เลอกอร์บูซีเย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เลอกอร์บูซีเย (Le Corbusier) มีชื่อจริงว่า ชาร์ล-เอดูอาร์ ชานเร (Charles-Edouard Jeanneret) เป็นสถาปนิก นักวางผังเมือง และจิตรกรชาวฝรั่งเศส เกิดที่เมืองโช-เดอ-ฟง (Chaux-de-Fonds) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1887 เสียชีวิตในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1965 เขาได้คิดค้นระบบของสัดส่วน ของการออกแบบทางสถาปัตยกรรม - Modulor ซึ่งกำหนดจากพื้นฐานของสัดส่วนมนุษย์ จากความสูง 1,829 มิลลิเมตร
ชื่อ กอร์บูซีเย เป็นฉายาที่ตั้งขึ้นเองแปลว่า "อีกา"
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
เลอกอร์บูซีเย (1887-1965) เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1887 ที่เมืองโช-เดอ-ฟงซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่นั่นเป็นศูนย์กลางของการทำนาฬิกา พ่อเป็นคนสลักและลงยาหน้าปัดนาฬิกา ส่วนแม่เป็นครูสอนเปียโน
พออายุได้ 13 ปี เขาออกจากกิจการของครอบครัวออกเที่ยวไปในยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน ไปอยู่ปารีสและได้ทำงานกับออกุสต์ แปเร ต่อจากนั้น ไปอยู่เยอรมันไปเป็นผู้ช่วยเบเริน และกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนโช-เดอ-ฟง เขาได้ไปทำงานเป็นจิตรกรที่ปารีส และได้ทำงานด้านผังเมือง ได้สร้างเมืองใหม่จัณฑีครห์ (Chandigarh) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย
ในปี 1913 ไปอยู่ปารีส ซึ่งในขณะนั้นเป็นศูนย์กลางของศิลปะบาศกนิยม (cubism) และลัทธิเหนือจริง (surrealism) ต่อมาในปี 1930 ได้โอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติฝรั่งเศส และเขาได้เสียชีวิตขณะว่ายน้ำเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1965
[แก้] แนวความคิดในการออกแบบ
ตัวเขาไปสร้างศิลปะแบบพิสุทธินิยม (purism) โดยยึดถือความคิดเกี่ยวกับรูปทรงอย่างเดียว พร้อมกับคำพูดของเขาที่ว่า “a house is a living in“ หมายความว่า บ้านพักอาศัยควรสนองประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง กอร์บูซีเยมองเห็นว่า บ้านนั้นเป็นผลิตผลของผู้บริโภคเหมือนกับรถยนต์ ซึ่งผลิตชิ้นส่วนออกมาจากโรงงานและด้วยการผลิตทางอุตสาหกรรมนี้ บ้านก็ควรมีชิ้นส่วนที่ผลิตออกมาจากโรงงาน (แล้วเลื่อนออกมาตามสายพานเหมือนชิ้นส่วนของรถยนต์) และด้วยหลักการนี้ก็เข้าครอบงำสถาปนิกตั้งแต่นั้นมา ความจริงแล้วกอร์บูซีเยได้แรงบันดาลใจจากภาพจำลองของเครื่องจักรและอาศัยสิ่งเหล่านี้ไปสร้างสรรค์กระบวนแบบใหม่ ๆ ซึ่งไม่มีการเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม บ้านของเขาก็ดูคล้าย ๆ เครื่องจักร แต่ละส่วนแสดงออกอย่างชัดแจ้งเหมือนชิ้นส่วนของเครื่องจักร ปล่องระบายอากาศบนหลังคาก็ดูคล้ายปล่องเรือกลไฟ บ้านที่รู้จักกันดีก็คือ วีลาซาวัว (Villa Savoye) นอกกรุงปารีส ซึ่งถูกเปรียบเทียบกับเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งอยู่บนภูมิทัศน์ที่เกี่ยวเนื่องกับคติทางคลาสสิกและยุคเครื่องจักรกล กอร์บูซีเยเป็นผู้สนับสนุนความคิดแบบอนาคตนิยม โดยการแสดงออกให้เห็นสังคมใหม่แทนที่จะให้สถาปัตยกรรมเป็นผู้กำหนดโลกใหม่ เขากลับมีความต้องการที่จะออกแบบสังคมใหม่ด้วยจินตนาการของเขาเอง
กอร์บูซีเยได้เปลี่ยนกระบวนแบบของเขา หลังสงครามเขาก็ทิ้งความตั้งใจที่ชอบผลิตผลของเครื่องจักรที่มีผิวพื้นที่เรียบลื่นและหันไปชอบกระบวนแบบใหม่ซึ่งเขาเรียกว่า brutism คือความหยาบของผิววัสดุ เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นว่ากอร์บูซีเยมักทำโครงสร้างแบบ “คอนกรีตเปลือย“ และเขาเห็นว่าอาคารนั้นไม่เหมาะกับคนแต่ควรทำให้คนเหมาะกับอาคารจึงกำหนดสัดส่วนของอาคารให้เหมาะสมแทน
ด้วยแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ในยุค modern movement เขาได้ออกแบบโบสถ์ที่รงชอง ถือเป็นงานชั้นโบว์แดงของเขา มีลักษณะเล่น ลูกเล่นแบบ plastic quality ของดินเหนียว ใช้รูปทรงที่แรงแทนสัญลักษณ์ทางศาสนา งานนี้มีลักษณะเห็นถึงพลังและมีความเป็นตัวเองได้อย่างมีเอกลักษณ์
กอร์บูซีเยได้สร้างสรรค์ศิลปะหลายแขนง เป็นประติมากร โดยทุกเช้าจะเล่นน้ำทะเลให้คลื่นสัดสาดตัวแล้วจะขึ้นมาทำงานประติมากรรมเสร็จแล้วก็จะเรี่มงานสถาปัตยกรรม เป็นนักผังเมืองมีความคิดกว้างไกลจากยุคที่ตนมีชีวิตอยู่ ว่าควรจัดระบบ จัดโซนของการใช้เมืองอย่างไรจึงจะได้ผล เขาถือความงามเป็นสิ่งสัจจะ เป็นสิ่งที่ดีและหาได้ยาก จะได้มาก็ต้องผ่านการเลือกเฟ้นเท่านั้น
[แก้] ลักษณะสถาปัตยกรรม 5 ประการของเลอกอร์บูซีเย
ในสิ่งตีพิมพ์ เขาได้เสนอความคิดที่สำคัญตั้งแต่สมัยแรก ๆ คือ five points of modern architecture
- ยกพื้นสูงลอยตัว มีลักษณะเบา แบบนี้เป็นเรื่องใหม่ของตะวันตกที่เคยชินกับ
- มีรูปทรง (Mass) ที่ทึบตันและติดดิน
- จัดแผนผังพื้นที่ใช้สอย เป็นอิสระจากโครงสร้าง (free plan)
- ใช้ ribbon window
- ใช้ roof garden
[แก้] งานนิพนธ์สำคัญ
- Vers une Architecture (Towards a New Architecture)
- Urbanisme (The City of Tomorrow)
- L'Art decoratif daujourd'hui
- La Peinture Moderne
- le moduler