See also ebooksgratis.com: no banners, no cookies, totally FREE.

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด - วิกิพีเดีย

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
Manchester United emblem
ชื่อเต็ม Manchester United Football Club
ฉายา ปีศาจแดง
ก่อตั้ง ค.ศ. 1878
สนาม โอลด์แทรฟฟอร์ด
แมนเชสเตอร์
ความจุ 76,212 คน
ประธาน Flag of อังกฤษ เดวิด กิลล์
Flag of the United States โจเอล เกลเซอร์
ผู้จัดการ Flag of สกอตแลนด์ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ลีก เอฟเอ พรีเมียร์ลีก
2007-08 ชนะเลิศ
Team colours Team colours Team colours
Team colours
Team colours
 
ชุดทีมเหย้า
Team colours Team colours Team colours
Team colours
Team colours
 
ชุดทีมเยือน

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ มีสนามเหย้าคือโอลด์แทรฟฟอร์ดในเมืองแมนเชสเตอร์ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสโมสรหนึ่ง โดยชนะเลิศแชมป์ลีก 17 ครั้ง (เอฟเอ พรีเมียร์ลีก/ดิวิชัน 1) ชนะเอฟเอคัพ 11 ครั้ง ลีกคัพ 2 ครั้ง ยูโรเปี้ยนคัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 ครั้ง และชนะ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์สคัพ อินเตอร์เนชันแนลคัพ และ ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ อย่างละ 1 ครั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรกีฬาที่ได้รับความนิยมสูง โดยมีผู้สนับสนุนถึง 50 ล้านคนทั่วโลก[1]โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีสถิติผู้เข้าชมมากที่สุดในฟุตบอลอังกฤษตลอด 34 ฤดูกาล ยกเว้นในฤดูกาล 1987-89 ที่ปรับปรุงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด[2] แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรหนึ่งในกลุ่มจี-14

ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2534 สโมสรได้ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัดมหาชน อย่างไรก็ตาม ในปีพ.ศ. 2548 มัลคอล์ม เกลเซอร์ได้เทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตรเป็นผลสำเร็จ และนำสโมสรออกจากตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน[3]

เนื้อหา

[แก้] ประวัติศาสตร์สโมสร

บทความนี้ต้องการแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อให้บทความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณสามารถช่วยพัฒนาวิกิพีเดีย โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม - การอ้างอิงแหล่งที่มา วิธีการเขียน บทความคัดสรร และ นโยบายวิกิพีเดีย

อ้างอิงตามชื่อฤดูกาล ซึ่งเป็นปี ค.ศ.

[แก้] สโมสรในช่วงแรก (1878-1945)

สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก่อตั้งโดยกลุ่มพนักงานของสถานีรถไฟเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อปี 1878 ในชื่อ นิวตันฮีท (แลนแคเชียร์ แอนด์ ยอร์ดเชียร์เรลเวย์) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเหลือเพียง นิวตันฮีท ได้เป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฟุตบอลในตอนนั้น ในปี 1889 และยังได้เข้าเล่นในฟุตบอลลีก 1892

ในปี 1902 สโมสรได้ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เจ.เอช.เดวีส์ ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเงินให้แล้วเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังเปลี่ยนสีประจำสโมสร จากสีเขียว-ทอง มาเป็นแดง-ขาว ซึ่งสีแดง-ขาวนี้ได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความช่วยเหลือของเดวีส์นี้ สโมสรได้แชมป์ฟุตบอลลีกสมัยแรกในปี 1908 และได้ย้ายสนามจาก แบงก์ โร้ด ไปยังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 1910 จนถึงปัจจุบัน

ทีมได้มีปัญหาอีกครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งถึงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดถูกทิ้งระเบิดจนใช้การไม่ได้ จึงต้องมีการไปขอเช่าสนาม เมนโรดของคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ซิตี้ โดยในช่วงนั้นทีมมีหนี้อยู่ 70000 ปอนด์

[แก้] ยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ (1945-1969)

แมตต์ บัสบี้ได้เข้ามาคุมทีมในปี 1945 เขาได้นำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้อย่างรวดเร็ว โดยได้อันดับสองของฟุตบอลลีกในปี 1947 และเป็นชนะเลิศเอฟเอ คัพในปีต่อมา

บัสบี้เป็นคนที่ดึงนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาหลายคน จนได้แชมป์ลีกในปี 1956 ด้วยอายุเฉลี่ยของนักเตะเพียง 22 ปีเท่านั้น ในปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง และยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวโดยการแพ้ต่อแอสตัน วิลลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ และยังได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย

ในปี 1958 ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและทีมงานของสโมสร ที่กลับจากการไปแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้วได้ประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิวนิค หลังจากแวะพักเครื่องบินที่เมืองมิวนิค ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คร่าชีวิตนักเตะของทีมไปถึง 8 คน รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้โดยสารคนอื่นอีก 15 คน รวมเป็น 23 คน หนึ่งในคนที่เสียชีวิตในครั้งนี้ คือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ด นักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงสุดในขณะนั้น จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้คาดว่าจะเป็นจุดตกต่ำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จิมมี เมอร์ฟี ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในช่วงที่บัสบี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ตัวผู้เล่นแก้ขัดไปหลายตำแหน่ง แต่ทีมก็ยังสามารถเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้พ่ายต่อโบลตันทำให้ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น

หลังจากรักษาตัวเองแล้ว บัสบี้ได้ปรับปรุงทีมในช่วงต้นของทศวรรษ 60 โดยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะอย่าง เดนิส ลอว์ กับ แพท ครีแลนด์มาเสริมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพในปี 1963 และได้แชมป์ฟุตบอลลีกในปี 1965 และ 1967 นอกจากนี้ ยังได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นสโมสรแรกของอังกฤษในปี 1968 ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียง 10 ปี เท่านั้นหลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่มิวนิค ที่ทำให้ทีมต้องสูญเสียผู้เล่นตัวหลักไปถึง 8 คน และจากความยอดเยี่ยมของทีมชุดนี้ ทำให้มีนักเตะ 3 คนด้วยกัน ที่สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป (บัลลงค์ดอร์) ได้แก่เดนิส ลอว์ ได้รับรางวัลในปี 1964 คนที่สองคือบอบบี ชาร์ลตันได้รับในปี 1966 หลังจากพาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเค้า และ จอร์จ เบสต์ได้รับรางวัลในปี 1968 หลังจากโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นครั้งแรกของสโมสรและครั้งแรกของอังกฤษ

บัสบีได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในปี 1969 โดยมีวิฟ แมคกินเนสโค้ชทีมสำรองทำหน้าที่แทน

[แก้] 1969-1986

สัญลักษณ์สโมสรในช่วง 1970
สัญลักษณ์สโมสรในช่วง 1970

สโมสรได้พยายามหาตัวแทนที่เหมาะสมของบัสบี โดยใช้ผู้จัดการทีมไปหลายคน ได้แก่ วิฟ แมคกิวเนส แฟรงค์ โอนีล ก่อนที่ ทอมมี โดเคอร์ตี้เข้ามาคุมทีมในปี 1972 เขาได้ช่วยทีมให้รอดจากการตกชั้น แต่อย่างไรก็ดี ทีมก็ได้ตกชั้นลงไปในปี 1974 แต่สโมสรก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาทันทีในปีถัดไป และยังได้เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพในปีต่อมาอีกด้วย จากนั้นก็ได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งในปี 1977 โดยครั้งนี้สามารถคว้าแชมป์ได้โดยการเอาชนะทีมลิเวอร์พูล เป็นการดับความหวังการคว้าสามแชมป์ในปีเดียวกันของหงส์แดงลงไป ถึงเขาจะทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็ถูกไล่ออกหลังจากรอบชิงชนะเลิศปีนั้นเนื่องจากมีข่าวพัวพันกับภรรยาของนักกายภาพบำบัด

เดฟ เซกซ์ตันได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต่อในฤดูกาล 1977-1978 และเปลี่ยนระบบการเล่นของทีมให้เน้นเกมรับมากขึ้น ระบบนี้ทำให้แฟนบอลไม่ค่อยพอใจมากนัก หลังจากทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ เขาถูกไล่ออกในปี 1981

รอน แอคคินสันได้เข้ามาทำหนาที่นี้แทน เมื่อเขาเข้ามาก็ได้ทำลายสถิติซื้อขายสูงสุดของอังกฤษโดยการคว้าตัวไบรอัน รอบสัน มาจากเวสต์บรอมวิช รวมถึง การคว้าตัว เจสเปอร์ โอลเซน และกอร์ดอน สตรัคคัน ในขณะที่มีนักเตะอย่างมาร์ค ฮิวจ์ และ นอร์แมน ไวท์ไซด์ ที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 1983

ปี 1985 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำผลงานได้ดีในช่วงเปิดฤดูกาลโดยการชนะ 10 นัดรวด ทำให้มีคะแนนนำทีมอื่นถึง 10 คะแนนตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทีมทำผลงานได้ไม่ดีและจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ของลีก ผลงานในปีต่อมาก็ไม่ได้ดีขึ้น ทีมต้องหนีการตกชั้น ทำให้รอน แอคคินสันถูกไล่ออกไป

[แก้] ยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1986-ปัจจุบัน)

อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เข้ามาคุมทีมต่อ โดยในฤดูกาลแรกสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 แต่ในปีต่อมาก็ได้อันดับสองโดยไบรอัน แมคแคลร์ทำประตูได้ถึง 21 ประตู เป็นคนแรกของทีมหลังจากที่จอร์จ เบสต์เคยทำได้มาก่อนหน้านี้

ในปี 1989 เฟอร์กูสันเกิดความยากลำบากในการคุมทีมขึ้น เนื่องจากตัวผู้เล่นหลายตัวที่เขานำเข้ามาในทีมไม่เป็นที่พอใจของแฟนบอล มีข่าวออกมาว่าสโมสรจะปลดเฟอร์กี้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงต้นปี 1990 แต่การชนะนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในรอบสาม ของเอฟเอ คัพ ก็ทำให้เขาสามารถคุมทีมต่อไปได้ จนคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ในปีนั้น เป็นแชมป์แรกให้กับเขาในการคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ฤดูกาล 1990-91 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ โดยการเอาชนะบาร์เซโลนา จากสเปน ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมาทีมทำผลงานไม่ดีนักในพรีเมียร์ลีก

สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนเมื่อปี 1991 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 18 ล้านปอนด์ จากนั้น สโมสรต้องเปิดเผยข้อมูลการเงินทั้งหมดสู่สาธารณะ

เอริค คันโตนาย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ดมาร่วมทีมเมื่อปี 1992 ส่งผลต่อความสำเร็จของทีมเป็นอย่างมาก ทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นทันที ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 26 ปี นับจากที่ได้มาครั้งล่าสุดในปี 1967 ปีต่อมา ทีมได้ดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ในปี 1994 นั้นเอง แมตต์ บัสบี ตำนานกุนซือของได้เสียชีวิตลงในวันที่ 20 มกราคม

ฤดูกาล 1994-95 คันโตนาถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษห้ามแข่งถึง 8 เดือน หลังจากที่ไปกระโดดถีบใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ปีนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รองแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ เฟอร์กูสันได้กระทำสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลของทีมอีกครั้ง ด้วยการขายนักเตะสำคัญของทีมและดันนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นแทน แต่ปีนั้น ทีมก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้อย่างน่ายกย่อง โดยเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษ ที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นสมัยที่ สอง ซึ่งเว้นจากครั้งแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชม์ในปี 1994 เพียงปีเดียว และสามารถที่จะลบคำสบประมาทที่ถูกปรามาสเอาไว้ว่าไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จใดๆได้ จากการผลักดันเด็กเยาวชนของทีมให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่

สโมสรคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1997 จากนั้น เอริค คันโตนาได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลด้วยวัยเพียง 30 ปีซึ่งเร็วกว่านักเตะคนอื่นๆ มาก ฤดูกาลทีมยังเริ่มต้นการแข่งขันได้ดี แต่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนมามากจนทำให้จบฤดูกาลได้เพียงอันดับสองเท่านั้น

ปี 1998-99 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมาที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเป็นทีมแรกของอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาลเดียวกันอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ลีก โดยในนาทีสุดท้ายของเกมนั้น ทีมยังตามหลังบาเยิร์น มิวนิกอยู่ 1-0 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีนั้น ทีมสามารถทำได้ถึงสองประตูพลิกกลับมาชนะ 2-1 ได้อย่างเหลือเชื่อ จาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ "เพชรฆาตหน้าทารก" โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

จากการคว้าสามแชมป์ ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้รับการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบถที่ 2 เป็นท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อตอบแทนผลงานที่สามารถสร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้แก่ประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ได้รับตำแหน่งท่านเซอร์คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยผู้ที่ได้รับคนแรกคือ เซอร์แมตต์ บัสบี้ คนที่สองคือ เซอร์บอบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

หลังจากคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา ในฤดูกาล 1999-2000 ถึง 2000-2001 ยูไนเต็ดสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการฟุตบอลอังกฤษโดยการแชมป์ลีก 3 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งเป็นทีมทึ่ 2 ที่ทำได้ (ทีมที่ทำได้ก่อนหน้าคือลิเวอร์พูล) และในช่วงนั้นยูไนเต็ดได้คว้าตัวนักเตะสำคัญคือ กองหน้าคนใหม่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น 1 ในตำนานสโมสรที่ลงสนาม 220 นัด และยิงได้ถึง 150 ประตู และริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังที่มีค่าตัวสูงถึง 30 ล้านปอนด์

แต่อย่างไรก็ดี ในปี 2001-2006 ยูไนเต็ดได้ประสบปัญหาหลายอย่าง อย่างแรกคือสโมสรไม่สามารถหาผู้รักษาประตูที่เป็นตัวตายตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ได้ สโมสรได้เปลี่ยนผู้รักษาประตูมือ 1 หลายคน ไม่ว่าจะเป็นมาร์ค บอสนิช, ไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว, มัสซิโม่ ตาอิบี้, พอล ราชุบก้า, แอนดี้ กอแร่ม, ฟาเบียง บาร์กเตซ, ทิม โฮเวิร์ด, รอย คาโรล, และ ริคาร์โด้ โลเปซ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือมีผู้เล่นที่เป็นกำลังหลักจำนวนมากได้ออกจากสโมสรไม่ว่าจะเป็นยาป สตัม, เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน กัปตันทีม, หรือแม้กระทั่ง รุด ฟาน นิสเตลรอย โดยมีสาเหตุมาจากการมีปัญหากับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้งสิ้น ในช่วง 5 ปีนี้ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเพียงครั้งเดียว (ฤดูกาล 2002-2003) และได้ถ้วยรางวัลอื่นๆ อีก 2 รายการ คือ เอฟเอคัพ (2003-2004) และ ลีกคัพ (2005-2006) เท่านั้น โดยใน 2 ฤดูกาลหลัง เชลซีได้เข้ามามีบทบาทเด่นในฟุตบอลลีกเนื่องมาจากการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทำให้เชลซีมีงบประมาณซื้อตัวผู้เล่นไม่จำกัดและคว้าแชมป์ลีก 2 ปีติดต่อกัน

ต่อมาในปี 2006-2008 อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ผ่าตัดทีมใหม่อีกครั้ง โดยมีแกรี่ เนวิลล์ เป็นกัปตันทีมคนใหม่ที่รับตำแหน่งกัปตันแทน รอย คีน 11 ผู้เล่นของยูไนเต็ดมีความลงตัวกว่าปีที่ผ่านๆ มา ผู้เล่นที่โดดเด่นมี เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์ที่เป็นตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และกองหลังมีเนมานย่า วิดิช ผู้เล่นยอดเยี่ยมของเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกรและริโอ เฟอร์ดินานด์กองหลังค่าตัว 30 ล้านปอนด์เป็นแกนกลาง, ปีกซ้ายขวามี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกดาวรุ่งโปรตุเกสที่สืบทอดเสื้อหมายเลข 7 ต่อจากเดวิด เบ็คแฮม และนานี่ ปีกดาวรุ่งผู้เป็นตัวแทนของไรอัน กิ๊กส์ และกองหน้ามี เวย์น รูนีย์ ดาวยิงประตูที่มีค่าตัวถึง 27 ล้านปอนด์เป็นกำลังหลัก อเล็กซ์เฟอร์กูสันได้กล่าวว่าทีมชุดนี้เป็นชุดที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ชุดปี 1999, ซึ่งทีมชุดนี้สามารถนำแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง โดยการคว้าแชมป์ลีก 2 ปีติดต่อกันในปี 2006-2008 และการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2007-2008

[แก้] การเทคโอเวอร์ของมัลคอล์ม เกลเซอร์

ในวันที่12 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 (2005) มัลคอล์ม เกลเซอร์ นักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกาสามารถครอบครองในสโมสรเกินร้อยละ 70 หลังจากบรรลุข้อตกลงซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นเจ. พี. แมกมานัส และจอห์น แมกเนียร์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ร้อยละ 28.7 จาก และแฮร์รี่ ดอบสัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับสามชาวสกอต[4][5] ในวันที่ 16 พฤษภาคม เกลเซอร์ครอบครองหุ้นเกินร้อยละ 75 ซึ่งทำให้เขาสามารถนำสโมสรออกจากตลาดหลักทรัพย์ได้[6] แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนในวันที่ 22 มิถุนายน[7] เกลเซอร์สามารถครอบครองหุ้นร้อยละ 98 เป็นผลสำเร็จในวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งเกินระดับที่กำหนดให้บังคับซื้อหุ้นส่วนที่เหลือ[3] มัลคอล์ม เกลเซอร์แต่งตั้งลูกชายสามคนของเขาเข้าในคณะกรรมการบริหาร ผู้สนับสนุนจำนวนมากไม่พอใจการเข้าครอบครองกิจการของเกลเซอร์[8]

[แก้] ทีมงานประจำสโมสร

  • เจ้าของสโมสร – มัลคอล์ม เกลเซอร์
  • ประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ – มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด

บริษัท แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำกัด

  • ประธานสโมสร – โจเอล เกลเซอร์ / อาฟราม เกลเซอร์
  • ผู้อำนวยการ – ไบรอัน เกลเซอร์ / เควิน เกลเซอร์ / เอ็ดเวิร์ด เกลเซอร์ / แดร์ซี่ เกลเซอร์
  • ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร – เดวิด กิลล์
  • ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล - มิชาเอล บอลิ่งโบรค
  • ผู้อำนวยการด้านการค้า – ริชาร์ด อาร์โนล์ด

สโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • ผู้อำนวยการ – เดวิด กิลล์ / ไมเคิ่ล เอ็ดเดลสัน / เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน / มัวร์ริซ วัตกินส์
  • เลขานุการสโมสร – เคน แรมสเดน
  • ผู้ช่วยเลขานุการสโมสร – เคน เมอร์เรตต์
  • ผู้จัดการทีม – เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
  • ผู้ช่วยผู้จัดการทีม – คาร์รอส เคยรอซ
  • ผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ – ไมค์ ฟีแลน
  • ผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ (กองหน้า) – โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
  • ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู – ริชาร์ด แฮร์ติส
  • ผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส – โทนี่ สตรั๊ดวิค
  • ผู้ฝึกสอนด้านพละกำลังและสุขภาพ – มิกก์ เคลกก์
  • รักษาการผู้ฝึกสอนทีมสำรอง – ไบรอัน แมคแคลร์
  • ผู้ฝึกสอนด้านการพัฒนาทักษะและเทคนิค – เรอเน่ มิวเลอสทีน
  • หัวหน้าแมวมอง - จิม ลอว์เลอร์
  • หัวหน้าแมวมองภาคพื้นยุโรป – มาร์ติน เฟอร์กูสัน
  • ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเยาวชน – ไบรอัน แมคแคลร์
  • ผู้อำนวยการฟุตบอลเยาวชน – จิมมี่ ไรอัน
  • แพทย์ประจำสโมสร – ดร.สตีฟฟ์ แมคนัลลี่
  • ผู้ช่วยแพทย์ประจำสโมสร – ดร.โทนี่ กิลล์
  • นักกายภาพบำบัดทีมชุดใหญ่ – ร็อบ สไวร์

[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

เบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ
1 Flag of the Netherlands GK เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
2 Flag of อังกฤษ DF แกรี่ เนวิลล์ (กัปตัน)
3 Flag of ฝรั่งเศส DF ปาทริซ เอวรา
4 Flag of อังกฤษ MF โอเว่น ฮาร์กรีฟส์
5 Flag of อังกฤษ DF ริโอ เฟอร์ดินานด์
6 Flag of อังกฤษ DF เวส บราวน์
7 Flag of โปรตุเกส MF คริสเตียโน่ โรนัลโด้
8 Flag of บราซิล MF แอนเดอร์สัน
9 Flag of ฝรั่งเศส FW หลุยส์ ซาฮา
10 Flag of อังกฤษ FW เวย์น รูนีย์
11 Flag of เวลส์ MF ไรอัน กิ๊กส์ (รองกัปตัน)
12 Flag of อังกฤษ GK เบน ฟอสเตอร์
13 Flag of เกาหลีใต้ MF พาร์ค ชี-ซอง
15 Flag of เซอร์เบีย DF เนมานยา วิดิช
16 Flag of อังกฤษ MF ไมเคิล คาร์ริค
17 Flag of โปรตุเกส MF นานี่
18 Flag of อังกฤษ MF พอล สโคลส์
เบอร์ ตำแหน่ง รายชื่อ
21 Flag of the People's Republic of China FW ตง ฟาง โจว
22 Flag of Ireland DF จอห์น โอเชีย
23 Flag of ไอร์แลนด์เหนือ DF โจนาธาน อีแวนส์
24 Flag of สกอตแลนด์ MF ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์
25 Flag of อังกฤษ DF แดนนี่ ซิมพ์สัน
26 Flag of อังกฤษ DF ฟิล บาร์ดสลีย์
27 Flag of ฝรั่งเศส DF มิคาเอล ซิลแวสต์
28 Flag of อังกฤษ MF ดาร์รอน กิ๊บสัน
29 Flag of โปแลนด์ GK โทมัส คุสแซ็ค
30 Flag of อังกฤษ MF ลี มาร์ติน
32 Flag of อาร์เจนตินา FW คาร์ลอส เตเบซ
33 Flag of อังกฤษ MF คริส อีเกิ้ลส์
35 Flag of อังกฤษ DF คีแรน ลี
38 Flag of อังกฤษ GK โทมัส ฮีตัน
40 Flag of อังกฤษ DF อดัม เอ็กเคอร์สลี่ย์
41 Flag of เยอรมนี GK รอน โรเบิร์ต-ซีเลอร์
43 Flag of อังกฤษ MF Sam Hewson
46 Flag of อังกฤษ DF Richard Eckersley
47 Flag of อังกฤษ FW Danny Welbeck

[แก้] อดีตผู้เล่นที่โด่งดัง

  • Flag of อังกฤษ จอห์น แอสตัน
  • Flag of อังกฤษ จอห์น แอสตัน ซีเนียร์
  • Flag of อังกฤษ แกรี่ เบลี่ย์
  • Flag of อังกฤษ เดวิด เบ็คแฮม
  • Flag of อังกฤษ จอห์นนี เบอร์รี
  • Flag of อังกฤษ แจ๊คกี้ บลานซ์ฟลาวเลอร์
  • Flag of อังกฤษ สตีฟ บรู๊ซ
  • Flag of อังกฤษ Roger Byrne
  • Flag of อังกฤษ นิคกี้ บัตต์
  • Flag of อังกฤษ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
  • Flag of อังกฤษ Allenby Chilton
  • Flag of อังกฤษ แอนดรูว์ โคล
  • Flag of อังกฤษ สตีฟ คอปเปลล์
  • Flag of อังกฤษ ดันแคน เอ๊ดเวิร์ด
  • Flag of อังกฤษ บิลล์ โฟ้กส์
  • Flag of อังกฤษ Brian Greenhoff
  • Flag of อังกฤษ กอร์ดอน ฮิลล์
  • Flag of อังกฤษ พอล อินซ์
  • Flag of อังกฤษ ไบรอัน คิดด์
  • Flag of อังกฤษ ชาร์ลี มิตเท่น
  • Flag of อังกฤษ ฟิล เนวิลล์
  • Flag of อังกฤษ แกรี่ พัลลิสเตอร์
  • Flag of อังกฤษ พอล ปาร์คเกอร์
  • Flag of อังกฤษ สแตน เพียร์สัน
  • Flag of อังกฤษ David Pegg
  • Flag of อังกฤษ Charlie Roberts
  • Flag of อังกฤษ ไบรอัน ร็อบสัน
  • Flag of อังกฤษ Jack Rowley
  • Flag of อังกฤษ คีแรน ริชาร์ดสัน
  • Flag of อังกฤษ อลัน สมิธ
  • Flag of อังกฤษ ลี ชาร์ป
  • Flag of อังกฤษ เท็ดดี้ เชอริงแฮม
  • Flag of อังกฤษ Joe Spence
  • Flag of อังกฤษ อเล็กซ์ สเต็บนี่ย์
  • Flag of อังกฤษ น็อบบี้ สไตลส์
  • Flag of อังกฤษ ทอมมี เทย์เลอร์
  • Flag of อังกฤษ เดนนิส ไวโอเล็ต
  • Flag of อังกฤษ นีล เวบบ์
  • Flag of อังกฤษ เรย์ วิลกิ้นส์
  • Flag of อังกฤษ เดวิด โจนส์
  • Flag of อาร์เจนตินา ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
  • Flag of อาร์เจนตินา กาเบรียล ไฮน์เซ
  • Flag of อุรุกวัย ดิเอโก ฟอร์ลัน
  • Flag of บราซิล คเลแบร์สัน
  • Flag of แคเมอรูน เอริก เฌมบา-เฌมบ้า
  • Flag of the Czech Republic คาเรล โพบอร์สกี้
  • Flag of เดนมาร์ก เจสเปอร์ โอลเซ่น
  • Flag of เดนมาร์ก ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
  • Flag of เดนมาร์ก John Sivebæk
  • Flag of ฝรั่งเศส ฟาเบียง บาร์กเตซ
  • Flag of ฝรั่งเศส เอริค คันโตน่า
  • Flag of ฝรั่งเศส โลรองค์ บล็องค์
  • Flag of Ireland Shay Brennan
  • Flag of Ireland Johnny Carey
  • Flag of Ireland Tony Dunne
  • Flag of Ireland Johnny Giles
  • Flag of Ireland เดนิส เออร์วิน
  • Flag of Ireland รอย คีน
  • Flag of Ireland พอล แม็คกรัธ
  • Flag of Ireland เควิน มอแรน
  • Flag of Ireland Frank Stapleton
  • Flag of Ireland Liam Whelan
  • Flag of the Netherlands อาโนลด์ มูรห์เรน
  • Flag of the Netherlands รุด ฟาน นิสเตลรอย
  • Flag of the Netherlands ยาป สตัม
  • Flag of the Netherlands ไรมอนด์ ฟาน เดอร์ฮาว
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ จอร์จ เบสต์
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ Harry Gregg
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ Sammy McIlroy
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ Jimmy Nicholl
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ นอร์แมน ไวท์ไซด์
  • Flag of ไอร์แลนด์เหนือ รอย คาร์โรลล์
  • Flag of นอร์เวย์ เฮนนิ่ง เบิร์ก
  • Flag of นอร์เวย์ รอนนี่ ยอห์นเซ่น
  • Flag of นอร์เวย์ โอเล กุนนาร์ โซลชา
  • Flag of รัสเซีย อังเดร แคนเชลสกี้ส์
  • Flag of สวีเดน เจสเปอร์ บลอมควิสต์
  • Flag of สวีเดน เฮนริก ลาร์สสัน
  • Flag of สกอตแลนด์ อาเธอร์ อาบิสตัน
  • Flag of สกอตแลนด์ มาร์ติน บั๊คคั่น
  • Flag of สกอตแลนด์ แพ็ท ครีแรนด์
  • Flag of สกอตแลนด์ Alex Forsyth
  • Flag of สกอตแลนด์ เดวิด เฮิร์ด
  • Flag of สกอตแลนด์ Stewart Houston
  • Flag of สกอตแลนด์ โจ จอร์แดน
  • Flag of สกอตแลนด์ เดนิส ลอว์
  • Flag of สกอตแลนด์ จิม เลห์ตัน
  • Flag of สกอตแลนด์ ลู มาคาริ
  • Flag of สกอตแลนด์ ไบรอัน แม็คแคลร์
  • Flag of สกอตแลนด์ กอร์ดอน แม็คควีน
  • Flag of สกอตแลนด์ กอร์ดอน สตรั๊คคั่น
  • Flag of สกอตแลนด์ Sandy Turnbull
  • Flag of สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ควินตัน ฟอร์จูน
  • Flag of ตรินิแดดและโตเบโก ดไวท์ ยอร์ก
  • Flag of the United States ทิม ฮาวเวิร์ด
  • Flag of เวลส์ มาร์ก ฮิวจ์ส
  • Flag of เวลส์ บิลลี่ เมรีดิท
  • Flag of อิตาลี มัสซิโม่ ตาอิบี้
  • Flag of อิตาลี จูเซ็ปเป้ รอสซี่

[แก้] เกียรติประวัติ

ตัวเลขฤดูกาลตามปีค.ศ.

  • 1907-08, 1910-11, 1951-52, 1955-56, 1956-57, 1964-65, 1966-67, 1992-93, 1993-94, 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03, 2006-07, 2007-08
  • ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2
  • 1935-36, 1974-75
  • 1909, 1948, 1963, 1977, 1983, 1985, 1990, 1994, 1996, 1999, 2004
  • 1992, 2006
  • 1968, 1999, 2008
  • 1991
  • อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ: 1
  • 1999
  • ยูโรเปี้ยนซูเปอร์คัพ: 1
  • 1991
  • แชริตี้ชิลด์/คอมมูนิตี้ชิลด์: 16 (12 แชมป์เดี่ยว, 4 แชมป์ร่วม = *)
  • 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965*, 1967*, 1977*, 1983, 1990*, 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007
  • BBC Sports Personality of the Year Team Award
  • 1968 & 1999

[แก้] สถิติที่สำคัญของสโมสร

(สถิติล่าสุดเมื่อ 11 พฤษภาคม 2551)

[แก้] สถิติลงเล่นมากที่สุด

(สัญลักษณ์ ↓ แสดงถึงกำลังเล่นอยู่ในสโมสร)

อันดับ รายชื่อ ฤดูกาล ลงเล่น ประตู
1 Flag of เวลส์ ไรอัน กิ๊กส์↓ 1990 - ปัจจุบัน 759 144
2 Flag of อังกฤษ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน 1953 - 1973 758 249
3 Flag of อังกฤษ บิลล์ โฟ้กส์ 1950 - 1970 688 9
4 Flag of อังกฤษ พอล สโคลส์↓ 1993 - ปัจจุบัน 569 139
5 Flag of อังกฤษ แกรี่ เนวิลล์↓ 1992 - ปัจจุบัน 541 7
6 Flag of อังกฤษ Alex Stepney 1966 - 1978 539 2
7 Flag of Ireland Tony Dunne 1960 - 1973 535 2
8 Flag of Ireland เดนิส เออร์วิน 1990 - 2002 529 33
9 Flag of อังกฤษ Joe Spence 1919 - 1933 510 168
10 Flag of สกอตแลนด์ Arthur Albiston 1974 - 1988 485 7

[แก้] สถิติทำประตูสูงสุด

อันดับ รายชื่อ ฤดูกาล ลงเล่น ประตู
1 Flag of อังกฤษ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน 1953 - 1973 758 249
2 Flag of สกอตแลนด์ เดนิส ลอว์ 1962 - 1973 404 237
3 Flag of อังกฤษ แจ็ก โรว์ลีย์ 1937 - 1955 424 211
4= Flag of อังกฤษ เดนนิส ไวโอเล็ต 1949 - 1962 293 179
4= Flag of ไอร์แลนด์เหนือ จอร์จ เบสต์ 1963 - 1974 470 179
6 Flag of อังกฤษ Joe Spence 1919 - 1933 510 168
7 Flag of เวลส์ มาร์ก ฮิวจ์ส 1980 - 1986, 1988 - 1995 467 163
8 Flag of the Netherlands รุด ฟาน นิสเตลรอย 2001 - 2006 219 150
9 Flag of อังกฤษ Stan Pearson 1935 - 1954 343 148
10 Flag of สกอตแลนด์ เดวิด เฮิร์ด 1961 - 1968 265 145

[แก้] สถิติของสโมสร

  • ชัยชนะฟุตบอลลีกสูงสุด - 10 - 1 - 15 ตุลาคม 1892 - ฟุตบอลดิวิชัน 1 แข่งกับ วูลฟ์
  • ชัยชนะฟุตบอลพรีเมียร์สูงสุด - 9 - 0 - 4 มีนาคม 1995 - ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แข่งกับ อิปสวิชทาวน์
  • ชัยชนะฟุตบอลถ้วยสูงสุด - 10 - 0 - 26 กันยายน 1956 - ฟุตบอลยูโรเปียนส์คัพ แข่งกับ Anderlecht
  • ชัยชนะในบ้านสูงสุด - 10 - 0 - 26 กันยายน 1956 - ฟุตบอลยูโรเปียนส์คัพ แข่งกับ Anderlecht
  • ชัยชนะนอกบ้านสูงสุด - 8 - 1 - 6 กุมภาพันธ์ 1999 - ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แข่งกับนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์
  • แพ้สูงสุด - 0 - 7 - ปี 1926 - ฟุตบอลดิวิชัน 1 แข่งกับ แข่งกับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
  • แพ้สูงสุด - 0 - 7 - ปี 1930 - ฟุตบอลดิวิชัน 1 แข่งกับ แข่งกับ แอสตันวิลลา
  • แพ้สูงสุด - 0 - 7 - ปี 1931 - ฟุตบอลดิวิชัน 2 แข่งกับ แข่งกับ วูลฟ์
  • ผู้เข้าชมสูงสุด - 75,595 คน - 17 กันยายน 2006 - ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แข่งกับอาร์เซนอล
  • ยอดเงินค่าเข้าชมสูงสุด - 576,494 ปอนด์ - 11 มีนาคม 1996 - ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 6 แข่งกับเซาท์แทมป์ตัน
  • ชนะติดต่อกันนานสุด - 45 นัด จากวันที่ 24 ธันวาคม 1998 - 3 ตุลาคม 1999 โดยแพ้ให้กับ เชลซี
  • แต้มสูงสุดในฤดูกาล - 92 แต้ม - 42 นัด ฤดูกาล 1993/94
  • นักฟุตบอลที่ลงเล่นมากสุด - 754 นัด - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
  • นักฟุตบอลที่ลงเล่นในบอลลีกมากที่สุด - 606 นัด - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
  • ยิงประตูสูงสุด - 247 ประตู - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
  • ยิงประตูในฟุตบอลลีกสูงสุด - 199 ประตู - บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
  • ยิงประตูสูงสุดในหนึ่งฤดูกาล - 46 ประตู - เดนิส ลอว์ ฤดูกาล 1963-64
  • ยิงประตูสูงสุดในฟุตบอลลีกหนึ่งฤดูกาล - 32 ประตู - เดนนิส ไวโอเล็ต ฤดูกาล 1959-60
  • ยิงประตูสูงสุดในหนึ่งนัด - 6 ประตู - 7 กุมภาพันธ์ 1970 - จอร์จ เบสต์ นัดแข่งกับ นอร์ทแธมป์ตันทาวน์
  • ยิงประตูสูงสุดในการแข่งขันยูฟ่า - 38 ประตู - รุด ฟาน นิสเตลรอย
  • ผู้เล่นที่ติดทีมชาติมากสุด - 129 นัด - ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล - ทีมชาติเดนมาร์ก
  • ทำประตูได้เร็วที่สุด - 15 วินาที - ไรอัน กิ๊กส์ - 18 พฤศจิกายน 1995 นัดที่แข่งกับ เซาท์แทมป์ตัน
  • ผู้เล่นซื้อเข้ามายังสโมสรที่มีราคาสูงที่สุด - ริโอ เฟอร์ดินานด์ จากสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 30.1 ล้านปอนด์
  • ผู้เล่นขายออกไปจากสโมสรที่มีราคาสูงที่สุด - เดวิด เบ็คแฮม ไปสโมสรเรอัล มาดริด (สเปน) 25 ล้านปอนด์

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ WHO'S THE GREATEST?, 4thegame.com, 27 กรกฎาคม 2544 (อังกฤษ)
  2. ^ European Football Statistics (อังกฤษ)
  3. ^ 3.0 3.1 Glazer gets 98% of Man Utd shares บีบีซีนิวส์ 28 มิถุนายน 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550 (อังกฤษ)
  4. ^ Glazer wins control of Man United บีบีซีนิวส์ 12 พฤษภาคม 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550 (อังกฤษ)
  5. ^ Tycoon seizes control of Man Utd, ซีเอ็นเอ็น 12 พฤษภาคม 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550 (อังกฤษ)
  6. ^ Glazer Man Utd stake exceeds 75% บีบีซีนิวส์ 16 พฤษภาคม 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550 (อังกฤษ)
  7. ^ Man Utd shares leave stock market บีบีซีนิวส์ 22 มิถุนายน 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550 (อังกฤษ)
  8. ^ Fans rage at Glazer takeover move บีบีซีนิวส์ 13 พฤษภาคม 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 23-05-2550

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

  • ManUtd.com เว็บไซต์สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ (อังกฤษ)
  • Red Army Fanclub ชมรม Red Army Fanclub
  • Thaimanutd.com เว็บไซต์แฟนคลับแมนฯยูไนเต็ด
  • Manuclub.com เว็บไซต์แฟนคลับแมนฯยูไนเต็ด


อังกฤษ พรีเมียร์ลีก (ฤดูกาล 2007-08)

อาร์เซนอล | แอสตันวิลลา| เบอร์มิงแฮมซิตี | แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส | โบลตันวันเดอเรอร์ส | เชลซี | ดาร์บี้ เคาน์ตี้ | เอฟเวอร์ตัน | ฟูแลม | ลิเวอร์พูล | แมนเชสเตอร์ซิตี | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | มิดเดิลสโบรช์ | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | ปอร์ทสมัธ | เรดดิง | ซันเดอร์แลนด์ | ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ | เวสต์แฮมยูไนเต็ด | วีแกนแอทเลติก |

จี-14

Flag of สเปน บาร์เซโลนา Flag of เยอรมนี บาเยิร์นมิวนิก Flag of สเปน บาเลนเซีย Flag of เยอรมนี โบรุสเซียดอร์ทมุนด์

Flag of เยอรมนี ไบเยอร์เลเวอร์คูเซน Flag of โปรตุเกส ปอร์โต Flag of ฝรั่งเศส ปารีส แซงต์ แชร์กแมง Flag of the Netherlands พีเอสวี ไอน์โฮเฟน

Flag of ฝรั่งเศส มาร์เซ Flag of อิตาลี เอซี มิลาน Flag of อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด Flag of อิตาลี ยูเวนตุส Flag of สเปน เรอัลมาดริด

Flag of อังกฤษ ลิเวอร์พูล Flag of ฝรั่งเศส ลียง Flag of the Netherlands อาแจ๊กซ์ Flag of อังกฤษ อาร์เซนอล Flag of อิตาลี อินเตอร์นาชีโอนาเล


aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -