อาถรรพณ์นิทรานคร
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||
อาถรรพณ์นิทรานคร เป็นตอนที่สี่ของเพชรพระอุมาจำนวน 4 เล่ม ได้แก่อาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 - 4
เนื้อหา |
[แก้] เนื้อเรื่องย่อ
[แก้] อาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1
ระวังเสียอรรถรส ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ |
ภายหลังจากที่ฝนหยุดตกและพบเจอปลอกกระสุนปืนลูกซองของพรานพื้นเมือง รวมทั้งก้นซิการ์ฮาวานาของเชษฐาลอยตามน้ำมา รพินทร์นำดารินและพรานบุญคำออกติดตามค้นหาต่อจนกระทั่งเย็นจึงพบซากปราสาทพันธุมวดีกลางป่าดงดิบ รพินทร์นำดารินเข้าไปภายในปราสาทที่สร้างด้วยศิลาแลงคล้ายปราสาทขอมในสมัยโบราณ โดยมีพรานบุญคำถือไม้เสี้ยมปลายแหลมที่ทาด้วยเลือดประจำเดือนไว้ตรงปลายตามไปติด ๆ เมื่อมาถึงใจกลางห้องโถงใหญ่ กึ่งกลางห้องมีครอบแก้วผลึกตั้งวางเด่นบนแท่นพื้นหินอ่อนสีดำ ภายในมีร่างของหญิงสาวนางหนึ่ง รูปพรรณสันฐานรวมทั้งการแต่งกายเหมือนนางกษัตริย์ในสมัยโบราณ นอนเหยียดยาวลักษณะเหมือนคนนอนหลับบรรจุอยู่[1] รพินทร์ตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ซึ่งร่างที่นอนสงบนิ่งกลางห้องโถง ตรงกับคำบอกเล่าเรื่องปราสาทนางพญาพันธุมวดีของแงซายทุกประการ
พรานบุญคำที่ติดตามรพินทร์และดารินมายังครอบแก้วกระตุกแขนรพินทร์ด้วยความกลัว พร้อมกับชี้ให้ดูท่อนไม้ที่ปักแน่นอยู่ระหว่างกลางทรวงอกของพันธุมวดี มีหยดเลือดจากบาดแผลไหลอาบลงมาเป็นทาง แห้งเกรอะกรังภายในครอบแก้ว[2] ดารินสอบถามถึงท่อนไม้ภายในครอบแก้ว รพินทร์ยืนยันว่าเป็นไม้แหลมอันเดียวกันกับใช้แทงค้างคาวยักษ์เมื่อคืน ก่อนสำรวจรอบ ๆ แท่นพื้นหินอ่อนสีดำ พบโพรงที่ภายในใต้แท่นและคัมภีร์หนังมนุษย์ลักษณะเหมือนกับสมุดใบลาน มีกริชสีดำปักตรึงอยู่ ในขณะที่ทั้งหมดต่างตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น ซากศพตายซากจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นตามช่องทางต่าง ๆ ภายในห้องโถง[3]
เกิดการปะทะกันขึ้นอย่างชุลมุนวุ่นวาย รพินทร์และดารินช่วยกันยิงซากศพที่ดาหน้าเข้ามาอย่างประทุษร้าย แต่กระสุนกลับเจาะผ่านร่างกายที่แข็งเป็นหิน ไม่สร้างความเจ็บปวดและหยุดยั้งพวกมันได้แม้แต่น้อย พรานบุญคำใช้ไม้เสี้ยมปลายแหลมที่ทาด้วยเลือดประจำเดือน กวัดแกว่งต่อสู้กับซากศพตายซาก ที่เมื่อแกว่งไม้เสี้ยมไปทางใดก็พากันแตกฮือไปคนละทิศละทาง[4] รพินทร์ ดารินและพรานบุญคำ พยายามต่อสู้กับซากศพตายซากที่พยายามเข้ามาทำร้ายและปิดล้อมทางออกจากห้องโถงใหญ่ ในขณะที่กำลังเสียท่าและเสียขวัญในการต่อสู้ เชษฐา พรานพื้นเมืองของรพินทร์ ได้เข้ามาภายในปราสาทธพันธุมวดีและช่วยเหลือทั้งสามคนเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
รพินทร์ตะโกนบอกให้ดารินดึงกริชสีดำออกจากคัมภีร์หนังมนุษย์ พร้อมกับช่วยเชษฐาและพรานพื้นเมืองยิงปะทะเปิดทางให้แก่ดาริน ที่พุ่งตรงไปยังแท่นหินอ่อนสีดำภายใต้ครอบแก้วของนางพญาพันธุมวดี พร้อมกับกระชากกริชออกอย่างแรง ทันทีที่กริชสีดำหลุดออกจากคัมภีร์หนังมนุษย์ ซากศพตายซากทั้งหมดที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตและถูกควบคุมบงการจากผู้มีเวทมนตร์คาถา ต่างสิ้นฤทธิ์หยุดนิ่งอยู่กับที่ กลายสภาพเป็นซากศพที่แห้งตายซากลักษณะเหมือนกันท่อนไม้อาบด้วยน้ำยาตามเดิม รพินทร์ ดาริน เชษฐาและพรานบุญคำ ต่างช่วยกันพิจารณาซากศพจำนวนมากภายในห้องโถงใหญ่ พร้อมกับกริชสีดำลงอัขระยันต์โบราณ และคัมภีร์หนังมนุษย๋ที่เคยถูกกริชปักตรึงแน่นอยู่ ในขณะที่ทั้งหมดพิจารณาถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ร่างสวยสง่างามราวกับมีชีวิตของพันธุมวดี ที่นอนสงบนิ่งอยู่ภายในครอบแก้ว กลับสลายกลายเป็นฝุ่นผงธุลีแทน
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงปืนไรเฟิลดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงปืนดังไม่ไกลจากภายในปราสาทพันธุมวดีมากนัก ดารินจึงยิงปืนสั้นประจำตัวตอบกลับไปพร้อมกับออกติดตามค้นหา ก่อนพบต้นเสียงของปืนไรเฟิลที่โผล่ปากกระบอกปืนออกมาจากภายใต้สุสานโดยฝีมือการยิงของไชยยันต์ ที่ติดอยู่ภายในสุสานกับมาเรีย รพินทร์ ดาริน เชษฐา ต่างพากันหาทางช่วยเหลือไชยยันต์และมาเรียออกจากใต้สุสานด้วยการระเบิดบริเวณปากสุสาน[5] หลังจากนำตัวไชยยันต์และมาเรียออกมาจากใต้สุสานได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับอันตรายจากแรงระเบิด รพินทร์ก็ระเบิดปราสาทพันธุมวดี พร้อมกับฝังร่างของนางพญาพันธุมวะดีและซากปราสาท พร้อมกับซากศพตายซากภายในสุสาน ให้เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง[6]
ภายหลังจากกลับมายังปางพักแรมของเชษฐาพร้อมกับกริชสีดำและคัมภีร์หนังมนุษย์ ในตอนกลางคืนเชษฐานำกริชและคัมภีร์หนังมนุษย์มาพิจารณา รพินทร์แนะนำให้ทำลายแต่ดารินห้ามไว้เนื่องจากศึกษาคัมภีร์ให้ละเอียด ก่อนถอดพระเครื่องที่ได้รับไว้เพื่อป้องกันตัวจากจอมผีดิบมันตรัยคืนให้แก่รพินทร์[7] หลังจากคืนพระเครื่องให้รพินทร์ คืนนั้นดารินกลับต้องมนต์สะกดของมันตรัยทีส่งกระแสจิตเข้ามาภายในปางพัก ดารินถูกมันตรัยสะกดให้ออกจากปางพักโดยไม่มีอาวุธใด ๆ ติดตัวไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง เพื่อใช้ตัวดารินเป็นข้อต่อรองแลกเปลี่ยนระหว่างกริชและคัมภีร์หนังมนุษย์หรือคัมภีร์มหามายาวินที่รพินทร์ได้นำออกมาจากปราสาทพันธุมวดี[8]
รพินทร์ เชษฐา ไชยยันต์ พยายามต่อรองกับมันตรัยในการแลกเปลี่ยนตัวดารินกับคัมภีร์มหามายาวิน โดยรพินทร์จะเป็นผู้นำคัมภีร์ไปวางไว้ที่บริเวณซากปรักหักพังของปราสาทพันธุมวดีในวันรุ่งขึ้นก่อนตะวันตกดิน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงของมันตรัย[9] ที่ได้คัมภีร์คืนไปไปแล้วจะปล่อยตัวดารินกลับคืนมา วันรุ่งขึ้นในขณะที่รพินทร์ เชษฐาและไชยยันต์ รอคอยการมาของมันตรัยเพื่อแลกเปลี่ยนคัมภีร์กับตัวดาริน วิญญาณของขุนพลวรมันต์ในร่างแงซาย ก็ช่วยเหลือและนำตัวดารินกลับคืนสู่ปางพักในตอนบ่าย[10] ทำให้แผนการณ์ที่วางไว้กลับตาลปัตร ไชยันต์เปลี่ยนแผนการโจมตีมันตรัย ด้วยการนำเอาระเบิดไนโตรเจนไปผูกที่คอของเสือโคร่งดำที่เป็นหิน ซึ่งเป็นอีกร่างของมันตรัยภายในถ้ำ ถ้าวิญญาณของมันตรัยย้ายมายังร่างของเสือโคร่งดำและมีการขยับตัว ระเบิดที่ผูกคอไว้จะระเบิดทันที[11]
ตกดึกของคืนนั้น มันตรัยหวนกลับมาเอาคัมภีร์มหามายาวินตามที่ได้ตกลงกับรพินทร์ เกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างรพินทร์ เชษฐา ไชยยันต์ พรานบุญคำและคะหยิ่น รพินทร์และคะหยิ่นติดตามมันตรัยที่หลบหนีขึ้นไปยังเจดีย์หินสูง[12] ปลุกปล้ำไล่ต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวาย[13] ในขณะที่รพินทร์กำลังเสียท่าอยู่นั้น มันตรัยถูกกระสุนปืนอาคมของเชษฐาที่อยู่ด้านล่างยิงสวนขึ้นมา ทำให้ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังระเบิดเป็นจุล วิญญาณหลบหนีมายังร่างเสือโคร่งดำ[14] เมื่อวิญญาณมันตรัยเข้าสิงเสือโคร่งดำที่เป็นหินและขยับตัวก็เกิดระเบิดทันที[15]
[แก้] อาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 2
รพินทร์ทำลายร่างของมันตรัย กริชสีดำและคัมภีร์มหามายาวินด้วยการเผาไฟ แต่ไม่สามารถทำลายได้ พรานบุญคำจึงนำผ้าเปื้อนเลือดประจำเดือนของมาเรียโยนเข้าไปในกองไฟ จึงสามารถทำลายกริชและคำภีร์ได้สำเร็จ คืนนั้นดารินฝันเห็นขุนพลวรมันต์และประวัติอาณาจักรนิทรานครก่อนล่มสลายด้วยฝีมือของมันตรัย วิญาณทุกดวงในอาณาจักรนิทรานครถูกจองจำกักขังด้วยกริชที่ปักตรึงกับคัมภีร์มหามายาวิน เมื่อกริชและคัมภีร์ถูกทำลายวิญาณทุกดวงจึงเป็นอิสระและขอคืนร่างแงซายให้ที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง รุ่งสางดารินเล่าความฝันตามที่ได้รับทราบจากวิญญาณของขุนพลวรมันต์ให้รพินทร์และเชษฐาได้รับรู้ และเร่งเร้าให้ออกติดตามค้นหาตัวแงซายให้พบ แต่รพินทร์และคนอื่น ๆ ในคณะเดินทางไม่เห็นด้วยกับการออกติดตามค้นหาแงซายทันทีตามที่ดารินต้องการ
รพินทร์และคณะนายจ้างพร้อมด้วยพรานพื้นเมืองและคะหยิ่น ออกติดตามค้นหาแงซายตามความฝันของดาริน พบนั่งหลับพิงโคนต้นไม้ใหญ่อยู่ภายในป่า รพินทร์พบแงซายอยู่ในสภาพสลบ ชีพจรเต้นอ่อนเนื่องจากถูกแมงมุมหกขากัดที่แข้งข้างขวาเหนือข้อเท้า โดยนั่งขวางทางเข้าออกรูของแมงมุมหกขา ดารินโกรธจัดและโวยวายใส่รพินทร์ที่ไม่ยอมออกติดตามค้นหาตัวแงซาย จนกระทั่งถูกแมงมุมหกขากัดเกือบเสียชีวิต รพินทร์นึกถึงส่างปาซึ่งเป็นหมอถอนพิษที่มีวิชาสืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ และเคยช่วยชีวิตของไชยยันต์ที่ถูกตะขาบดงกัดจนหายเป็นปกติ จึงนำตัวแงซายที่กลายสภาพเป็นศพกลับปางพักเพื่อให้ส่างปาช่วยชีวิตด้วยแท่งยาดูดพิษและพิษจากแมงมุมหกขาที่กัดแงซาย
ส่างปาช่วยชีวิตแงซายจากความตายได้สำเร็จ รพินทร์และคณะนายจ้างจึงหยุดพักการเดินทางชั่วคราว เพื่อให้แงซายได้พักฟื้นจากการถูกแมงมุมหกขากัดจนหายเป็นปกติ ตกตอนเย็นคะหยิ่นและส่างปารับหน้าที่ออกหาอาหารและไปขโมยเนื้อสมันได้จากเสือ แต่นำกลับมาไม่ได้เนื่องจากเนื้อมีขนาดใหญ่ พรานบุญคำจึงตามไปช่วยขนเนื้อกลับมายังปางพัก ระหว่างเดินทางเกิดยิงปะทะกับไดโนโทเรี่ยม ซึ่งเป็นช้างโบราณที่มีงางอกจากปากบนลงล่าง แทนที่จะงอกเสยขึ้นบนเช่นเดียวกับช้างปกติทั่วไป คะหยิ่นและพรานบุญคำหนีรอดมาได้แต่ทิ้งส่างปาไว้ในฝูงไดโนโทเรี่ยม เชษฐา รพินทร์และมาเรียออกติดตามเพื่อช่วยเหลือส่างปาทันทีที่ทราบข่าว ก่อนยิงถล่มโขลงช้างโบราณจนซากกองเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ และช่วยเหลือส่างปาที่หนีเอาตัวรอดจากโขลงช้างไดโนโทเรี่ยมเข้าไปในดงไผ่ได้สำเร็จ
เชษฐาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งลักษณะของช้างโบราณให้ดารินและไชยยันต์ได้รับรู้ มาเรียและดารินวิเคราะห์ถึงลักษณะของช้างแปลกประหลาดตามคำบอกเล่าของส่างปาและคะหยิ่น พบว่าเป็นไดโนเสาร์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่น่าจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว เชษฐาสอบถามถึงวันเวลาในการเดินทาง ไชยยันต์ยืนยันด้วยวันที่ในไดอารี่คือวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม (ขึ้น11 ค่ำ เดือน 11) และวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 คือวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน[16] พร้อมกับการยืนยันตำแหน่งในการเดินทางของคณะนายจ้างที่ผ่านเขตเหนือสุดของรัฐว้าจากรพินทร์[17]
รพินทร์รับหน้าที่ยามเฝ้าดูแลปางพักในช่วงค่ำ และนำลายแทงขุมทรัพย์เพชรพระอุมาของมังมหานรธาออกมาพิจารณา ตกดึกแงซายที่หายจากการบาดเจ็บตามมาพูดคุยด้วยพร้อมกับใช้ดุ้นฟืนที่ติดไฟกลายเป็นถ่าน วาดภาพเขาพระศิวะและปิ่น ทำให้รพินทร์โกรธจัดเนื่องจากคิดว่าดารินเล่าเรื่องแผนที่ลายแทงให้แงซายได้รับรู้ รุ่งขึ้นจึงอารมณ์เสียใส่ดารินก่อนจะปรับความเข้าใจกันภายหลัง เชษฐา ดาริน ไชยยันต์ชวนรพินทร์และแงซายไปตรวจสอบยังซากช้างไดโนเทเรี่ยมที่ถูกยิงเสียชีวิตในการปะทะกับคะหยิ่นและส่างปา แต่พบปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเนื่องจากซากของไดโนเทเรี่ยมถูกสัตว์ที่มีขนาดใหญ่โตกว่ามากินซาก และทิ้งรอยเท้าขนาดมโหราฬเอาไว้ทั่วบริเวณ รพินทร์สังหรณ์ใจถึงภัยอันตรายที่จะตามภายหลัง จึงให้แงซายเตรียมธนูติดระเบิดทีเอ็นทีไว้ให้พร้อม[18]
[แก้] อาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3
รุ่งเช้ารพินทร์ คณะนายจ้างและพรานพื้นเมือง ต่างพากันตกใจเสียงร้องคำรามกึกก้องราวกับฟ้าผ่าที่ลอยมากับสายลม อุณหภูมิลดลงเหลือ 6 องศาและหมอกลงหนาจัดจนมองไม่เห็นเส้นทาง รพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อโดยมุ่งหน้าเขาเกือกหน้าเป็นจุดแรกของการเดินทางซึ่งอยู่ทางตะวันออกของนิทรานคร ระหว่างทางพบแรดสายตาสั้นและอารมณ์ร้อน ที่ต้องจบชีวิตด้วยปืน .600 ไนโตรเอ็กเพรส ของไชยยันต์[19] และรพินทร์ยิงกวางดาว ด้วยปืน .30-06 ไว้สำหรับเป็นสเบียงในการเดินทาง ก่อนนำคณะนายจ้างมุ่งหน้าสู่ป่าหินในบริเวณเขาเกือกม้า ภายในป่าหินรพินทร์พบใบกระบองเพชรถูกรอยมีดเฉือน ซึ่งเป็นร่องรอยของพรานชดที่ทำทิ้งไว้[20]
ระหว่างค้นพาร่องรอยของพรานชด แงซายได้ช่วยชีวิตของส่างปาจากเสือเขี้ยวดาบที่แอบซุ่มโจมตีหวังได้ส่างปาเป็นเหยื่อด้วยปืน .375 จำนวน 2 นัด [21] และพบร่องรอยกระสุนปืนของพรานชดในกะโหลกของเสือเขี้ยวดาบ มาเรียพบปลอกกระสุน .450 ไนโตร ตกหล่นอยู่ พรานเส่ยและพรานเกิดพบปลอกกระสุนในบริเวณใกล้เคียงเช่นเดียวกัน เป็นปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 สองปลอก ซึ่งเป็นแบบกรังด์ปรีซ์ ทำด้วยกระดาษ เป็นรุ่นเก่าของอีลีย์[22] รพินทร์นำคณะนายจ้างออกจากป่าหินมุ่งหน้าทะเลสาบมรณะ ระหว่างทางเกิดพลัดหลงเข้าไปในดงเถาวัลย์กินคน ที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ขนาดใหญ่และเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต
ในระหว่างที่รพินทร์พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดและช่วยเหลือทุกคน เกิดมีการลองเชิงซึ่งกันและกัน ระหว่างรพินทร์และแงซายในการกำจัดเถาวัลย์กินคนด้วยไฟ เป็นเหตุให้เมื่อหลุดรอดมาได้อย่างปลอดภัย แงซายกลับโดนดารินตบใบหน้าเป็นการลงโทษ ฐานที่ลองเชิงกับรพินทร์โดยไม่ดูสถานการณ์ หลังจากผ่านดงเถาวัลย์กินคนมาได้ รพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อก่อนหยุดพักแรมในช่วงเย็น ช่วงเวลาหัวค่ำเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อส่างปาทำปืนลั่น เป็นเหตุให้ทั้งหมดเกิดการประทะกันอย่างซึ่งหน้ากับไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ไดโนเสาร์กินเนื้อที่ดุร้ายที่สุดในยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกันที่ไปกินซากของช้างโบราณไดโนโทเรี่ยมที่ถูกมาเรีย เชษฐาและรพินทร์ยิงเสียชีวิต[23]
[แก้] อาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4
รพินทร์และคณะนายจ้างพากันแยกย้ายหลบหนีไทรันโนซอรัส เร็กซ์ โดยไชยยันต์หลบหนีไปกับมาเรีย ดารินหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำพร้อมกับรพินทร์ที่สลบจากการปะทำระหว่างมนุษย์และไดโนเสาร์ โดยมีพรานจันและพรานเกิดติดตามไปด้วย[24] ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ออกติดตามดารินที่เข้าไปหลบซ่อนในถ้ำอย่างไม่ลดละ ดารินยิงด้วยปืน .300 เข้าที่ดวงตาด้านซ้ายของไทรันโนซอรัส เร็กซ์ บอดสนิททันที สร้างความเจ็บปวดและโกรธแค้นให้แก่มันมากยิ่งขึ้น[25]ก่อนหลบหนีไป ไชยยันต์และมาเรียที่หลบหนีไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ไปด้วยกันเมื่อคืน ต่างเผยความรู้สึกในใจและตกลงใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยาร่วมกัน เช่นเดียวกับดารินและรพินทร์ที่เผยใจต่อกันเป็นครั้งแรก
รุ่งขึ้นหลังจากหลบซ่อนจากไทรันโนซอรัส เร็กซ์ รพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อเพื่อค้นหาหาแหล่งน้ำ แต่กลับพบไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ที่หวนย้อนกลับมาอีกครั้ง มาเรียบันดาลโทสะจนควบคุมสติไม่ได้ วิ่งเข้าใส่ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ เป็นเหตุให้รพินทร์ออกติดตามมาเพื่อช่วยเหลือมาเรีย ในระหว่างที่ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ไล่กวดมาเรียและจวนเจียนที่จะพลาดท่าถูกจับได้ เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทำให้รพินทร์และมาเรียตกลงไปในถ้ำ[26]
รุ่งเช้ารพินทร์พยายามหาทางออกจากถ้ำด้วยการปีนขึ้นไปจนพบรังนกนกโกลเดน อีเกิล[27] เกิดการต่อสู้ระหว่างรพินทร์และนกโกลเด้น อีเกิล แต่ได้แงซายตามมาช่วยเหลือพร้อมกับตอกทอยขึ้นไปรับตัวรพินทร์และมาเรียลงสู่พื้นดิน[28] รุ่งขึ้นก่อนออกเดินทาง สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปจากเดิม มีน้ำพุเกิดใหม่หลายจุด รพินทร์นำคณะนายจ้างผ่านโอเอซีสและหยุกพักแรม ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่พรานชดเคยมาพักค้างแรมพร้อมกับหนามอิน พรานป่าคู่ใจที่ออกติดตามมาด้วย[29]
ตกดึกไทรันโนซอรัส เร็กซ์ แอบหวนย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้เนื่องจากกลัวกองไฟที่ก่อไว้รอบปางพัก เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น แงซายยิงกวางด้วยธนูสำหรับเป็นเสบียงในการเดินทาง รพินทร์และคณะนายจ้างต่างเตรียมตัวและเสบียงให้พร้อมก่อนออกเดินทาง คะหยิ่นแอบหลบไปปลดทุกข์บริเวณใกล้กับปางพัก พบเจอร่องรอยของพรานชดที่บริเวณซากเก่าแก่ของต้นปาล์ม เป็นร่องรอยของมีดที่สลักข้อความว่า "เกาะแห่งชีวิต-อนุชา วราฤทธิ์-หนานอิน 30/9/25..."[30] สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้แก่คณะนายจ้างเป็นอย่างยิ่ง ที่พบว่าบุคคลที่ออกติดตามค้นหายังมีชีวิตอยู่ ภายหลังจากตรวจสอบ พบร่องรอยการเดินทางและการพักแรมของพรานชดและหนานอิน รพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อโดยมุ่งหน้าสู่ช่องเขาขาด
ระหว่างทางมาเรียสังเกตเห็นนกแร้งตัวหนึ่งบินวนอยู่บนท้องฟ้าอย่างผิดสังเกต จนกระทั่งเกือบโพล้เพล้ รพินทร์จึงนำคณะนายจ้างเดินทางถึงบริเวณป่าหินใกล้ ๆ ช่องเขาขาด และสามารถมองเห็นช่องเขาขาดได้ในระยะทางไม่เกิน 3 กิโลเมตรอยู่เบื้องหน้า มาเรียมองเห็นนกแร้งบินวนบนท้องฟ้าในลักษณะเฝ้าติดตามการเดินทางของตนเองและทุกคนในคณะเดินทางตลอดเวลา นกแร้งเฝ้าติดตามคณะเดินทางอยู่สามวัน ก่อนจะผละหายไป และมาบินวนเวียนนำหน้าอยู่บริเวณช่องเขาขาด รพินทร์นำคณะนายจ้างมาหยุดพักที่บริเวณป่าหิน ก่อนสงสัยในพฤติกรรมการบินที่แปลกประหลาดของนกแร้ง จึงใช้กล้องส่องทางไกลส่องมองดูยังบริเวณช่องเขาหัวขาด ภาพจากกล้องส่องทางไกลที่มองเห็นคือไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ตัวที่ถูกดารินยิงเข้าที่ดวงตาด้านซ้ายจนบอดสนิท นอนเอาลำตัวขวางทางอยู่ที่ช่องเขาขาดซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 2.5 - 3 กิโลเมตร[31] เชษฐาสอบถามถึงเส้นทางการเดินทางเส้นอื่น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับไทรันโนซอรัส เร็กซ์ แต่รพินทร์ยืนยันถึงเส้นทางการเดินทางเพียงเส้นเดียว ที่จะต้องเดินทางผ่านช่องเขาขาดเพื่อมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบมรณะ
[แก้] อ้างอิง
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5072, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5074
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5076, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5076
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5083, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5083
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5089, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5089
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5122, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5122
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5183, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5183
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5206, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5206
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5220, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5220
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5235-5254, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5235-5254
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5299, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5299
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5317, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5317
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5352, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5352
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5356, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5356
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5377, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5377
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 1 หน้า 5381, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5381
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 2 หน้า 5702, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5702
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 2 หน้า 5720, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5720
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 2 หน้า 5895, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 5895
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3 หน้า 6132, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6132
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3 หน้า 6171-6172, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6171-6172
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3 หน้า 6182-6183, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6182-6183
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3 หน้า 6240, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6240
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 3 หน้า 6280, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6280
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6323-6328, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6323-6328
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6361, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6361
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6486, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6486
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6542-6560, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6542-6560
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 8584, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6584
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6672, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6672
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6717, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6717
- ^ พนมเทียน, เพชรพระอุมา ตอนอาถรรพณ์นิทรานคร เล่ม 4 หน้า 6750, สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม, 2544, หน้า 6750
|
|
---|---|
นวนิยาย | ไพรมหากาฬ • ดงมรณะ • จอมผีดิบมันตรัย • อาถรรพณ์นิทรานคร • ป่าโลกล้านปี • แงซายจอมจักรา • จอมพราน • ไอ้งาดำ • จิตรางคนางค์ • นาคเทวี • แต่ปางบรรพ์ • มงกุฎไพร |
ตัวละคร | รพินทร์ ไพรวัลย์ • เชษฐา วราฤทธิ์ • อนุชา วราฤทธิ์ • ดาริน วราฤทธิ์ • ไชยยันต์ อนันตรัย • มาเรีย ฮอฟมัน • พรานบุญคำ • พรานจัน • พรานเกิด • พรานเส่ย • แงซาย • คะหยิ่น • ส่างปา |
รูปแบบอื่น | วิทยานิพนธ์ • ภาพยนตร์ (เพชรพระอุมา พ.ศ. 2514, โครงการภาพยนตร์เพชรพระอุมา) • หนังสือการ์ตูนและนิยายภาพ • รายการแฟนพันธุ์แท้ |
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย | ความเป็นมาของตัวละคร • คำนิยม • เนื้อเรื่องย่อ • เส้นทางการเดินทาง • เดินป่า ล่าสัตว์ แกะรอย • อาวุธปืนและเครื่องกระสุน • เครื่องรางของขลัง • พรรณไม้ • สัตว์ป่า |
ดูเพิ่ม | พนมเทียน • นิตยสารจักรวาลปืน • สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม |