โอดะ โนบุนากะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- ชื่อของบุคคลนี้ที่แสดงเป็นชื่อบุคคลญี่ปุ่น ซึ่งเรียงโดยใช้นามสกุลนำหน้าชื่อ
โอดะ โนบุนากะ ฟังเสียง (「織田 信長」 Oda Nobunaga?, 23 มิถุนายน พ.ศ. 2077 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2125) เป็น ไดเมียว คนสำคัญใน ยุคเซงโงกุ ใน ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
เนื้อหา |
[แก้] ยุคก่อนสงครามยุคเซงโงกุ
ญีปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1500 - 1700 เกิดสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ประเทศชาติมีแต่ความหายนะ อำนาจของ โชกุน ผู้ปกครอบประเทศถูกแก่งแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ทำให้โชกุนในสมัยนั้นคือ "ตระกูล อะชิคางะ" ถูกแย่งชิงอำนาจการปกครอง ทำให้บรรดาไดเมียวทั้งหลายที่ปกครองหัวเมืองต่าง ๆ พากันกระด้างกระเดื่อง ประกาศตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับการปกครองของโชกุนทำให้ญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นก้าวเข้าสู่สภาวะ สงครามกลางเมือง ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 200 ปี
ในยุคเซงโงกุ ในช่วงมืดของญี่ปุ่นได้มีขุนพลนักรบผู้หนึ่งเป็นผู้ผลิกผันโฉมหน้า ประวัติศาสตร์ ของญี่ปุ่น โอดะ โนบุนากะ ก้าวขึ้นมามีอำนาจเหนือสุด เป็นผู้คุมประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงระหว่างสงคราม
[แก้] ประวัติ
โอดะ โนบุนากะ เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองโอวาริ โอดะ โนบุฮิเดะ ในปี ค.ศ. 1534 มีนามเดิมว่า โอดะ คิปโปชิ เป็นบุตรชายคนรองของตระกูล ได้ปกครองเมืองโอวาระต่อจากบิดา ควบคุมและปราบบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาขึ้นครอบครองเมืองต่อจากบิดาในปี ค.ศ. 1559 เมื่ออายุ 15 ปี
ในปี ค.ศ. 1549 อิมากาว่า โยชิโมโตะ ไดเมียว ผู้ครองเมืองมิคะวา นำกองกำลังทหารจำนวนมากเข้าบุกโจมตีเมืองโอวาริ แต่ถูก โอดะ โนบุนากะ ตีกองทัพแตกกระจายและชัยชนะในการทำศึกครั้งนั้น ทำให้ชื่อเสียงของ โอดะ โนบุนากะ ลือกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดิน และในปี ค.ศ. 1560 โอดะ โนบุนากะ ได้ผูกสัมพันธ์กับไดเมียวในตระกูลต่าง ๆ และยกกองกำลังของตนเข้าทำ สงคราม กับไดเมียวที่ไม่ยอมผู้สัมพันธ์ด้วย หลังจากได้รับชัยชนะในการทำสงครามที่เมืองอินาบะยามะ อำนาจและบารมีของตระกูลโอดะก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น ผู้คนต่างพากันเกรงขามตระกูลโอดะ แม้แต่องค์ จักรพรรดิ์ โกะโยเซอิ ถึงกับส่งพระราชสารถึง โอดะ โนบุนากะ ในปี ค.ศ. 1567 เพื่อช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากอำนาจของตระกูลอาชิคางะ และช่วยคืนอำนาจการปกครองให้แก่พระองค์
หลังจากได้รับการร้องขอจากองค์จักรพรรดิ์ โอดะ โนบุนากะ ยอมเข้าช่วยเหลือโดยการยกกองกำลังโจมตี เมืองหลวง ขององค์จักรพรรดิ์ จับกุมตัวโชกุน อาชิคางะ โยชิอากิ และบีบบังคับให้เป็นหุ่นเชิดของตนเอง ซึ่งจากความดีความชอบในครั้งนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิ์พระราชทานรางวัลให้แก่ โอดะ โนบุนากะ แต่งตั้งให้เขาเป็น ไนไดจิน หรือเอกอัครมหาเสนาบดี มีอำนาจเป็นอย่างมาก โอดะ โนบุนากะ เป็นไนไดจิน จนถึงปี ค.ศ. 1573 อาชิคางะ โยชิอากิ หุ่นเชิดของ โอดะ โนบุนากะ คิดกระด้างกระเดื่อง ทรยศต่อ โอดะ โนบุนากะ จึงถูกจับตัวมาลงโทษและขับไล่ออกจากเมืองหลวง เป็นอันสิ้นสุดอำนาจการปกครองภายใต้การปกครองของโชกุน อาชิคางะ โยชิอากิ ที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 200
[แก้] การปกครอง
โอดะ โนบุนากะ เป็นผู้เริ่มก่อตั้ง "กองกำลังทหารอาชิคารุ" ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่น ๆ กองกำลังของ โอดะ โนบุนากะ จึงเป็นกองทัพที่มาจากชาวบ้านธรรมดา ไม่เหมือนกองกำลังอื่น ๆ ของไดเมียวที่มีแต่ ซามูไร จำนวนมาก
กองกำลังอาชิคารุ แม้จะมาจากชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าพวกเขามาด้วยใจที่รักบ้านเมือง แตกต่างจากซามูไรที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองกองกำลังอาชิคารุนั้น ก็มีศักยภาพในการทำสงครามไม่แพ้พวกซามูไร แต่ก็แตกต่างกับซามูไรผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ที่ยอมพลีชีพในสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ถ้าถูกจับตัวได้จะไม่มีการซัดทอดโดยเด็ดขาด ยอมแม้แต่จะ ฮาราคีรี ตัวเองเพื่อไม่ต้องตายโดยน้ำมือผู้อื่น
กองกำลังอาชิคารุอาจจะพ่ายแพ้ สงคราม บ้างในครั้งคราวเพราะความกลัวตาย ทำให้ โอดะ โนบุนากะ ต้องวางแผนในการทำสงครามใหญ่ ในระหว่างนั้นมีชาว โปรตุเกส เข้ามาติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่น และเผยแผ่ ศาสนาคริสต์ และ ปืน อาวุธที่ชางโปรตุเกสนำมาด้วย หลังจากได้ศึกษาปืนของชาวโปรตุเกสแล้ว โอดะ โนบุนากะ มองเห็นว่าอาวุธชนิดนี้สามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งให้แก่ตนได้
ในปี ค.ศ. 1544 โอดะ โนบุนากะ ก็สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นแกะและสร้างปืนตามแบบฉบับของชาวโปรตุเกส โดยก่อตั้งโรงงานผลิตอาวุธขึ้น สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นผลิตปืนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อไดเมียวทั้งหลาย เห็นศักยภาพอาวุธปืนของ โอดะ โนบุนากะ ต่างพากันหันมาเปลี่ยนอาวุธจากเดิมคือ ดาบ หรือ ธนู, ธนูเพลิง มาเป็นอาวุธปืนเช่นเดียวกับ โอดะ โนบุนากะ แทบทั้งสิ้น เพราะอาวุธปืนนั้นสามารถฝึกฝนการใช้งานได้อย่างง่าย ไม่เหมือนกับดาบหรือธนูที่ต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนอย่างยาวนาน
แม้นศัตรูอย่าง อาชิคางะ โยชิอากิ อดีตโชกุนผู้เป็นหุ่นเชิดของ โอดะ โนบุนากะ จะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ โอดะ โนบุนากะ กลับยังมีศัตรูจำนวนมากที่เป็นปรปักษ์กับเขา หนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของ โอดะ โนบุนากะ คือ พระ นักพรต และ นักรบ พระนักรบและนักพรตจำนวนมาก ต่อต้านและท้าทายอำนาจของ โอดะ โนบุนากะ เขาทำ สงคราม กวาดล้างพระนักรบหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการรบกันระหว่างพระนักรบและ โอดะ โนบุนากะ ครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การบุกเข้าทำลายล้าง สำนักสงฆ์ ของพระนักรบบนเทือกเขาฮิเออัน ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธสถานที่เก่าแก่ มีอายุหลายพันปี
ในการทำสงครามกวาดล้างสำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ โอดะ โนบุนากะ สั่งการให้กองกำลังทหารจำนวนมากกว่า 30,000 นาย เข้าโอบล้อมเทือกเขาฮิเออันก่อนจะตีโอบตะลุยขึ้นไปยังวัดซากาโมโตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ และเป็นจุดศูนย์กลางของพระนักรบ และการกวาดล้างพระนักรบในครั้งนี้เองที่ โอดะ โนบุนากะ ได้แสดงความโหดร้ายออกมาอย่างชัดเจน เขาออกคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาฮิเออันจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็กทารก สั่งให้กองกำลังทหารของตน เผาทำลายบ้านเรือนทุกหลังจนวอดวาย แลคำสั่งให้กองกำลังทหารของเขาบุกโจมตีพระพุทธสถานแห่งอื่น ๆ ที่มีทีท่าว่าจะก่อการกบฎต่อเขา
จากการทำสงครามกับสำนักสงฆ์ โอดะ โนบุนากะได้แสดงความเหี้ยมโหดออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่ว ถึงกะนั้น โอดะ โนบุนากะ ก็ยังคงเป็นขุนพลนักรบที่มีวัสัยทัศน์กว้างไกล เขาไม่ได้ทำลายเมืองซาไก ซึ่งเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นอกจากไม่ทำลายแล้วยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือแก่บรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ประกอบการค้าขายรายใหญ่ ๆ ของเมืองซาไก เขาวางรากฐานของการค้าและเศรษฐกิจอย่างดี โดยให้สิทธิพิเศษแก่พ่อค้าแม่ค้าในด้านภาษีอากร ควบคุมการชั่ง การตวง และวัดสิ่งของให้ได้ตามระบบมาตรฐานของประเทศ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นในขณะนั้นไม่ได้มีแต่ด้านมืดด้านเดียวอย่างที่ควรจะเป็น โอดะ โนบุนากะ อาจจะดูโหดร้าย สร้างศัตรูไว้มากมาย แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชน จวบจนวาระสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนสนิทของเขาเอง อะเคจิ มัตสึฮิเดะ
[แก้] สิ้นสุดการปกครอง
โอดะ โนบุนากะ ครองอำนาจในสมัยเอโดะยาวนานกว่า 48 ปี ก็ถึงคราวสูญสิ้นอำนาจ โดยถูก อะเคจิ มิตสึฮิเดะ นายทหารแม่ทัพคนสนิทของ โอดะ โนบุนากะ เป็นผู้สังหารเนื่องจากได้รับความอับอายจากโอดะ โนบุนากะต่อหน้านายทหาร
ในปี ค.ศ. 1582 เกิดสงครามที่คิวชู โอดะ โนบุนากะ จึงส่งกองกำลังทหารจาก เกียวโต ไปทำ สงครามระหว่างทาง อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ได้ตลบหลัง โอดะ โนบุนากะ นำกำลังทหารของตนเองย้อนกลับมายังปราสาทอชิซึ เพื่อล้างแค้นความอับอายขายหน้าที่ โอดะ โนบุนากะ ได้สร้างไว้แก่ตน
อะเคจิ มิตสึฮิเดะ คุมกองกำลังทหารจำนวนมาก เข้าตีโอบล้อม โอดะ โนบุนากะ ที่เดินทางออกจากปราสาทอชิซึ ไปพักอยู่ที่วัดฮอนโน จากการถูกตลบย้อนหลังด้วยนายทหารคนสนิท ทำให้ โอดะ โนบุนากะ โกรธแค้นและด้วยศักดิ์ศรีของโอดะ โนบุนากะ ยอมทำ ฮาราคีรี หรือการคว้านท้องตนเองเพื่อไม่ให้ชีวิตของตนต้องถูกผู้อื่นประหาร เป็นการปิดฉากนักรบผู้เป็นตำนานของญี่ปุ่นอย่างสมศักดิ์ศรี
อะเคจิ มิตสึฮิเดะ นำกองกำลังทหารย้อนกลับไปยังปราสาทนิโจซึ่ง โอดะ โนบุทาดะ ผู้เป็นบุตรชายของ โอดะ โนบุนากะ และบุกทำลายล้างปราสาทนิโจก่อนจะสังหาร โอดะ โนบุทาดะ เสียชีวิต สิ้นสุดการปกครองอำนาจของตระกูล โอดะ ที่ยังไม่สามารถปฏิบัติภารกิจสำคัญในการรวบรวมประเทศญี่ปุ่น หลังจากล้มล้างทำลายตระกูโอดะ สำเร็จแล้ว อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ก็ถูกลอบสังหารเช่นเดียวกันจากกองกำลังทหารและนักรบซามูไรของตระกูลโอดะ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ นายทหารคนสนิทของ โอดะ โนบุนากะ อีกคนที่นำกองกำลัง ทหาร มาล้างแค้นให้แก่นายของเขา โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ สังหาร อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ที่เมืองยามาซากิ ก่อนจะเป็นผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นต่อจากนายของเขา โอดะ โนบุนากะ
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น