See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
บริตนีย์ สเปียรส์ - วิกิพีเดีย

บริตนีย์ สเปียรส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บริตนีย์ สเปียรส์

ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อจริง Britney Jean Spears
วันเกิด 2 ธันวาคม ค.ศ. 1981 (อายุ 26 ปี)
แนวเพลง ป็อป
อาชีพ ครูสอนเต้น นักร้อง นักแสดง นักเต้น นักแต่งเพลง
ปี พ.ศ . 2538 - 2540 (งานก่อนออกเดี่ยว)
พ.ศ. 2541 - ปัจจุบัน (ผลงานเดี่ยว)
ค่าย Jive Record / Sony BMG
เว็บไซต์ britney.com

บริตนีย์ จีน สเปียรส์ (Britney Jean Spears) (เกิด 2 ธันวาคม พ.ศ. 2524) เป็นนักร้องแนวป็อป โดยสังกัดค่ายZomba Label Group เธอเป็นชาวอเมริกัน มีเพลงฮิตอย่างเพลง "...Baby One More Time" , "Oops!... I Did It Again", "I'm a Slave 4 U", "Me Against The Music", "Toxic" และล่าสุดจากอัลบั้ม Blackout "Gimme More" เป็นต้น

เนื้อหา

[แก้] ประวัติ

[แก้] ชีวิตช่วงแรก

บริตนีย์ สเปียรส์ เกิดที่เมืองแม็คคอมบ์ ในรัฐมิสซิสซิปปี และโตที่เมืองเคนต์วูด ในรัฐลุยเซียนา (ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ) เธอถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวชาวคริสต์แบบแบปติสต์ โดยพ่อ เจมส์ พาร์เนลล์ สเปียรส์ ซึ่งเป็นช่างก่อสร้าง และแม่ ลินน์ ไอรีน บริดจส์ ผู้เป็นครู เมื่ออายุ 8 ขวบ ได้เดินทางไปแอตแลนต้า เพื่อคัดตัวเข้าร่วม มิคกี้ เม้าส์ คลับ ซึ่งก็เข้าถึงรอบสุดท้าย แต่กลับถูกคัดออก เนื่องจากอายุน้อยเกินไป อย่างไรก็ดี โปรดิวเซอร์ แนะนำให้มารดา พาเธอไปนิวยอร์ก ให้กับเอเจนซี่ 3 ปีต่อมา บริตนีย์อยู่ที่ศูนย์เต้นรำนอกบรอดเวย์ กับที่โรงเรียนการแสดงระดับอาชีพในนิวยอร์ก เธอเริ่มมีงานโฆษณาหลายเรื่อง และยังได้แสดงละครบรอดเวย์เรื่อง Ruthless บริตนีย์กลับเข้าหา มิคกี้ เม้าส์ คลับ อีกครั้ง คราวนี้มิคกี้ เม้าส์ คลับ รับเธอ หลังจากรายการยุบตัวไป เธอได้เริ่มทำเดโม่เทป ตอนปี พ.ศ. 2540 เธอได้ส่งให้ Jive Records เธอได้เซ็นสัญญา ต่อมาก็ได้เปิดคอนเสิร์ตให้ 'N Sync

บริตนีย์ ได้ร่วมงานกับ แม็กซ์ มาร์ติน โปรดิวเซอร์จากสวีเดนที่สร้างชื่อให้กับแบ็คสตรีท บอยส์‎และ เอริค ฟอสเตอร์ ไวต์ ที่เคยร่วมงานกับ วิทนีย์ ฮูสตัน มาแล้ว เพลงแรกที่เริ่มบันทึกเสียงกันคือ Baby One More Time

[แก้] 2541 – 2543: เจิดจรัส

ภาพจากมิวสิกวิดีโอเพลง Baby One More Time
ภาพจากมิวสิกวิดีโอเพลง Baby One More Time

ในเดือนพฤศจิกายน 2541 บริตนีย์ สาวน้อยมหัศจรรย์เธอนำซิงเกิ้ลแรก Baby One More Time ขึ้นถึงอันดับ 1 ในอเมริกา สัปดาห์เดียวกับที่อัลบั้มแรกของเธอติดอันดับที่ 1 ซึ่งซิงเกิ้ลนี้เป้นซิงเกิ้ลที่ทำให้เธอ กลายเป้นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเราด้วย หลายคนอาจจะคิดว่าเธอไม่เคยมาประเทศไทย ในรายการทไวท์ไลท์ Sometime ติดอันดับ 5 ในอังกฤษ You Drive Me) Crazy ขึ้นอันดับ 10 ในอเมริกา และ อันดับ 5 ในอังกฤษ Born to Make You Happy ที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษได้ ในอัลบั้มชุดนี้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ถึง 9 รางวัล ซึ่งมากเป็นประวัติศาสตร์นักร้องหน้าใหม่

นอกจากนั้นยังกวาดรางวัลนักร้องหญิงดีเด่น (Best Female Artist) รางวัลศิลปินหน้าใหม่ดีเด่น (Best Breakthrough Act) รางวัลการแสดงป็อปดีเด่น (Best Pop Act) และ รางวัลเพลงดีเด่น(Best Song) จากงานเอ็มทีวี ยุโรป มิวสิก อวอร์ดสที่ดับลิน เธอก็กลับเข้าสตูดิโอในช่วงฤดูร้อนปี 2542 เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้มชุดใหม่ ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มชุดที่ 2 "Oops!... I Did It Again" ติดท็อบเท็นในอเมริกา ส่วนตัวอัลบั้มขายได้อันดับ 1 สัปดาห์แรกสัปดาห์เดียวขายได้ถึง 1.3 ล้านหน่วย ต่อมา "stronger" สามารถบอกความแตกต่างระหว่างเพลง baby one more time ได้อย่างลงตัว

[แก้] 2544 – 2547: ความประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน

เดือนพฤศจิกายน 2544 เธอออกอัลบั้มชุดที่ 3 "Britney" เปิดตัวที่อันดับ 1 ในอเมริกาโดยยอดขายในสัปดาห์แรกคือ 746,000 แผ่น มีซิงเกิ้ลแรกคือ "I'm a Slave 4 U" ที่ The Neptunes มาช่วยแต่งและโปรดิวซ์ให้ กุมภาพันธ์ 2545 เธอได้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่องครอสโรดส์ (Crossroads) เดือนถัดมาเธอได้เลิกกับแฟนหนุ่มจัสติน ทิมเบอร์เลค

เธอได้ร่วมแสดงในงาน เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ร่วมกับมาดอนน่า และ คริสติน่า อากีเลร่า ในเพลง "Like a Virgin" ซึ่งเธอได้จูบกับมาดอนน่า สร้างความตะลึงให้คนทั้งโลก

บริตนีย์ สเปียรส์ ปี 2003
บริตนีย์ สเปียรส์ ปี 2003

พฤศจิกายน 2546 เธอได้ออกอัลบั้มชุดที่ 4 "In the Zone" แนวเพลงมีการเพิ่ม synthpop มากขึ้น ยังได้ศิลปินชื่อดังอย่าง Moby และ R. Kelly มาช่วยแต่งเพลงด้วย In the Zone ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาในสัปดาห์แรกด้วยยอดขายมากกว่า 609,000 แผ่น ทำให้เธอเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มีการเปิดตัวเข้าชาร์ทที่อันดับ1 ถึง 4 อัลบั้ม อัลบั้มชุดนี้เธอได้ทำงานร่วมกับมาดอนน่าในเพลง "Me Against the Music" ซึ่งดังถล่มทลาย สามารถติดอยู่บนชาร์ต TRL เป็นเวลากว่า 9 สัปดาห์นับว่าเป็นการทุบสถิติต่างๆ อย่างสิ้นเชิง ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 "Toxic" เป็นเพลงที่ลบคำสบประมาทของหลายๆคนว่าอัลบั้มนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เพลงนี้เองสามารถทำให้ทุกๆคนได้รับรู้อีกครั้งกับการกลับมา ซิงเกิ้ลที่ 3 "Everytime" ซิงเกิ้ลนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขอโทษแฟนหนุ่มคนเก่าหรือ จัสติน ทิมเบอร์เลคนั่นเอง แม้เพลงนี้จะไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในอเมริกา แต่ในเกาะอังกฤษกลับขึ้นอันดับ 1 อย่างสง่างาม โดยยอดขายรวมของอัลบั้มนี้ขายได้กว่า 10 ล้านก๊อปปี้ ซึ่งนับว่าเยอะมากในยุคแห่งการดาวน์โหลดอย่างนี้

และในปีเดียวกันนั้นเธอก็มีคอนเสิร์ตโปรโมตอัลบั้ม In the zone ชื่อว่า the onyx hotel tour เป็นทัวร์ประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้เพราะ คอนเสิร์ตนี้ เปิดจองบัตรเพียง 26 นาทีบัตรก็ขาย หมดซึ่งหลายคนก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ที่น่าเสียดายมากที่สุดคือเธอจะมาเล่นคอนเสิร์ตนี้ที่ประเทศไทยแต่เพราะขาหักจึงทำให้เธอต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด และทัวร์นี้ของเธอ ก็ได้ทำลายสถิติคอนเสิร์ต britney spears live in las vegas "Dream within a dream tour" ของตัวเอง ทำรายได้มากกว่าเดิม 113 ล้านเหรียญสหรัฐ

บริตนีย์ออกผลงานรวมฮิต Greatest Hits: My Prerogative อัลบั้มขึ้นอันดับ 4 ในอเมริกาในสัปดาห์แรกด้วยยอดขาย 255,000 แผ่น มีเพลงอย่าง "My Prerogative" และ "Do Somethin'" และนี่เป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ตอกย้ำความเป็นเจ้าหญิงเพลงป็อปอย่างแท้จริงด้วยยอดขายกว่า 8 ล้านแผ่นทั่วโลก

[แก้] 2550: การกลับมาอีกครั้ง

บริตนีย์ สเปียรส์ ออกซิงเกิ้ลใหม่ คือ Gimme More ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลนำในอัลบั้มที่ห้า โดยเธอได้แสดงเพลงนี้ครั้งแรกในงานเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส 2007 โดยทางนิตยสาร Us รายงานอีกว่า "มันเลวร้ายเสียจนตัวเธอเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเสียต่อการแสดงของเธอเมื่อเข้าไปหลังเวที แต่เธอจะทำอะไรได้เมื่อการแสดงที่เธอหวังจะใช้มันเรียกคืนวันเก่าๆ ของเธอกลับมาได้ส่งไปสู่สายตาชาวโลกนับล้าน" [1] แต่ขณะที่กรรมการรายการอเมริกันไอดอลอย่าง ไซมอน โคเวล ออกมาให้ความเห็นว่า "เธอขโมยความสนใจของงานนั้นไปทั้งหมด ไม่ว่าคุณจะปลื้มมันหรือไม่ เพราะสิ่งที่คุณได้ยินหลังจากวันนั้นจะมีแต่เรื่องของเธอเท่านั้น มันไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุด เธอยังไม่พร้อมสำหรับมัน แต่มันก็กลายเป็นสิ่งที่สร้างความสนใจให้กับตัวเธอมากกว่าศิลปินคนใดบนโลกใบนี้ใน 48 ชม.ที่ผ่านมาก็แล้วกัน" [2]

Gimme More เพลงนี้โปรดิวซ์โดย เนท “แดนจา” ฮิลส์ (Nate ‘Danja’ Hills) ที่เคยทำงานกับเนลลี เฟอร์ทาโด และ ทิมบาแลนด์ มียอดขายดาวน์โหลดที่ iTunes มากถึง 179,000 โหลดในสัปดาห์แรกส่งผลให้เพลงนี้ติดอันดับ 1 ในชาร์ททันที เพลงนี้ขึ้นจากอันดับ 68 เป็นอันดับ 3 ในชาร์ทบิลบอร์ด

อัลบั้ม Black out จะวางแผงในวันที่ 30 ตุลาคม 2550 หลังจากที่เพลงของเธอถูกมือดีปล่อยงานเพลงของเธอทางอินเทอร์เน็ตหลายเพลง จนต้นสังกัด Jive Record ต้องเลื่อนการวางแผงอัลบั้มของเธอจากเดิม วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ชุดนี้ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงมือดีหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เพลง ‘Heaven on Earth’ โปรดิวซ์โดยโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ไฟแรง Freescha และ Kara DioGuardi ที่สร้างชื่อจากเพลง ‘Walk Away’ ของเคลลี่ คลาร์กสัน

เพลง "Piece of Me" ซิงเกิ้ล 2 ของอัลบั้มก็โปรดิวซ์โดย Bloodshy & Avant เช่นกัน นิตยสาร Entertainment Weekly ของอเมริกา พูดถึงเพลงนี้ไว้ว่าเป็นเพลงที่ “ดุดัน” และ “ส่วนตัว” มากที่สุดเพลงหนึ่งของบริตนีย์ (เนื้อหาของเพลงพูดถึงการที่นักข่าวคอยจับตามองเธอในทุกย่างก้าว ไม่ว่าเธอจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าวตลอดเวลา (I’m Miss American dream Since I was seventeen don’t matter if I step on the scene or sneak away to the Philippines they still gon put pictures of my derriere in the magazine You-want-a-piece-me?)

[แก้] เรื่องส่วนตัว

ต้นปี พ.ศ. 2545 ความสัมพันธ์ของบริตนีย์ สเปียรส์กับจัสติน ทิมเบอร์เลค ที่คบกันได้ 4 ปี ก็จบลงไป ต่อมา 3 มกราคม 2547 เธอได้แต่งงานกับเพื่อนวัยเด็ก เจสัน อัลเลน อเล็กซานเดอร์ ในลาสเวกัส แต่ชีวิตการแต่งงานของเธอมีแค่ 55 ชั่วโมง กรกฎาคม 2547 เธอหมั้นกับ แดนเซอร์เควิน เฟเดอร์ไลน์ หลังจากรู้จักกัน 3 เดือน และได้แต่งงานกันในวันที่ 6 ตุลาคม 2004

เมษายน 2548 เธอประกาศว่าเธอท้องลูกคนแรก และคลอดลูกชายคนแรก ฌอน เพรสตัน เฟเดอร์ไลน์ เมื่อ 14 กันยายน 2548 ที่ ซานตาโมนิกา 12 กันยายน 2549 เธอได้คลอดลูกชายคนที่ 2 เจย์เดน เจมส์ เฟเดอร์ไลน์ ที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ในที่สุดเธอได้หย่าร้างกับเควิน เฟเดอร์ไลน์ ในเดือนพฤศจิกายน 2549 พร้อมกับเธอรับเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คน

เดือนกุมภาพันธ์ 2550 บริตนีย์สร้างข่าวช็อกแฟนเพลงมากมายโดยเริ่มจากการมีรายงานว่าเธอเข้าบำบัดที่ Crossroads Centre ในหมู่เกาะแคริบเบียน และต่อมาเธอเข้าร้านตัดผมในทาร์ซานา แคลิฟอร์เนียเพื่อโกนหัว ก่อนจะไปสักลายใหม่ [3]

บริตนีย์ต้องเสียการระงับการเลี้ยงดูลูกชายชั่วคราว ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้ให้บริตนีย์สามารถนำบุตรชายทั้ง 2 มาอยู่ด้วยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และท้ายที่สุดบริตนีย์ถูกระงับสิทธิ์นี้ดังกล่าว

[แก้] อาชีพและรายได้

อาชีพหลักของบริตนีย์ที่เป็นที่รู้จักคืออาชีพนักร้อง ทำเงินได้ถึง 26.5 ล้านเหรียญ สัญญาของเธอที่ได้จากค่าย Zomba Records จากผลงานอัลบั้มชิ้นล่าสุดอย่าง Into the Zone นั้นมากถึง 6.72 ล้านเหรียญ ซึ่งรายได้สุทธิจากการทัวร์อัลบั้มดังกล่าวมียอดถึง 20 ล้านเหรียญทีเดียว ค่าลิขสิทธิ์ทางดนตรีที่เธอได้รับจากมิวสิกวีดีโอและการโฆษณาทำให้เธอได้รับเงิน 6 หมื่นเหรียญต่อปี เธอยังมีทรัพย์สินฝากไว้ธนาคารดอกเบี้ยสูง 6 แห่งถึง 33.25 ล้านเหรียญ

สัญญาที่ได้ได้รับจากสินค้าต่างๆ ก็มีไม่น้อย ทั้งที่เคยทำลายสถิติสูงสุดมาแล้วจากเป๊ปซี่ ที่ทำเอาไว้เมื่อปี 2001 ด้วยรายได้ 9.27 ล้านเหรียญ รวมทั้งจากสินค้าอย่าง ซัมซุง โตโยต้า คีริง Proactiv, Skechers และ Nabisco ที่รวมได้มูลค่ากว่า 21.6 ล้านเหรียญ การร่วมงานกับเครื่องสำอางดังยี่ห้อเอลิซาเบธ อาร์เดน( Elizabeth Arden) เมื่อปี 2547 ที่เธอได้ส่ง Curious น้ำหอมขายดี รวมทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางต่างๆ วางขาย ทำให้เธอได้ค่าลิขสิทธิ์ครั้งนั้นไป 16.7 ล้านเหรียญ ซึ่งรับประกันได้ว่าเธอจะได้รายได้ต่อปีตั้งแต่ 1.96 ถึง 2.94 ล้านเหรียญ จนกว่าสัญญาจะสิ้นสุดลงในปี 2552

บริตนีย์ มีบ้านของตัวเอง 4 หลัง ทั้งในมาลิบูและออร์แลนโด รวมทั้งที่ดินเป็นป่ากว้างใหญ่ในหลุยส์เซียนา ซึ่งรวมมูลค่าทั้งหมด 22.6 ล้านเหรียญ

เธอยังมีรายได้อีก 6.5 ล้านเหรียญ จากการปรากฏตัวทางรายการโทรทัศน์ รวมกับสัญญาที่ได้จากนิตยสารและภาพยนตร์ รวมทั้งที่ได้ 3 ล้านเหรียญจากการแสดงใน Crossroads หนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวของเธอ

ในช่วงที่เธอออกผลงานอัลบั้ม Blackout ที่ดูไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้หาเงินจากการทัวร์คอนเสิร์ต แต่เธอก็ยังมีรายได้ จากการไปปรากฏตัวตามงานต่างๆ แมกกาซีน เช่น Pure Nightclub คลับดังที่ลาสเวกัส ขายโต๊ะใกล้โต๊ะของบริทนีย์ได้ราคาถึง 50,000 เหรียญฯ บริทนีย์หาเงินได้ตั้งแต่ 250 เหรียญฯ ถึง 100,000 เหรียญฯ จากการนั่งให้ถ่ายภาพ ทางโฟโต้ เอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ x17 มีทีมคอยตามบริทนีย์ทั้งวันทั้งคืน ซึ่งนับเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมดที่เธอได้มาจากพวกตากล้อง และในปี 2007 ปีเดียว ทาง X17 ก็ขายภาพของบริทนีย์ได้ถึง 2.5 ล้านเหรียญฯ รวมทั้งภาพบริทนีย์โกนหัวซึ่งมีราคาถึง 500,000 เหรียญฯ และ นิตยสารต่างๆ ที่เธอให้สัมภาษณ์เช่น People,Us Weekly, In Touch, Life & Style, OK! และ Star รวมทั้งหมด 175 ครั้งใน 78 สัปดาห์ เธอได้ค่าตัวถึง 360 ล้านเหรียญฯ และพวกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่เธอขึ้นปกอีกหลายเล่ม[4]

[แก้] ผลงานเพลง

[แก้] อัลบั้ม

  • 2542: ....Baby One More Time
  • 2543: Oops!... I Did It Again
  • 2544: Britney
  • 2546: In the Zone
  • 2550: Blackout

[แก้] Compilations

[แก้] ทัวร์คอนเสิร์ต

  • 2541: Hair Zone Mall Tour
  • 2542: ...Baby One More Time Tour
  • 2543: Crazy 2K Tour
  • 2543: Oops!... I Did It Again World Tour
  • 2544: Dream Within a Dream Tour
  • 2547: The Onyx Hotel Tour
  • 2550: The M+M's Tour

[แก้] ดีวีดี

  • 2542: Time Out with Britney Spears
  • 2543: Live and More!
  • 2544: Britney: The Videos
  • 2545: Live from Las Vegas
  • 2547: In the Zone
  • 2547: Greatest Hits: My Prerogative
  • 2548: Britney & Kevin: Chaotic


[แก้] ซิงเกิ้ล

ปี ค.ศ. เพลง(ซิงเกิ้ล) อันดับสูงสุด อัลบั้ม
WW U.S. UK CAN AUS GER FRA
1998 "...Baby One More Time" 1 1 1 1 1 1 1 ...Baby One More Time
1999 "Sometimes" 5 21 3 2 6 13
"(You Drive Me) Crazy" 1 10 5 8 12 4 2
"Born to Make You Happy" 1 1 1 21 3 9
2000 "From the Bottom of My Broken Heart" 2 14 37
"Oops!... I Did It Again" 1 9 1 4 1 2 4 Oops!... I Did It Again
"Lucky" 2 23 5 50 3 1 16
"Stronger" 3 11 7 9 13 4 20
2001 "Don't Let Me Be the Last to Know" 10 112 12 34 12 27
"I'm a Slave 4 U" 5 27 4 8 7 3 8 Britney
2002 "Overprotected" 6 85 4 22 16 15
"I'm Not a Girl, Not Yet a Woman" 6 102 2 47 7 10 25
"I Love Rock 'n' Roll" 1 37 13 33 13 7
"Boys (The Co-Ed Remix)" (featuring Pharrell Williams) 19 109 7 21 14 19 55
"Anticipating" 3 38
2003 "Me Against the Music" (featuring Madonna) 1 35 2 2 1 5 11 In the Zone
2004 "Toxic" 1 9 1 1 1 4 3
"Everytime" 1 15 1 2 1 4 2
"Outrageous" 4 79
"My Prerogative" 4 101 3 7 3 18 Greatest Hits: My Prerogative
2005 "Do Somethin'" 5 13 100 6 12 8 18 70
"Someday (I Will Understand)" 4 22 Britney & Kevin: Chaotic
2007 "Gimme More" 2 3 3 1 3 7 5 Blackout
2008 "Piece of Me"6 6 18 2 5 2 7
"Break the Ice"7 22 46 15 9

Notes

  • 1 วางขายเฉพาะประเทศในยุโรปและแคนาดา
  • 2 วางขายเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และ ละตินอเมริกา
  • 3 วางขายเฉพาะประเทศฝรั่งเศส และ บราซิล
  • 4 โปรโมซิงเกิ้ล.
  • 5 ไม่วางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา
  • 6 กำลังไต่ชาร์ท

[แก้] ผลงานการแสดง

  • Longshot (2543)
  • Crossroads (2545)
  • Austin Powers in Goldmember (2545)


[แก้] อ้างอิง

  1. ^ ไม่เหลือเค้า "บริตนีย์" โชว์ดับอนาคตบนเวที MTV/VMA 2007 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2550 04:20 น.
  2. ^ แฉ "บริตนีย์" ทะเลาะกับช่างผม-สไตลิสต์ก่อนงาน MTV โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2550 01:56 น.
  3. ^ ข่าวจาก MTVthailand.com
  4. ^ แหล่งที่มารายรับกองโตของบริทนีย์ สเปียร์ mtvthailand.com

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

Commons
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
บริตนีย์ สเปียรส์


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -