เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เออร์เนสต์ มิลเลอร์ เฮมมิงเวย์ (Ernest Miller Hemingway พ.ศ. 2442-2504) นักประพันธ์นวนิยายและนักเขียนเรื่องสั้นชาวอเมริกันผู้ใช้ลีลาภาษาที่สั้นกระชับ เกิดที่ โอค ปาร์ก รัฐอิลลินอยส์ เริ่มทำงานเป็นผู้สื่อข่าวกับหนังสือพิมพ์ เดอะแคนซัสซิตีสตาร์ เข้าเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ประจำรถพยาบาลทหารจนได้รับบาดเจ็บเมื่อปี พ.ศ. 2461 ทำให้เฮมมิงเวย์ได้รับเหรียญกล้าหาญ
งานสำคัญชิ้นแรกของเฮมมิงเวย์ได้แก่งานรวบรวมเรื่องสั้นในชื่อ "ในสมัยของเรา" (In Our Time พ.ศ. 2468) งานที่ทำให้เฮมมิงเวย์ประสบผลสำเร็จโดยแท้จริงได้แก่เรื่อง แล้วดวงตะวันก็ฉายแสง (The Sun Also Rises พ.ศ. 2469) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์จากการเข้า "กลุ่มวัยที่ถูกทอดทิ้ง" (lost generation) ของบรรดาหนุ่มต่างด้าวที่ใช้ชีวิตผจญภัยในฝรั่งเศสและสเปน ความหลงไหลไฝ่ฝันในวีรกรรมของลูกผู้ชายเกี่ยวกับการทำสงคราม การล่าสัตว์ การตกปลาและการสู้วัวกระทิงทำให้งานต่างๆ ของเฮมมิงเวย์รวมทั้ง รักระหว่างรบ (A Farewel to Arms พ.ศ. 2472) และ ความตายในช่วงบ่าย (Death in the Afternoon พ.ศ. 2475) ศึกสเปน (For Whom the Bell Tolls พ.ศ. 2483) และ เฒ่าผจญทะเล (The Old man and the Sea พ.ศ. 2495 ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์)
ในปี พ.ศ. 2497 เฮมมิงเวย์ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาวรรณกรรม ในฐานะผู้สื่อข่าวในสงครามโลกครั้งที่ 2 เฮมมิงเวย์ได้เข้าร่วมในวันดีเดย์ (พ.ศ. 2487)ด้วย หลังจากสงครามกลางเมืองสเปนสิ้นสุดลง เฮมมิงเวย์ได้อาศัยอยู่ในคิวบาและอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดมาจนเกิดการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2503 จึงได้ย้ายกลับสหรัฐฯ
เออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ ผ่านการแต่งงาน 4 ครั้ง และมักเป็นโรคเครียดและหดหู่ หลังจากเกิดความกลัวเรื่องสุขภาพและความเจ็บป่วยหลังจากป่วยเรื้อรังมานาน เฮมมิงเวย์ได้ฆ่าตัวตายด้วยปืนล่าสัตว์