุนจื้อ และเป็นแม่แท้ๆ ของกงซุนเล็กงัก

เอี้ยก้วยช่วยคิ้วโชยเซียะขึ้นจากเหวได้และเข้าขัดขวางพิธีแต่งงาน เอี้ยก้วยให้เซียวเหล่งนึ่งกินยาถอนพิษดอกรัก โดยไม่บอกว่าตัวเขาเองยังไม่ได้กิน ด้วยความช่วยเหลือของคิ้วโชยเซียะ เอี้ยก้วยจึงชนะกงซุนจื้อ แต่เขาก็หนีไปได้ คิ้วโชยเซียะกลับมาปกครองหุบเขาไร้รักอีกครั้ง และต่อรองกับเอี้ยก้วยว่าจะให้ยาถอนพิษถ้ายอมแต่งงานกับกงซุนเล็กงัก เอี้ยก้วยไม่ตกลงโดยกงซุนเล็กงักช่วยพูดด้วยอีกแรง คิ้วโชยเวียะจึงเปลี่ยนข้อเสนอให้ไปฆ่าก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งเคยฆ่าพี่ชายนาง แล้วให้ยาไปกินก่อนครึ่งเม็ด ซึ่งมีผลในการรักษาชีวิตได้ 18 วัน

ตลอดการเดินทาง เอี้ยก้วยเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งคิดอยากรักษาตัวเพื่อมีชีวิตอยู่ร่วมกับเซียวเหล่งนึ่งต่อไป และได้แก้แค้นให้พ่อไปในตัว แต่อีกใจเห็นก๊วยเจ๋งเป็นวีรบุรุษ ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง จึงไม่อาจลงมือได้ อึ้งย้งมารู้ความจริงจากเหล่งนึ่ง จึงคิดช่วยเอี้ยก้วยด้วยการยอมมอบศีรษะให้ไปแลกยาถอนพิษ แต่ขอให้นางคลอดลูกก่อน ฝ่ายมองโกลใช้เล่ห์กลให้ชาวยุทะฝ่ายมองโกลเข้ามาบุกจวน(ที่พัก)ของก๊วยเจ๋ง โดยจุดไฟเผา ซึ่งเป็นเวลาที่อึ้งย้งคลอดลูกพอดี จึงฝากลูกสาวชื่อก๊วยเซียงไว้กับเซียวเหล่งนึ่ง ขณะกำลังคลอดแฝดอีกคน

เซียวเหล่งนึ่งคิดเอาเด็กไปแลกยาถอนพิษ แต่ระหว่างทางก็พบกิมลุ้นที่กำลังประมือกับเอี้ยก้วย จึงเข้าไปช่วย ลี้หมกโช้วมาได้จังหวะ คว้าเอาเด็กไป โดยเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยตามติดนางไปตลอด โดยอาสาไปหาอาหารและเฝ้ายามให้ เขาจึงได้พบกับอินทรีย์ยักษ์รูปร่างอัปลักษณ์ แต่ทึ่งในพละกำลังของอินทรีย์ขณะปราบงูยักษ์ และฟังเขาพูดเข้าใจ เอี้ยก้วยตามอินทรีย์ไปจนถึงถ้ำที่อยู่ของต๊กโกวคิ้วป้ายซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และบอกอินทรีย์ยักษ์ว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมใหม่

เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อสองพี่น้องตระกูลบู๊ทะเลาะกันเพราะก๊วยพู้ เอี้ยก้วยจึงมาช่วยตัดปัญหาโดยหลอกว่าอึ้งย้งยกก๊วยพู้ให้เขาแล้ว พอดีเซียวเหล่งนึ่งมาแอบได้ยินเข้าก็เสียใจมาก จึงกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง เพื่อมอบกระบี่ของตน ซึ่งเป็นกระบี่คู่กันกับของเอี้ยก้วยให้กับก๊วยพู้ เวลานั้นลี้หมกโช้วปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการปรับความเข้าใจของสองพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งคู่ร่วมกันสู้กับลี้หมกโช้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของทั้งสองต้องตาย แต่กลับโดนเข็มพิษละลายหิมะของนาง เอี้ยก้วยจึงตรงเข้าดูดพิษช่วยเหลือ เพราะเหลือเวลาอีก 2-3 วัน พิษดอกรักก็จะฆ่าเขาอยู่แล้ว

เซียวเหล่งนึ่งเสียใจมากขึ้นเมื่อกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง แล้วได้ฟังความจริงโดยบังเอิญจากเตียจี้เก่งและ อึ้งจื่อเพ้งว่า คืนนั้นบนหุบเขาไม่ใช่เอี้ยก้วยแต่เป็นอึ้งจื้อเพ้ง ที่พรากพรหมจรรย์จากนางไป นางจึงติดตามอึ้งจื้อเพ้ง โดยหวังจะเอาชีวิตของเขา แต่ด้วยจิตใจที่ดีของนาง จึงทำไมลง ได้แต่ติดตามไปจนถึงสำนักช้วนจิน ระหว่างทางได้พบกับเฒ่าทารก ซึ่งได้สอนวิชาสองมือขัดแย้งให้กับนาง ทำให้นางสามารถใช้วิชาสตรีหยกได้โดยไม่ต้องมีเอี้ยก้วย

ก๊วยพู้เป็นอีกคนหนึ่งที่บังเอิญได้ยินเตียจี้เก่งและ อึ้งจื่อเพ้งพูดคุยกัน ขณะเข้ามาถามเอี้ยก้วยที่กำลังป่วยไข้ ด้วยอาการถูกเข็มพิษละลายหิมะ และพิษดอกรักทำปฏิกิริยาต่อกัน ถึงน้องสาวที่เอี้ยก้วยจะอุ้มไปแลกยาถอนพิษดอกรัก เมื่อทราบว่าไม่ได้น้องสาวกลับมา จึงเล่าเรื่องที่ได้ยินมาเล่าให้เอี้ยก้วยฟัง เอี้ยก้วยคิดว่าก๊วยพู้พูดจาลบหลู่เซียวเหล่งนึ่ง จึงตบหน้านางเข้า ก๊วยพู้ซึ่งตลอดชีวิตมีแต่คนเอาใจ และไม่เคยถูกใครตีมาก่อน จึงโกรธมาก ใช้กระบี่ที่เซียวเหล่งนึ่งมอบให้จะฆ่าเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยกำลังป่วย ไม่มีแรงต่อสู้ เอาแขนขวาขึ้นป้องกัน จึงถูกฟันขาด ก๊วยพู้ตกใจมาก วิ่งไปบอกแม่ ก๊วยเจ๋งโกรธจัดที่ลูกสาวเอาแต่ใจไม่ยั้งคิด แต่อึ้งย้งเข้าปกป้องลูก โดยให้หนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก

หลังจากถูกตัดแขน เอี้ยก้วยหนีออกมาจากจวนก๊วยเจ๋ง มาพบกับอินทรียักษ์อีกครั้ง อินทรีย์ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาด้วยดีงู ซึ่งให้พลังในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย และเพิ่มพลังวัตร เมื่อเอี้ยก้วยอาการดีขึ้น อินทรีย์จึงพาไปยังสุสานกระบี่ ให้เอี้ยก้วยใช้กระบี่เหล็กนิดดำฝึกวรยุทธเพื่อฟื้นพลัง

เอี้ยก้วยกลับไปที่จวนของก๊วยเจ๋งเพื่อล้างแค้นก้วยพู้ แต่ได้ยินก๊วยเจ๋งอบรมก๊วยพู้ ถึงการเป็นพี่น้องร่วมสาบานระหว่างตรกูลมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ มาจนถึงรุ่นพ่อ นอกจากนี้ยังมีหนี้บุญคุณที่เอี้ยก้วยได้ช่วยชีวิตตน อึ้งย้ง และก๊วยพู้ไว้หลายครั้ง และเพื่อไม่ให้เป็นการผิดต่อเอี้ยก้วย ก๊วยเจ๋งจะตัดแขนของก๊วยพู้ อึ้งย้งเข้ามาช่วยก๊วยพู้ให้หนีไปได้พอดี เอี้ยก้วยจึงติดตามอึ้งย้งและก๊วยพู้อยู่ห่างๆ ไม่ให้รู้ตัว ระหว่างนั้นลี้หมกโช้วได้อุ้มก้วยเซียง ลูกสาวของอึ้งย้งผ่านมา อึ้งย้งจึงตามไปเอาลูกสาวคืน แต่เอี้ยก้วยลอบอุ้มเด็กออกไปโดยไม่ให้อึ้งย้งและลี้หมกโช้วรู้ แต่จงใจผ่านไปให้ก๊วยพู้เห็น เพื่อประชดนางที่เคยว่าตนว่าขโมยน้องของนางไปให้กลายเป็นความจริง

ฝ่ายมองโกลคิดจะใช้สำนักช้วนจินขยายอิทธิพล จึงตกลงกับเตียจี้เก่งผู้ละโมบ และทรยศ จนยอมจับศิษย์ในสำนักที่ไม่เห็นด้วยทุกคนมามัดไว้ และลงมือฆ่า พอถึงตาอึ้งจื่อเพ้งจะถูกฆ่า เซียวเหล่งนึ่งก็ปรากฏตัวและขอลงมือฆ่าอึ้งขื่อเพ้งด้วยตัวเอง เป็นเวลาเดียวกับที่พวกของกิมลุ้นบุกเข้ามา นางจึงต้องประมือกับยอดฝีมือมองโกล อึ้งจื่อเพ้งเห็นว่าเซียวเหล่งนึ่งกำลังพลาดท่ากิมลุ้น จึงเอาตัวเข้าขวางจนบาดเจ็บสาหัส นางเองก็โดนฝ่ามือของกิมลุ้น

ระหว่างนั้นเอี้ยก้วยกำลังเดินทางกลับสุสานโบราณ ซึ่งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน เขาได้ยินเสียงเอะอะออกมาจากสำนัก จึงเข้าไปดู และทันพอดีรับร่างของเซียวเหล่งนึ่งที่โดนฝ่ามือของกิมลุ้นจนกระเด็น นางดีใจมากคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอเอี้ยก้วยอีก เอี้ยก้วยมีวรยุทธและพลังวัตรเพิ่มพูนจนสามารถต่อกรกับกิมลุ้นที่ใช้วิชานาคคชสารปัญญาบารมีชั้นที่ 7 ได้เพียงคนเดียว กิมลุ้นเสียใจมากจึงกลับไปมองโกลเพื่อฝึกวิชาต่อ ส่วนเอี้ยก้วยตั้งใจหยามสำนักช้วนจินด้วยการแต่งงานกับเซียวเหล่งนึ่งในวิหารของนักพรตผู้รักษาพรหมจรรย์ ต่อหน้าปรมาจารย์เฮ้งเต็งเอี๊ยง ก่อนที่จะหนีกลับสุสานโบราณ โดยไม่ลืมพาทารกน้อยก๊วยเซียงไปด้วย

เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บสาหัส และเอี้ยก้วยได้พบวิธีรักษาจากจดหมายที่เฮ้งเต็งเอี๊ยงเขียนให้ลิ้มเฉียวเอ็ง อาจารย์ย่าของเซียวเหล่งนึ่ง ทั้งคู่เป็นคู่รักที่ไม่กล้าขัดประเพณี จึงได้แต่เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย และเปลี่ยนไปเป็นคอยแต่จะเอาชนะกัน เอี้ยก้วยรีบรักษาเซียวเหล่งนึ่งตามวิธีในจดหมาย แต่โชคร้ายลี้หมกโช้วร่วมมือกับอึ้งย้ง พาก๊วยพู้ สองพี่น้องตระกูลบู๊ และเยลู่ฉี เข้ามาในสุสานเพื่อเอาตัวก๊วยเซียงคืน จนทำให้อาการบาดเจ็บของเหล่งนึ่งทรุดหนักจนเกินเยียวยา เอี้ยก้วยแค้นใจก๊วยพู้อย่างมากที่เป็นต้นเหตุ จึงชิงทารกไปด้วยอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งขอให้เอี้ยก้วยเอาไปคืน เพื่อที่นางจะได้ชีวิตช่วงสุดท้ายท่องเที่ยวกับเอี้ยก้วยในที่ที่อยากไปสองต่อสอง ระหว่างทางทั้งสองได้พบกับอิดเต็งไต้ซือให้ยาช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของเซียวเหล่งนึ่ง แต่อาการจะดีอยู่แค่ 7 วัน ถ้าจะให้ดี ควรไปพบนักบวชจากอินเดีย ซึ่งท่านทราบว่าตอนนี้อยู่ที่หุบเขาไร้รัก

อึ้งย้งเคยเชิญนักบวชจากอินเดียผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ไปหายาแก้พิษดอกรักที่หุบเขาไร้รัก แต่ท่านก็ต้องเสียชีวิตด้วยฝีมือลี้หมกโช้ว ซึ่งแปรพรรคมาเข้าพวกกับกงซุนจื้อ เพราะอยากได้ยาถอนพิษดอกรัก แต่นักบวชอินเดียได้พบสมุนไพรชนิดหนึ่งและกำไว้ในมือแน่น อึ้งย้งจึงเชื่อว่าสมุนไพรชนิดนั้น ซึ่งก็คือหญ้าไส้ขาด มีสรรพคุณถอนพิษดอกรักได้

ทุกคนมารวมตัวกันที่หุบเขาไร้รัก เพื่อช่วยทวงยาจากคิ้วโชยเซียะให้เอี้ยก้วย แต่กงซุนจื้อมาชิงเอาไป เหล่งนึ่งจึงออกไปประมือจนได้ยากลับมา แต่นางอ่อนแอมากอยู่แล้ว ยังใช้พลังอีก อาการจึงทรุดหนัก นักบวชจากอินเดียก็เสียชีวิตแล้ว ยากที่จะหาใครช่วยชีวิตนางในตอนนี้ได้ เอี้ยก้วยคิดเช่นนั้นจึงไม่ยอมกินยาและเขวี้ยงลงเหวไป เซียวเหล่งนึ่งหมดสติไปด้วยความเสียใจ ทั้งลี้หมกโช้ว กงซุนจื้อ และคิ้วโชยเซียะต่างพบจุดจบในวันนั้น

อึ้งย้งได้พูดกับเซียวเหล่งนึ่งว่ามีหญ้าไส้ขาดที่ช่วยเอี้ยก้วยได้ แต่เขาไม่ยอมกินแน่ ขอให้นางช่วยเกลี้ยกล่อม เซียวเหล่งนึ่งจึงคิดวิธีได้โดยเขียนข้อความทิ้งไว้ที่หน้าผาว่า ให้มาพบกันในอีก 16 ปีข้างหน้า แล้วนางก็กระโดดหน้าผาลงไป เพื่อไม่ให้เอี้ยก้วยเห็นศพนาง และมีกำลังใจจะอยู่ต่อไป คาดว่าเวลาถึง 16 ปี แม้ทำให้เขาเลิกรักนางไม่ได้ แต่คงพอช่วยให้เขาเลิกคิดสั้นตายตามนางได้ เอี้ยก้วยเห็นข้อความดังกล่าวจึงยอมกินหญ้าไส้ขาดเพื่อรอเซียงเหล่งนึ่ง

เอี้ยก้วยใช้เวลา 10 ปี ในการฝึกวิชากำสลดวิญญาณสลายที่คิดขึ้นเองจากความคิดถึงเซียวเหล่งนึ่งในถ้ำติ๊กโควคิ้วป้าย โดยมีอินทรีย์ยักษ์เป็นเพื่อน อีก 5 ปีที่เหลือ ออกท่องยุทธภพช่วยเหลือผู้คน กำจัดความอยุติธรรมพร้อมกับอินทรีย์ จนทุกคนยกย่องเป็นจอมยุทธอินทรี ซึ่งมีเอกลักษณ์คือมีแขนซ้ายเพียงข้างเดียว ใส่หน้ากากหนังคนปิดบังโฉมหน้า เพราะไม่ต้องการให้คนที่รู้จักตนจำเขาได้ ก๊วยเซียงวัย 15 ปี ได้ยินเรื่องราวของจอมยุทธอินทรีก็เลื่อมใส คิดอยากพบเขา แล้วก็มีคนพาไปพบจริงๆ เอี้ยก้วยไม่ยอมเปิดเผยฐานะ แต่เมื่อเขารู้ว่าเป็นก๊วยเซียงน้อยที่เขาเคยอุ้มก็เอ็นดู และให้เข็มสามเล่มเพื่อให้ขอสิ่งใดก็ได้จากเขา 3 ข้อ ก๊วยเซียงขอ 2 ข้อก่อนคือ ให้เขาถอดหน้ากาก เพื่อเผยโฉมหน้าให้ดู และขอให้เขามาร่วมงานวันเกิดของนางเมื่ออายุ 16 ปี

อึ้งย้งแปลกใจที่ก๊วยเซียงไปรู้จักกับเอี้ยก้วย ก๊วยเซียงขอให้นางเล่าเรื่องของเอี้ยก้วยให้ฟัง อึ้งย้งก็เล่าและเผยว่านางหลอกเขาไว้ว่า มีแม่ชีทางใต้มาช่วยเซียวเหล่งนึ่งไป หากความจริงเปิดเผย ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก๊วยเซียงคิดจะไปปลอบใจเอี้ยก้วย เมื่อครบกำหนด 16 ปี จึงได้ออกตามหาเอี้ยก้วย ระหว่างทางนางพบกิมลุ้นซึ่งสำเร็จวิชานาคคชสารปัญญาบารมีชั้นที่ 10 แล้ว เมื่อกิมลุ้นรู้ว่าเป็นลูกสาวก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ก็คิดจะหลอกใช้ แต่กลับรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้จนอยากรับเป็นศิษย์

เอี้ยก้วยไปรอเหล่งนึ่งที่หน้าผา หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ก็ไม่พบ จนผมหงอกด้วยความเครียด และรู้ว่าที่จริงเซียวเหล่งนึ่งเขียนข้อความหลอกเขา จึงตัดสินใจกระโดดหน้าผาไป ก๊วยเซียงกับกิมลุ้นตามมาพบพอดี ก๊วยเซียงรีบกระโดดตามลงไป กิมลุ้นจะห้ามก็ไม่ทัน กิมลุ้นบอกอึ้งย้ง และยอดฝีมืออาวุโสว่า ก๊วยเซียงกระโดดหน้าผาไป อึ้งย้ง และยอดฝีมืออาวุโสคิดว่ากิมลุ้นเป็นคนผลักมากกว่า จึงประมือกัน ขณะเดียวกันก็ส่งอินทรีย์คู่ที่ตนเลี้ยงไว้ลงไปสำรวจดูก้นเหว

เอี้ยก้วยและก๊วยเซียงไม่ตาย เพราะข้างล่างเป็นผืนน้ำ ก๊วยเซียงใช้เข็มเล่มสุดท้ายขอเอี้ยก้วยว่า ไม่ว่าจะพบเซียวเหล่งนึ่งหรือไม่ ก็ขอให้เอี้ยก้วยมีชีวิตอยู่ต่อไป เขายอมตกลง และส่งก๊วยเซียงขึ้นไปกับอินทรีย์ของอึ้งย้ง ตัวเขาเองตามหาเซียวเหล่งนึ่งใต้เหว เพราะเชื่อว่าเมื่อเซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงมาก็คงไม่ตายเหมือนกัน เขาดำน้ำจนไปโผล่ในสถานที่หนึ่ง จัดไว้เหมือนสุสานโบราณไม่มีผิด แล้วเขาก็ได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งจริงๆ นางเล่าให้เอี้ยก้วยฟังว่ารักษาตัวจนหายได้อย่างไร

ขณะที่พวกของอึ้งย้งลงไปตามหาเอี้ยก้วยใต้เหว ก๊วยเซียงเมื่อขึ้นมาบนเหวได้ก็ถูกกิมลุ้นจับตัวไปอีก กิมลุ้นใช้ก๊วยเซียงต่อรองก๊วยเจ๋งให้เปิดประตูเมืองเซียงเอี้ย แต่ก๊วยเจ๋งเห็นแก่บ้านเมืองมากกว่าส่วนตัว ก๊วยเซียงเข้าใจข้อนี้ เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งมาช่วยก๊วยเซียงไว้ได้ทัน และสู้รบกับทหารมองโกลจนชนะ ทั้งกิมลุ้นและกุบไลข่าน สิ้นชีวิตในสนามรบ

เอี้ยก้วยเพิ่งมีโอกาสได้บอกกับทุกคนถึงเรื่องการตายของสองอาวุโส อั้งชิดกงที่ทุกคนตามหา พร้อมกับอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรมของเขา จึงมีการตั้งยอดฝีมือทั้งสี่ทิศรุ่นใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็คือก๊วยเจ๋ง แทนที่ยาจกอุดร อั้งชิดกง และเอี้ยก้วยแทนพิษประจิมอ้าวเอี้ยงฮง ส่วนอึ้งเอี๊ยะซือยังคงเป็นภูตบูรพาและ อิดเต็งไต้ซือเป็น ราชันทักษิณ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งได้จากไปจากยุทธภพตลอดกาล ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

[แก้] บุคลิกและนิสัยของเอี้ยก้วย

เอี้ยก้วยมีใบหน้าคล้ายเอี้ยคังผู้พ่อซึ่งหล่อเหลา บุคลิกเป็นคนสนุกสนาน พูดจาเก่ง มีนิสัยคึกคะนองชอบกระโดดโลดเต้น ชอบท่องเที่ยว มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิดกล้าทำไม่เกรงกลัวผู้ใด เฉลียวฉลาด เรียนรู้ได้ไว มีความจำที่ดี และมีไหวพริบเป็นเลิศ

ถ้าพูดถึงความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอี้ยก้วยจะเป็นรองก็เพียงอึ้งย้งคนเดียวเท่านั้น แต่ด้วยช่วงชีวิตในวัยเยาว์ถูกผู้คนเหยียดหยามรังแก ทำให้บางครั้งมองโลกในแง่ร้าย ไม่ยอมใคร หากใครทำร้ายแล้วสู้ไม่ได้ ก็จะหาทางเอาคืน จนดูเหมือนจะต่อต้านสังคม ไม่ค่อยสนใจขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้หากได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนแล้ว จะทำให้ทราบว่า ยุคสมัยนั้นสังคมให้ความสำคัญเคร่งครัดกับขนบประเพณีตามแบบลัทธิขงจื้อ ขณะที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างคำสอนของลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า โดยสร้างให้เซียวเหล่งนึ่งไม่เคยเข้าสังคม ใช้ชีวิตอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ โดยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติตามหลักลัทธิเต๋า ซึ่งถ่ายทอดสิ่งนี้ไปยังเอี้ยก้วย

บทความโดย ถาวร สิกขโกศล ได้เคยเขียนเรื่องนี้เพื่อวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาผสานกับปรัชญาไว้ว่า

ความขัดแย้งสำคัญประจำเรื่องอยู่ที่ความขัดแย้งระหว่างคนกับจารีตของสังคมหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างตัวละครฝ่ายธรรมชาตินิยมกับฝ่ายประเพณีนิยม

ฝ่ายแรกมีเอี้ยก้วยและเสียวเล้งนึ้งเป็นผู้นำ

ฝ่ายหลังมีก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งเป็นผู้นำ สมัยราชวงศ์ซ้องจารีตประเพณีตามหลักจริยธรรมของลัทธิขงจื๊อมีอิทธิพลครอบงำสังคมจีนมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความกตัญญูต่อพุพการีและศีลธรรมในเรื่องชู้สาวเข้มงวดกวดขันมาก

ฉะนั้นเมื่อเอี้ยก้วยและเสียวเล้งนึ้งบอกว่าจะแต่งงานกัน ทำให้ก๊วยเจ๋งและชาวยุทธจักรทั้งปวงยอมรับไม่ได้ดังเหตุการณ์ตอนเอี้ยก้วยแก้ไขสถานการณ์คับขันของฝ่ายจีนได้ แต่เกิดเรื่องล่วงเกินเตียจี้เก่งอาจารย์เก่าของตนดังนี้

“ก๊วยเจ๋งเห็นทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอีกจึงพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เอี้ยก้วย” เจ้าจงหนักแน่นมั่นคงเป็นคนที่ดีงาม อย่าก่อเหตุทำลายชื่อเสียงและชีวิตตนเองชื่อของเจ้าลุงเป็นคนตั้งให้เจ้าเข้าใจ ความหมายของคำว่า “ก้วย” ไหม?”

เอี้ยก้วยได้ฟังก็สะท้านใจอย่างแรง พลันระลึกถึงเรื่องในอดีตครั้งเยาว์วัยใจประหวัดถึงความชอกช้ำที่ถูกเหยียดหยามนานับประการและคิดว่า “ไฉนชื่อเราจึงเป็นลุงก๊วยเจ๋งตั้งให้”

ก๊วยเจ๋งเมตตาอาทรเอี้ยก้วยอย่างลุกซึ้ง จึงยากที่จะไม่ตั้งความหวังไว้สูงส่งและตำหนิอย่างรุนแรง เมื่อเห็นเอี้ยก้วยได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าชาวยุทธจักรก็ปลื้มเปรมสุดประมาณ แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ที่เอี้ยก้วยกระทำเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งออกมาจิตใจย่อมทุรนร้อนยิ่งนักเสียงพูดจึงเกรี้ยวกราดดุดัน โดยกล่าวต่อไปว่า มารดาผู้ล่วงลับต้องเคยบอกเจ้าแน่ว่า ชื่อ ก้วย เพียงพยางค์เดียวของเจ้านี้มีคำเรียกเป็นชื่อรองว่าอย่างไร

เอี้ยก้วยจำได้ว่า มารดาเคยบอกไว้ แต่เพราะตนยังเยาว์วัยจึงไม่เคยมีคนเรียกชื่อรอง จนตัวเองก็เกือบลืมชื่อนี้ไป เมื่อถูกถามจึงตอบว่า “ชื่อรองว่า เก้ยจือ” ก๊วยเจ๋งกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า “ถูกแล้ว คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร” เอี้ยก้วยใคร่ครวญอยู่ไปมาแล้วนึกถึงตำรับตำราที่อึ้งย้งเคยสอนพลางตอบว่า “ลุงปรารถนาให้ข้าพเจ้าเมื่อทำผิดแล้วรู้สำนึกผิดคิดแก้ไข”

น้ำเสียงของก๊วยเจ๋งอ่อนระโยนลงกล่าวว่า “อี้ยก้วย คนเราย่อมมีผิดพลาด แต่ผิดแล้วสามารถปรับปรุงแก้ไขตนเองได้ นับเป็นความดีอันยิ่งใหญ่ นี่คือวาทะที่ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ เจ้าขาดความเคารพอาจารย์นั่นเป็นความผิดอุกกฤษฏ์โทษ เจ้าจงพินิจใคร่ครวญดูให้ดี”

เอี้ยก้วยกล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าผิดย่อมต้องแก้ไขแต่มันผู้นี้.....” พลางชี้ไปที่เตียจี้เก่งแล้วกล่าวต่อไปว่า “มันตีข้าพเจ้า เหยียดหยามข้าพเจ้าหลอกลวงและชิงชังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไหนเลยจะยอมรับนับถือมันเป็นอาจารย์ ข้าพเจ้ากับอาหญิง (เสียวเล้งนึ้ง) บริสุทธิ์ผุดผ่องต่อกัน ตีแผ่แก่ฟ้าดินได้ ข้าพเจ้ารักนางเคารพนาง เช่นนี้นับเป็นความผิดด้วยหรือ” เอี้ยก้วยพูดอย่างฉาดฉาน สมบูรณ์ด้วยเหตุผลน้ำเสียงหนักแน่นเชื่อมั่นไหวพริบและปฏิภาณวาจาของก๊วยเจ๋งทาบไม่ติด ไหนเลยจะโต้แย้งเอาชนะได้ แม้ใจจะรู้ว่าการกระทำของเอี้ยก้วยผิด(จารีตสังคม)ยิ่งกว่าผิด แต่ไม่รู้จะอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร จึงเพียงแต่พูดว่า “เรื่องนี้…เรื่องนี้...เจ้าไม่ถูก...”

อึ้งย้งเดินช้าๆเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เอี้ยก้วย ลุงก๊วยเจ๋งหวังดีต่อเจ้า ขอเจ้าจงเข้าใจ” เอี้ยก้วยได้ยินวาจาอ่อนหวานทำให้จิตใจหวั่นไหว ลดเสียงตอบเบาๆว่า “ลุงก๊วยเจ๋งดีต่อข้าพเจ้ามาตลอด ข้าพเจ้าย่อมทราบดี” และขอบตาแดงระเรื่อ น้ำตาเกือบจะรินหลั่งเสียให้ได้ อึ้งย้ง กล่าวต่อไปว่า “ลุงเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด” เอี้ยก้วยตอบว่า “ใช่ว่าข้าพเจ้าไม่ทราบแต่ข้าพเจ้าทำผิดอะไรเล่า?”

สีหน้าอึ้งย้งเครียดลงทันทีถามว่า “เจ้าไม่เข้าใจจริงๆหรือแกล้งเล่นลวดลาย?” เอี้ยก้วยนึกฉุน คิดอยู่ในใจว่า “พวกท่านดีต่อเรา เราก็ตอบสนองท่านด้วยดี แล้วจะเอายังไงกันอีก” แล้วจึงเม้มปากแน่นไม่ตอบคำ อึ้งย้งกล่าวว่าเอาละในเมื่อว่าเจ้าต้องการให้เราบอกตามตรงเราก็จะไม่อ้อมค้อม เมื่อเสียวเล้งนึ้งเป็นอาจารย์ของเจ้าก็อยู่ในฐานะผู้ใหญ่ที่เจ้าพึงเคารพ มิบังควรมีใจเสน่หากันฉันท์หนุ่มสาว”

ต่อระเบียบข้อนี้เอี้ยก้วยต่างกับเสียวเล้งนึ้งซึ่งไม่เคยล่วงรู้เลย แต่เอี้ยก้วยไม่ยอมรับ เสียวเล้งนึ้งเพียงเคยสอนวิทยายุทธ์ให้ตนแล้วไฉนจะเป็นภรรยาตนไม่ได้ ตนกับนางยังไม่เคยล่วงละเมิดประเพณีต่อกันแล้วใยแม้กระทั่งก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งก็ไม่เชื่อ เมื่อคิดถึงตอนนี้ความคั่งแค้นก็พลุ่งพล่านอัดอก ธาตุแท้ของเอี้ยก้วยนั้นไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แกร่งกร้าวห้าวหาญอย่างยิ่ง เมื่อถูกปรักปรำเช่นนั้นก็ไม่แยแสเรื่องใดๆ พูดเสียงดังว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรขัดขวางพวกท่านหรือ? ทำร้ายใครหรือ? แม้อาหญิงเคยสอนวิทยายุทธ์ให้ข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าก็เจาะจงจะรับนางเป็นภรรยาพวกท่านจะฟันข้าพเจ้าพันดาบหมื่นดาบ ข้าพเจ้าก็ยังต้องการนางเป็นภรรยา”

ถ้อยคำดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนรอบด้าน ผู้ได้ยินได้ฟังต่างแตกตื่นสะท้านใจ ผู้คนสมัยราชวงศ์ซ้องงมงายในจารีตประเพณียิ่งนัก ไหนเลยจะเคยได้ยินวาจาฝ่าฝืนขนบแห่งศีลธรรมเช่นนี้

ก๊วยเจ๋งเคารพเทิดทูนอาจารย์ที่สุด ได้ฟังดังนั้นก็โกรธปราดเข้าหายื่นมือคว้าไปที่ทรวงอกเอี้ยก้วยทันที เสียวเล้งนึ้งตกใจอย่างยิ่ง รีบยื่นมือออกไปขัดขวาง แต่พลังฝีมือก๊วยเจ๋งเหนือกว่านางมากนัก ในยามโกรธเช่นนี้ใช้พลังออกไปเต็มที่เพียงกระชากละสะบัดเบาๆ เสียวเล้งนึ้งก็กระเด็นไปไกล จากนั้นยกฝ่ามือขึ้นคว้าจุดเทียนตุ๊กที่อกเอี้ยก้วยไว้แน่นฝ่ามือซ้ายยกสูงตวาดเสียงก้องว่า “ไอ้เดียรฉานน้อยบังอาจกล่าวถ้อยคำอกตัญญูฝ่าฝืนคุณธรรมถึงปานนี้”

ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นความขัดแย้งที่เข้มข้นสำคัญที่สุด ของมังกรหยกภาคสอง ดังที่กิมย้งเองได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งของบันทึกท้ายเรื่องว่า

เรื่องจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดานี้มุ่งแสดงในตัวเอกเอี้ยก้วยพรรณาให้เห็นความบีบคั้นของจารีตประเพณีที่มีต่อจิตใจและพฤติกรรมมนุษย์ แม้จารีตและประเพณีจะมีอายุชั่วระยะหนึ่ง แต่ในขณะที่ดำรงอยู่มีพลังทางสังคมมากนัก ทัศนะว่าครูกับศิษย์ไม่ควรแต่งงานกัน คนปัจจุบันไม่ถือสาใส่ใจแล้ว ทว่าในยุคของก๊วยเจ๋งเอี้ยก๊วยเป็นคัมภีร์แห่งฟ้าจารีตแห่งดินทีเดียว

ภายในจิตใจลึกๆ นั้น เอี้ยก้วยเป็นคนดีมีน้ำใจ เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม มีหลายๆ ครั้งที่ลงมือช่วยเหลือคนโดยไม่หวังผลตอบแทน (ซึ่งเซียวเหล่งนึ่งก็มีบุคลิกเช่นนี้)แต่เอี้ยก้วยยังคงไม่เข้าใจนิสัยของตัวเองบางครั้งก็รู้สึกแปลกใจ ได้แต่ครุ่นคิดว่า...

"ตัวเรานั้น ประสบเคราะห์กรรมถูกผู้คนข่มเหงรักแกตั้วแต่เล็ก แต่ในโลกก็ยังมีผู้ที่จริงใจต่อเราไม่น้อย เซียวเหล่งนึ่งไม่ต้องพูดถึง ยังมี ยายซุน ท่านผู้อวุโสอั้งชิกกง พ่อบุญธรรมอาวเอี๊ยงฮง อึ้งเอี๊ยะซือ รวมทั้ง เทียเอ็ง เล็กบ่อซัง ตลอดจนกงซุนเล็กงัก ล้วนแต่จริงใจต่อเรา ชะตาวันเกิดของเราคงแปลกพิศดาร ไม่เช่นนั้นผู้ที่ดีต่อเราไฉนดีถึงเพียงนี้ คนที่ร้ายต่อเราเหตุใดถึงร้ายปานนี้ "

ซึ่งความจริงแล้วชะตาของเขาที่แปลกพิศดาร บุคคลที่พบพานหากมิใช่ดีต่อเขาถึงที่สุด ก็ต้องร้ายถึงที่สุด ล้วนสืบเนื่องจากนิสัยของตัวเขาเอง เอี้ยก้วยมีนิสัยพิกลผิดธรรมดา หากใครตีแผ่หัวใจเข้าคบหา เอี้ยก้วยก็จะปฏิบัติต่อคนนั้นอย่างจริงใจ หากแม้นสนทนาไม่ลงรอย ก็ยึดถือเป็นศัตรู เมื่อเอี้ยก้วยแสดงต่อผู้อื่นเช่นนี้ ผู้อื่นย่อมตอบแทนดุจเดียวกัน

[แก้] ความรักคงมั่นสะท้านภพ

ในด้านความรักนั้น เอี้ยก้วยถูกยกย่องให้เป็นบุรุษที่มีจิตใจมั่นคง รักมั่นต่อเซียวเหล่งนึ่งคนเดียว ตลอดทั้งเรื่องเอี้ยก้วยได้พานพบกับสตรีที่งดงามมากมาย แต่ละคนล้วนมีเสนห์แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นสาวเรียบร้อยน่าทะนุถนอม บ้างก็เป็นสาวซนแก่นแก้ว บ้างก็แสนดี บ้างก็สง่าน่าเลื่อมใส

และด้วยนิสัยของเอี้ยก้วยนั้น เป็นนิสัยในแบบที่ทำให้สตรีหลงใหลได้ นอกจากจะมีหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายแล้ว สิ่งที่พิเศษสุดคือมีวาจาเป็นเอก เป็นคนที่คารมดี ทำให้ผู้หญิงยิ้มได้ อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ชายเจ้าเสน่ห์

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใดที่ผู้ชายทำให้ผู้หญิงยิ้มหรือหัวเราะได้อย่างมีความสุข เท่ากับคุณได้หัวใจนางไปครึ่งนึงแล้ว เอี้ยก้วยได้ใจสาวๆ มากมาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอันใด เพียงใช้ชีวิตไปตามรูปแบบความเคยชินของตัวเอง ก็มีสาวๆ มาตกหลุมรักยอมมอบกายถวายชีวิตให้ เอี้ยก้วยอาจจะติดนิสัยชอบพูดจาเย้าแหย่หญิงสาวจนอาจติดเป็นนิสัยแต่ยังเด็ก เขาพูดจาเย้าแหย่เซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเขานับถือเป็นอาหญิง(โกวโกว)อย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ใบหน้าของนางมีแต่เรียบเฉย เพราะเอี้ยก้วยเป็นเด็กช่างพูด และรู้ว่าแท้จริงแล้วเซียวเหล่งนึ่งใจดี การอยู่กับหญิงที่มีใบหน้าเรียบเฉย ด้วยการพูดเย้าแหย่ ช่วยลดบรรยากาศเคร่งเครียดลงได้

นิสัยนี้ดูเหมือนจะติดมาโดยไม่เว้นที่เขาจะใช้กับผู้หญิงอื่น แต่ก็มิใช่ด้วยจิตคิดอกุศล ด้วยความคะนองในวันหนุ่ม เพราะในใจของเขานั้น มีเพียงเซียงเหล่งนึ่ง ความรักที่เขามีต่อนางไม่เคยถูกบั่นทอนลดลงเลย แต่กลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ

ส่วนความรักของเซียวเหล่งหนึ่งที่มีต่อเอี้ยก้วยนั้น ในตอนที่เซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงหน้าผาไป โดยจารึกข้อความทิ้งไว้ให้เอี้ยก้วยรอคอย เซียวเหล่งนึ่งทำเช่นนั้นเพียงเพราะหวังให้ชายซึ่งเป็นที่รัก จะยังคงรักษาชีวิตต่อไปไม่คิดกระโดดตามลงมา เมื่อเวลาผ่านพ้นไปความคะนึงหาที่มีอยู่ย่อมถูกบั่นทอนลงไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้จะมีหญิงงามมากมายให้เลือก แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แม้ไม่รู้ว่าการรอคอยนี้จะสูญเปล่าหรือไม่ แต่เอี้ยก้วยก็ยังคงมีรักมั่นคง เฝ้ารอคอยผ่านวันเวลาอันปวดร้าว ด้วยพิษแห่งความคิดถึงคะนึงหา จวบจนเวลาผ่านพ้นมาถึงเวลาที่กำหนด เมื่อไม่พานพบหญิงซึ่งเป็นที่รัก เอี้ยก้วยก็ยังคงตัดสินใจกระโดดตามลงไปอยู่ดี ไม่ต่างจากเมื่อสิบหกปีก่อน

[แก้] สัญลักษณ์คนคู่...รหัสที่รู้กันเฉพาะเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง

"แยกจากกันไม่นาน หวังพบพานกันภายหน้า น้ำใจพี่ขนิษฐา กระจ่างจ้าดั่งดวงเดือน สิบหกปีผ่านไป พบกันใหม่ ณ ที่นี้ รักผูกผันนานปี อย่าให้มีผิดคำสัญญา"

คำกลอนนี้สลักไว้ที่ก้อนหินบนหน้าผาไส้ขาด บริเวณที่เซียวเหล่งนึ่งกระโดดลงไป โดยที่ไม่ได้สลักชื่อของนางไว้ แต่สลักเป็นรูป "คนคู่" แทน

ขณะที่เอี้ยก้วยได้เห็นข้อความนี้ มีทั้งอึ้งย้ง เฒ่าทารก ฯลฯ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าใครสลักข้อความนี้ไว้ เอี้ยก้วยเห็นเข้าก็แน่ใจทันทีว่าเป็นข้อความจากเซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งนางฉลาดนัก คงรู้ว่า ถ้านางใส่ชื่อของนาง เอี้ยก้วยอาจไม่เชื่อว่านางเป็นผู้สลักข้อความด้วยตนเอง แต่ถ้าสลักเป็นรูปคนคู่ เอี้ยก้วยจะมั่นใจในทันทีว่าเป็นเซียวเหล่งนึ่ง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะสัญลักษณ์นี้รู้กันแค่เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่ง

สัญลักษณ์คนคู่ เกิดขึ้นครั้งแรกหลังจากเอี้ยก้วยเข้ามาอยู่ในสำนักสุสานโบราณ ด้วยนิสัยซุกซน ชอบท่องเที่ยว จึงทำให้เอี้ยก้วยเดินเล่นไปทั่วสุสานคลายความเหงา ในขณะที่เซียวเหล่งนึ่งออกไปหาอาหารภายนอก เอี้ยก้วยหลงทางต้องรอให้เซียวเหล่งนิ่งตามหาจนพบ แต่เอี้ยก้วยไม่เข็ด จึงวาดรูปคนอย่างง่ายๆ (รูปคน o+< ที่เอี้ยก้วยเขียน ขออภัยที่ต้องให้ผู้อ่านเอียงศีรษะดูภาพ)ไว้บนกำแพงแทนสัญลักษณ์ตัวของเขา และบอกเซียวเหล่งนึ่งว่า หากเขาเดินไปที่ใดในสุสาน ก็จะทำเครื่องหมายนี้ไว้ เพื่อให้เซียวเหล่งนิ่งตามหาเขาได้ง่ายๆ หากว่าเขาหลงทางอีก เซียวเหล่งนึ่งจึงวาดรูปคนอย่างเดียวกันกับที่เอี้ยก้วยวาด โดยวาดไว้ข้างๆ กัน ดูเหมือนคนจูงมือกันอยู่ ภายหลังจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความผูกพันกันมาตั้งแต่หนหลัง โดยรู้ความหมายกันแค่เพียงเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนิ่งดังกล่าว

[แก้] วรยุทธของเอี้ยก้วย

ในด้านวรยุทธ เอี้ยก้วยเป็นตัวละครที่ได้เรียนรู้วิชาหลากหลายแขนง จากเหล่ายอดฝีมือแห่งยุคนั้นแทบครบทุกคน ตั้งแต่วิชาของ ลิ้มเฉียวเอ็ง มายังวิชาสำนักชวนจินของ เฮ้งเต้งเอี้ยง รวมถึงวิชาในคัมภีร์ที่เคยสั่นคลอนยุทธพบคือวิชาในคัมภีร์เก้าอิม ยังคงได้เรียนวิชากับ อาวเอี้ยงฮง และอั้งฉิกกง แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝือมือแห่งยุค และสุดท้ายยังได้วิชาของยอดคนในอดีต ต๊กโกวคิ้วป้าย ผ่านอินทรีย์ยักษ์ ทำให้เขาขึ้นเป็นยอดฝีมือเทียบเคียงกับยอดคนในยุคนั้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือได้ว่าในอายุเดียวกัน ไม่มีใครเก่งเทียบเทียมเขาได้ เนื่องจากเอี้ยก้วยมีความเฉลียวฉลาด ความจำเป็นเลิศ มีพรสรรค์ในการฝึกยุทธ จึงมีวิชาติดตัวมากมาย กับประสบการณ์ต่อสู้อีกหลายครั้ง ทำให้สามารถคิดค้นบัญญัตวิชาขึ้นเองได้คือฝ่ามือกำสลดวิญญาณสลาย(หรือขวัญสลายใจรันทด)นับเป็นความโดดเด่นต่างจากพระเอกคนอื่นๆ ในนิยายกิมย้ง

ในตอนหนึ่งของบทประพันธ์ กิมย้งได้แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในวรยุทธของเอี้ยก้วย จาก 16 ปี ให้หลังดังนี้

ข้างฝ่ายอาวเอี้ยงฮงและจิวแป๊ะทงนั้นเป็นผู้คลั่งวิทยายุทธ์ แต่ด้วยจุดมุ่งหมายต่างกัน จิวแป๊ะทงอยากรู้เพื่อความรู้ถึงกับยอมสัญญาไปพบเอ็งโกว ซึ่งตนหนีมาแต่วัยหนุ่ม เพียงเพื่อให้เอี้ยก้วยแสดงเพลงมวยชุด ขวัญสลายใจรันทด ให้ครบทุกกระบวนท่า เพราะชื่อนั้นน่าสนใจยิ่งนัก ทั้งยังมีอานุภาพยอดเยี่ยม สู้ฝ่ามือพิชิตมารในคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งได้

[แก้] ก้าวสู้ความเป็น วีรบุรุษจ้าวอินทรี

ภายหลัง ในช่วงเวลาที่รอเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยได้เดินทางท่องยุทธจักรไปกับพี่อินทรี ด้วยวรยุทธที่สูงส่งได้ประกอบวีรกรรมช่วยเหลือคนมากมาย ผู้คนที่ได้รับความช่วยเหลือต่างสำนึกในบุญคุณ เห็นว่าเอี้ยก้วยมักอยู่กับอินทรีเสมอ จึงเรียกว่าวีรบุรุษจ้าวอินทรี แต่ว่าเอี้ยก้วยหลังจากที่มีอายุมากขึ้น ความโออ้วดถือดีแบบเมื่อสมัยเยาว์วัยนั้นลดทอนลงไปมาก มีความถ่อมตัว คิดว่าตัวเองไม่ใช่วีรบุรุษอันใด จึงให้ผู้คนเรียกว่าเป็น ชาวยุทธจ้าวอินทรี แทน

[แก้] ทายาทตระกูลเอี้ย

บทประพันธ์ของกิมย้ง ในภาคเตียบ่อกี้ ซึ่งมีช่วงเวลาที่ห่างจากภาคมังกรหยกสอง ประมาณ 100ปี ให้หลังมี การกล่าวถึงแม่นางเสื้อเหลือง หรือแม่นางแซ่เอี้ย ซึ่งปรากฏตัวออกมากำราบจิวจี้เยียก โดยผู้ประพันธ์เขียนให้นางปรากฏตัวครั้งแรกสวยงาม ลักษณะเดียวกันกับที่เซียวเหล่งนึ่งเคยปรากฏตัว

นอกจากนี้ยังพูดประโยคปริศนาในบทประพันธ์ที่คือ

"หลังเขากังหนำ ในสุสานโบราณ คู่รักเจ้าอินทรี สาปสูญจากยุทธภพ"

ส่วนวรยุทธของนางที่กล่าวไว้ในภาคเตียบ่อกี้ ได้แก่ วิชาไม้ตีสุนัข และวิชาเก้าอิมกรงเล็บกระดูกขาว

[แก้] ตัวละครในเรื่องมังกรหยกสอง

  • เซียวเล่งนึ่ง

กิมย้งผู้ประพันธ์ ได้ตั้งชื่อของเซียวเล่งนึ่ง ให้มีความหมายแปลกกว่าชื่ออื่นของตัวละครที่ไม่เริ่มด้วยแซ่ (นามสกุล)คำว่า "เซียว" แปลว่าเยาว์ น้อย คำว่า "เล่ง" เป็น แซ่ ส่วนคำว่า "นึ่ง" แปลว่า ผู้หญิง ชื่อนี้จึงเป็นชื่อบอกเพศและวัย มากกว่าเป็นชื่อตัว รวมความแล้วมีความหมายว่า สาวน้อยแซ่เล้ง หากแปลแซ่ด้วยก็จะแปลว่า นางมังกรน้อย

นิสัยของเซียวเหล่งนึ่งนั้นเย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยหัวเราะ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ทั้งนี้เพราะนางได้ฝึกวิชาห้ามกามคุณทั้ง 6 และอารมณ์ทั้ง 7 ของสำนักตั้งแต่เด็ก เพื่อให้ละทิ้งความรู้สึกทั้งปวง แต่เอี้ยก้วยก็ยังดูออก ดังนั้นแม้นางจะปิดบังความรู้สึกกับผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกกับเอี้ยก้วยได้ ช่วงหลังๆ ของบทประพันธ์ จึงเห็นว่านางมักจะแสดงความรู้สึกโดยไม่ปิดบังอารมณ์ของนางกับเอี้ยก้วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตัวละครนี้ ขอใช้ข้อความ ก๊วยเซียงร้องไห้เพราะอะไร? ที่วิเคราะห์โดย คุณ ถาวร สิกขโกศล มาอธิบาย

ผู้อ่านส่วนมากอาจคิดว่า ที่ก้วยเซียงร้องไห้เมื่อเอี้ยก้วยจะอำลายุทธภพนั้น เป็นเพราะเสน่หาอาวรณ์เอี้ยก้วยที่จะไปอยู่กินกับเสียวเล่งนึ่ง จังเจียวเฮียกวิจารณ์ว่าผู้ที่คิดเช่นนี้ อ่านก๊วยเซียงไม่แตก เข้าไม่ถึงตัวละครของกิมย้ง ก๊วยเซียงไม่ใช่คนที่จะหลั่งน้ำตาเพื่อตัวเอง

นักวิจารณ์ท่านนี้กล่าวว่า ก๊วยเซียงคือสติปัญญาและความดีงามของธรรมชาติ จึงเข้าใจและเห็นใจเอี้ยก้วยอย่างลึกซึ้ง แม้ตนเองจะแอบรักเอี้ยก้วยอยู่ แต่ก็เห็นว่าไม่มีใครเหมาะกับเอี้ยก้วยเท่าเสียวเล่งนึ่ง ทั้งยังอ่านคนทั้งสองทะลุด้วยว่ามีธรรมชาติดั้งเดิม (อันเกิดจากการกล่อมเกลาในวัยเด็ก)ต่างกัน คนหนึ่งโตมากับสังคมมนุษย์ติดสังคมมนุษย์ รักความสนุกจากแสงสีและอารยธรรมของมนุษย์ อีกคนหนึ่งโตมากับธรรมชาติพอใจความสุขสงบของธรรมชาติมากกว่ากลิ่นไอมนุษย์ เมื่อเอี้ยก้วยยอมสละชีวิตคล้อยตามเสียวเล่งนึ่งไป ในส่วนลึกของหัวใจมีความเศร้าอาวรณ์ ถึงชีวิตที่ตนเคยคลุกคลีมาแต่น้อย แม้จะช้ำแต่ก็ชิน เมื่อต้องจากก็สุดหวนหาความรู้สึกนี้

มีก๊วยเซียงเพียงผู้เดียวที่หยั่งถึงและร่วมรู้สึกจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา เป็นหยาดน้ำตาแห่งความอาทรที่มีต่อชีวิตเงียบเหงาในวันหน้าของเอี้ยก้วย น้ำตานี้แม้อึ้งย้งผู้ปราดเปรื่องก็หาเข้าใจไม่ เพราะอึ้งย้งไม่มีธาตุแห่งการเห็นใจผู้อื่นเท่าบุตรีของตน

ก๊วยเซียงจึงเป็นตัวละครที่กิมย้งสร้างขึ้นมา เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามของมนุษย์ที่จะอยู่เพื่ออนุเคราะห์ผู้อื่น การตามหาเอี้ยก้วยก็เพียงเพื่อปลอบประโลมพี่ชายให้คลายความว้าเหว่ที่ต้องจากสังคมมนุษย์มา แต่กลับได้เป็นเหตุชักนำให้เตียกุนป๊อให้เกิดความมุมานะฝึกฝนวิทยายุทธ์ด้วยตนเอง จนกลายเป็นเตียซำฮงปรมาจารย์ของสำนักบู๊ตึ๊ง ในภาคดาบมังกรหยก บทบาทของก๊วยเซียงจึงเทียบได้กับบทบาทของจูล่งในสามก๊ก และบทบาทของแก้วกิริยาในขุนช้างขุนแผน

ก๊วยเซียงเป็นผู้รับเอาข้อดีของบุพการีมา คือมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมและใจกว้างเหมือนก๊วยเจ๋ง หลักแหลมมีไหวพริบเหมือนอึ้งย้ง เปี่ยมปัญญาลึกซึ้งและเป็นตัวของตัวเองเหมือนอึ้งเอี๊ยซือ ทั้งยังติดเอาความ “เฮี้ยว” ของตามาด้วยจนได้ฉายาว่า “ภูติบูรพาน้อย” แต่ความเฮี้ยวนั้นไม่รุนแรงจนเป็นภัยต่อผู้อื่น ความเฮี้ยวนี้ทำให้ก๊วยเซียงมีลักษณะสมจริงไ ม่เป็นตัวละครประเภทอุดมคติจนเกินไป

ก๊วยพู้นั้นกิมย้งสร้างเป็นภาพตัดกับก๊วยเซียง เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ว่า พ่อแม่ที่เลอเลิศอาจ มีลูกที่ต่ำทรามได้ เพราะการตามใจและลำเอียงปกป้องลูกจนเกินไปของอึ้งย้งทำให้ก๊วยพู้เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนก๊วยเจ๋งก็เป็นพ่อประเภทเอาแต่งานแผ่นดินจนละเลยงานครอบครัวปล่อยให้แม่อบรมเลี้ยงดูลูกแต่ผู้เดียว จนลูกเสียคน รังแกคนอื่น ก๊วยพู้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเด็กเสียคนเพราะการเลี้ยงดูของพ่อแม่ได้อย่างไร ครอบครัวของก๊วยเจ๋งอึ้งย้งจึงเป็นครอบครัวที่เหมือนคนในชีวิตจริงมาก

คุณ ถาวร สิกขโกศล ได้วิเคราะห์ นิสัยของตัวละครนี้ไว้ว่า

ก๊วยพู้นั้นได้รับแต่ลักษณะด้อยของพ่อแม่มา จึงไม่มีไหวพริบเหมือนพ่อ เอาแต่ใจตัวเองเหมือนแม่ นอกจากไม่เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ก๊วยพู้ยังไม่รู้จักพินิจจิตใจตน กลายเป็นคนไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นเช่นนั้นเพราะอะไร แม้ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเอี้ยก้วยอย่างแรง ก๊วยพู้เพิ่งมารู้สาเหตุชัดเมื่อเอี้ยก้วยช่วยสามีตน กิมย้งพรรณาบุคลิกภายในคือความนึกคิดของก๊วยพู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ชัดเจน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจธรรมชาติด้านหนึ่งของมนุษย์ได้ดีเยี่ยมดังนี้

เมื่อเอี้ยก้วยเห็นเยรูจิสามีของก๋วยพู้ถูกมองโกลล้อมไว้ก็แกล้งยั่วก๊วยพู้ให้คุกเข่าโขกศีรษะขอร้องตน พอก๊วยพู้ทำจริงๆ เอี้ยก้วยก็ตกใจตำหนิตัวเอง แล้วรีบช่วยแก้ไขเยรูจิออกมา ก๊วยพู้ซาบซึ้งน้ำใจมาก มาคารวะขอบคุณและขออภัยที่ตนเคยล่วงเกินกลั่นแกล้งเอี้ยก้วยมาตลอด เอี้ยก๊วยรีบคารวะตอบและกล่าวว่า “น้องก๊วยพู้ เราอยู่ด้วยกันมาแต่น้อยคุ้มใหญ่ แม้จะเคยทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่สายใยใจเยี่ยงพี่น้องขอเพียงนับแต่นี้ไปท่านไม่ชิงชังข้าพเจ้า ไม่เคียดแค้นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็พอใจอย่างยิ่งแล้ว”

ก๊วยพู้นิ่งงัน เรื่องในอดีตนานาประการผุดผ่านห้วงหัวใจไปราวสายฟ้า หรือประกายไฟที่แวบขึ้นมาตามลำดับ “เราเกลียดเขาแน่หรือ? เราเคียดแค้นเขาจริงๆ หรือ? พี่น้องแซ่บู๊ทุ่มเทชีวิตเพื่อเรียกร้องความพอใจจากเรา แต่เขา(เอี้ยก้วย)กลับไม่เคยแยแสเราเลย หากเขาโอนอ่อนผ่อนตามเราสักนิด แม้จะตายเพื่อเขาเราก็ยินดี ไฉนเราจึงแค้นเขาโดยไม่มีเหตุผลอยู่เช่นนี้ เพียงเพราะเราแอบครุ่นคิดถึงเขา คะนึงหาเขา แต่เขากลับไม่มีเราอยู่ในหัวใจเลย แม้แต่นิดเดียวกระมัง?”

ยี่สิบปีที่ผ่านมาก๊วยพู้ไม่เคยเข้าใจเรื่องราวในหัวใจตนเองเลย ทุกครั้งที่คิดถึงเอี้ยก้วยก็เห็นเป็นปรปักษ์ แท้จริงในส่วนลึกของหัวใจ ความอาวรณ์ระลึกถึงตรึงแน่นยากจะหาถ้อยคำใดมาเปรียบได้ ทว่าไม่เพียงเอี้ยก้วยจะไม่เข้าใจความในใจของนางแม้แต่น้อย กระทั่งตัวนางเองก็ไม่เข้าใจ ขณะนี้เมื่อความชิงชังคั่งแค้นในหัวใจหายไปก๊วยพู้ก็พลันเข้าใจตัวเอง แท้จริงความผูกพันที่ตนมีต่อเอี้ยก้วยลึกซึ้งถึงปานนี้” เมื่อเขาแหวกหมู่ข้าศึกเข้าไปช่วยพี่เยรูจิ แท้จริงแล้วเราห่วงใยใครมากกว่า? ก็ยากที่เราจะกล่าวออกมาได้

ท่ามกลางเสียงสู้รบอึงคะนึงในสมรภูมิ ก๊วยพู้เข้าใจจิตใจตัวเองขึ้นมาในชั่วเวลาแวบเดียว “วันเกิดของน้องก๊วยเซียง” เขาส่งของขวัญสำคัญสามอย่างมาให้ ไฉนเราจึงแค้นจนเข้ากระดูก? เขาแฉเล่ห์ร้ายของเจ้าชายเคอตู ช่วยให้พี่เยรูจิได้เป็นประมุขพรรคกระยาจก ไยเราจึงแอบโกรธอยู่?ก๊วยพู้เอ๋ยก๊วยพู้ ทั้งนี้เพราะเจ้าริษยาน้องสาวของตัวนั่นเอง เขาอ่อนโยน จริงใจต่อน้องก๊วยเซียงถึงอย่างนี้ แต่กลับไม่เคยปฏิบัติต่อเราอย่างนั้นเลยแม้เพียงครึ่งเดียว

คิดมาถึงตอนนี้ความขุ่นเคืองก็เกิดขึ้นอีก ถึงกับไปค้อนเอี้ยก้วยกับก๊วยเซียงคนละครั้ง แต่ก็สะดุ้งสำนึกขึ้นทันใดว่า ..ไยเราจึงมาใส่ใจเรื่องเหล่านี้เราเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว พี่เยรูจิก็รักทะนุถนอมเราอย่างยิ่ง แล้วถอนใจยาวโดยไม่รู้ตัว ชั่วชีวิตของนางไม่เคยขาดแคลนอะไร ทว่าในส่วนลึกของหัวใจ มีความอาวรณ์เสียดายอยู่อย่างหนึ่ง ที่ผ่านมานางปรารถนาสิ่งใดเป็นต้องได้สิ่งนั้น แต่ยอดปรารถนาสุดหัวใจกลับหมดทางได้สมหวัง ฉะนั้นนางจึงไม่เข้าใจตัวเองอยู่เสมอว่า เหตุใดอารมณ์ของตนจึงมักหงุดหงิดฉุนเฉียว? ยามที่ทุกคนต่างยินดี ตนเองกลับโกรธเคืองขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ?

ภาษาอื่น


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -