วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พิธีตื่นเฝ้า ตามธรรมเนียมแต่โบราณ คืนนี้เป็นคืนพิเศษ ถวายเป็นเกียรติ แด่พระเจ้า (อพย. 12:42) เป็นคืนที่บรรดาสัต บุรุษปฏิบัติตาม คำตักเตือนของพระวรสาร (ลก.12:35-38) ถือเทียนจุดอยู่ในมือ เหมือนคนใช้ที่คอยนายกลับมา เมื่อนายกลับ จะได้พบเขาตื่นคอยอยู่ แล้วจะจัดให้เขานั่งกินเลี้ยงที่โต๊ะของนาย
พิธีตื่นเฝ้าเริ่มด้วย พิธีแสงสว่าง(ซึ่งเป็นภาคที่ 1 ของพิธีตื่นฝ้า) แล้วพระศาสนจักรพิจารณาคำนึงถึงกิจการอัน น่าพิศวงที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ตั้งแต่ปฐมกาล ด้วยความเชื่อมั่นในพระวาจาและพระสัญญาของพระองค์
(ภาคที่ 2 หรือวจนพิธีกรรม) เมื่อใกล้จะถึงเวลาพระคริสตเจ้ากลับคืนชีพ พระศาสนจักรก็ได้รับเชิญร่วมกับบรรดาสมกชิกที่บัง เกิดใหม่ด้วยศีลล้าง (ภาคที่ 3) ให้เข้าไปยังโต๊ะที่พระคริสตเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับประชากรของพ ระองค์ด้วยการสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ (ภาคที่ 4)
พิธีแสงสว่าง เสกเทียนและไฟปัสกา มีการเตรียมกองไฟไว้นอกวัด และปิดไฟในวัด พระสงฆ์ทำพิธีเสกไฟ สวดว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ประทานไฟอันสว่างสุกใสของพระองค์ให้แก่สัตบุรุษ โดยทางพระบุตร ขอได้โปรดประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ไฟใหม่นี้และโปรดให้งานสมโภชปัสกาบันดาลให้ข้าพเจ้าท้งหลายมีใจเร่าร้อนไปด้วยความปรารถนาถึงสิ่งของในสวรรค์ เพื่อจะสามารถบรรลุถึงงานสมโภชอันสว่างโชติช่วงทั้งชั่วนิรันดร ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระสงฆ์ขีดสัญญาลักษณ์บนเทียนปัสกาที่จุด แล้วเขียนอักษรกรีก อัลฟา ด้านเหนือกางเขน อักษร โอเมกา ใต้กางเขน กับเขียนตัวเลขสี่ตัวที่บอกปีคริสต์ศักราชปัจจุบันลงในช่องสี่ช่อง พลางกล่าวว่า 1.พระคริสตเจ้า ในอดีตและปัจจุบัน 2.ทรงเป็นป ฐมและอวสาน 3. ทรงเป็นอัลฟา 4. และโอเมกา 5. ทรงเป็นเจ้าของเวลา 6. และศตวรรษทั้งสิ้น 7. ขอพระองค์จงได้รับพระเกียรติรุ่งโรจน์ และอำนาจเกรียงไกร 8.ตลอดชั่วอายุขัย และตลอดนิรันดร อาแมน
พระสงฆ์นำกำยานห้าเม็ดติดบนเทียนเป็นรูปกางเขน โดยกล่าวระหว่างนั้นว่า 1. ขอพระคริสตเจ้า 2. ทรงพิทักษ์ 3. และรักษาข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ 4. ด้วยรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ 5. อันทรงเกรียรติของพระองค์ จุดเทียนปัสกา จากไฟที่เพิ่งเสก พลางสวดว่า "ขอให้ความสว่างของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพอย่างทรงเกียรติ รุ่งโรจน์ขจัดความมืดมนในจิตใจของชาวเราให้หมดสิ้นไปเทอญ"
พระสงฆ์ถือเทียนปัสกาชูขึ้นขับร้องครั้งที่ 1 ว่า "พระคริสตเจ้า องค์ความสว่างของชาวเรา" ทุกคนตอบว่า "ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า" พระสงฆ์ ถือเทียน นำทุกคน เข้าไปที่ประตูวัด ชูเทียนขึ้น แล้วขับร้องครั้งที่ 2 ว่า "พระคริสตเจ้า องค์ความสว่างของชาวเรา" ทุกคนตอบว่า "ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า" ทุกคนจุดเทียน จากเทียนปัสกา พระสงฆ์เดินนำสัตบุรุษเข้าวัด เมื่อถึงหน้าแท่น ชูเทียนขึ้น แล้วขับร้องครั้งที่ 3 ว่า "พระคริสตเจ้า องค์ความสว่างของชาวเรา" ทุกคนตอบว่า "ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า" เปิดไฟฟ้าในโบสถ์ พระสงฆ์วางเทียนปัสกา บนเชิงเทียน ถวายกำยาน และประกาศสมโภชปัสกา
วจนพิธีกรรม การอ่านพระคัมภีร์ ในภาควจนพิธีกรรม ในพิธีตื่นเฝ้านี้ ถือเป็นพิธีตื่นเฝ้าที่สำคัญ มีการแนะนำให้อ่านบทอ่าน 3 บทจาก หนังสือพันธสัญญาเดิม และ 2 บทจากหนังสือพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คริสตชนไตร่ตรองชีวิตของตนเอง ถ้าการทำงานของพระเจ้า ตั้งแต่ในพันธสัญญาเดิม ต่อชีวิตเรามนุษย์ในโลก และการกระทำอย่างต่อเนื่อง จนบังเกิดผลสมบูรณ์ ในองค์พระคริสตเจ้าผู้กลับคืนชีพ ซึ่งจะกระทำต่อมาจนเป็นชีวิตของเราแต่ละคนในทำนองเดียวกัน
เมื่อจบบทอ่านที่ 7 ในพันธสัญญาเดิม พร้อมบทภาวนาที่กำกับบทอ่านแล้ว ผู้ช่วยพิธีกรรมจะจุดเทียนบทแท่น สั่นกระดิ่ง และย่ำระฆัง พร้อม ๆ กับขับร้องบทพระสิริรุ่งโรจน์
พิธีเสกนำล้างบาป ในกรณีที่มีพิธีล้างบาป จะมีการภาวนาในบทเร้าวิงวอน ต่อนักบุญทั้งหลาย สำหรับผู้รับศีลล้างบาป ก่อนพิธีเสกน้ำล้างบาป
พิธีเสกน้ำล้างบาป พระสงฆ์ภาวนา กล่าวถึงพระจิต ก็อยู่เหนือน้ำในตอนแรกสร้างโลก กล่าวถึงน้ำวินาศ ว่าเป็นรูปหมายถึงการบังเกิดใหม่ด้วยศีลล้างบาป และจุดจบของความชั่วร้าย กล่าวถึงบุตรหลายอัมบาฮัม เดินผ่านทะเลแดง บนทางแห้ง ซึ่งเป็นรูปหมายถึงประชากรที่ได้รับศีลล้างบาป กล่าวถึงการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้า จากท่านยอห์น ที่แม่น้ำจอร์นแดน กล่าวถึงน้ำที่ไหลออกจากสีข้าง พร้อมโลหิตบนไม้กางเขน กล่าวถึงการส่งบรรดาศิษย์ให้ไปสั่งสอนนานาชาติ และล้างบาปในนามของพระบิ ดา พระบุตร และพระจิต แล้วถึงภาวนาเสก ขอให้น้ำนี้ได้รับพระหรรษทานของพระบุตร จากองค์พระจิตเจ้า เพื่อชำระล้างมนุษย์ ให้หลุดพ้นจากมลทินด้วยศีลล้างบาป จากนั้นพระสงฆ์นำเทียนปัสกาจุ่มในน้ำที่เสก ภาวนาว่า "เพื่อให้ทุกคนที่ฝังในความตายพร้อมกับพระคริสตเจ้า ด้วยศีลล้างบาป ได้กลับคืนชีพมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ท่านด้วย ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย" เสร็จแล้วเป็นพิธีรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป (ถ้ามีผู้รับศีลล้างบาป พระสงฆ์จะทำพิธีล้างบาป) พระสงฆ์เอาน้ำเสกพรตสัตบุรุษ จบด้วยภาวนาเพื่อมวลชน
ภาคบูชาขอบพระคุณ เริ่มด้วยพระสงฆ์เดินไปยังแท่นบูชา แล้วเริ่มภาคบูชาขอบพระคุณ ควรให้ผู้รับศีลล้างบาปใหม่ เป็นผู้นำปังและเหล้าองุ่นมายังพระแท่นบูชา พระสงฆ์เสกศีลมหาสนิท รับศีลมหาสนิทตามลำดับ
ข้อพึงปฏิบัติ ทุกครั้งที่ชีวิตประสบความยากลำบาก หรือวิกฤตการต่าง ๆ เราควรหยุดฟังพระวาจาของพระเป็นเจ้า เพื่อให้ พระวาจาแต่ละคำ เป็นแสงสว่างนำเราให้หลุดพ้นจากวิกฤติและความยุ่งยากของชีวิต เราควรรื้อฟื้นคำมั่นสัญญา แห่ศีลล้างบาป เสมอ ๆ ว่า เราจะละทิ้งปีศาจ และกิจการชั่วร้ายของมัน และเชื่อใน พระเยซูคริสตเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิท เราพึงเตือนตนเองเสมอว่า พระเยซูในศีลมหาสนิท คือองค์พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ ทรงร่วมอยู่ในชีวิตของเรา เพื่อทำให้เรามีชีวิตใหม่พร้อม กับพระองค์เสมอ
ที่มา www.catholic.or.th
