ยุคแห่งพฤกษา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
| ประวัติศาสตร์อาร์ดา |
|---|
| ยุคแห่งวาลาร์
ยุคแห่งชวาลา |
| ยุคของบุตรแห่งอิลูวาทาร์ |
|
สงครามครั้งสุดท้าย |
| ตารางเวลาแห่งอาร์ดา |
ตามตำนานในจินตนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ยุคแห่งพฤกษา เป็นหนึ่งในสามมหายุคที่สำคัญของโลกอาร์ดา เป็นยุคที่อยู่ระหว่างยุคแห่งชวาลา และยุคแห่งตะวัน
| ระวังเสียอรรถรส ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ |
หลังจากดวงตะเกียงทั้งสองและเกาะอัลมาเรนถูกทำลายลง เหล่าวาลาร์ก็ละทิ้งมิดเดิลเอิร์ธ และย้ายไปสร้างนิวาสใหม่คือ วาลินอร์ ที่ทวีปอามัน ยาวันนาทรงสร้างทวิพฤกษาขึ้นบนทวีปนั้น มีนามว่า เทลเพริออน (พฤกษาเงิน) และเลาเรลิน (พฤกษาทอง) พฤกษาทั้งสองส่องแสงสว่างให้แก่ทวีปอามัน แต่มิดเดิลเอิร์ธยังตกอยู่ในความมืด
ยุคแห่งพฤกษายังแบ่งออกเป็นสองช่วงใหญ่ๆ คือช่วงสิบยุคแรกที่เรียกว่า 'ยุคอันสำราญ' ซึ่งมีแต่ความสงบสันติในวาลินอร์ บรรดาอินทรี เอนท์ และคนแคระ ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น เป็นแต่เพียงดำริของมานเว ยาวันนา และอาวเล เท่านั้น เนื่องจากพวกเขายังต้องรอให้บุตรแห่งอิลูวาทาร์ คือพวกเอลฟ์ ตื่นขึ้นเสียก่อน
สิบยุคต่อมาเป็น 'ยุคอันรุ่งโรจน์' ของวาลินอร์ เมื่อวาร์ดาทรงสร้างดวงดาวขึ้นประดับในมิดเดิ้ลเอิร์ธ นับเป็นครั้งแรกหลังจากยุคแห่งชวาลาที่มิดเดิ้ลเอิร์ธได้รับแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง ในยุคนี้ เอลฟ์คนแรกตื่นขึ้นที่ริมทะเลสาบคุยวิเอเนน นับเป็นการเริ่มต้นยุคที่หนึ่งของเหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ หลังจากนั้นไม่นาน เมลคอร์ก็เริ่มออกระรานและจับพวกเอลฟ์ไปทรมาน เมื่อวาลาร์ทราบเรื่องก็ยกทัพมากำราบ เกิดเป็นสงครามระหว่างปวงเทพ เมลคอร์ถูกจับและนำไปขังไว้ จึงเริ่มต้นยุคอันสงบสุขของอาร์ดาอีกครั้ง
หลังจากสงครามระหว่างปวงเทพ โอโรเมได้ชักชวนพวกเอลฟ์ให้เดินทางมายังอามัน เอลฟ์จำนวนมากเข้าร่วมในการเดินทางครั้งใหญ่ (The Great Journey) มุ่งสู่ทิศตะวันตกมายังอามัน ระหว่างทางมีเอลฟ์ที่ละทิ้งการเดินทาง คือพวกนันดอร์ และซินดาร์ เอลฟ์สามตระกูลที่เดินทางไปถึงอามันได้แก่ ชาววันยาร์ โนลดอร์ และเทเลริ พวกเขาพากันสร้างบ้านเรือนขึ้นที่บริเวณอ่าวเอลดามาร์
หลังจากครบกำหนดจองจำเมลคอร์ เขาได้พบกับพวกเอลฟ์ในวาลินอร์ ด้วยความริษยาเขาจึงยุแยงสร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ชาวโนลดอร์ ระหว่างโอรสทั้งสองของกษัตริย์ฟินเว คือเฟอานอร์ และฟิงโกลฟิน เมลคอร์ได้รับความช่วยเหลือจากอุงโกเลียนท์ จึงสามารถทำลายทวิพฤกษา สังหารฟินเว และขโมยซิลมาริล ดวงมณีที่บรรจุแสงพิสุทธิ์ของทวิพฤกษา ไปจากท้องพระคลังของเฟอานอร์
ด้วยความโกรธแค้นที่เหล่าวาลาร์พากันนิ่งเฉย เฟอานอร์และบุตรทั้งเจ็ดจึงกล่าวคำสาบานจะไล่ล่าล้างแค้น และเรียกเมลคอร์ด้วยความชิงชังว่า มอร์กอธ ทัพใหญ่ของโนลดอร์ภายใต้การนำของฟิงโกลฟินติดตามเฟอานอร์ไปด้วย พวกเขาเดินทางผ่านอัลควาลอนเด เมืองท่าใหญ่ของชาวเทเลริ แต่เอลฟ์ชาวเรือไม่ยินยอมให้ชาวโนลดอร์นำเรือของตนเดินทางไปมิดเดิ้ลเอิร์ธ จึงเกิดสงครามประหัตประหารญาติครั้งแรกขึ้น คำสาปก็ประทับลงในราชวงศ์โนลดอร์ไปตลอดกาล
พวกของเฟอานอร์ชิงเรือมาและเดินทางข้ามมามิดเดิ้ลเอิร์ธได้ ทิ้งฟิงโกลฟินและทัพใหญ่ไว้เบื้องหลัง จนต้องเดินทัพติดตามมาทางเส้นทางอันหฤโหดของธารน้ำแข็งเฮลคารัคเซทางตอนเหนือของโลก ชาวโนลดอร์เสียชีวิตไปมากในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ นี่เป็นที่มาของสงครามแห่งอัญมณีที่เกิดขึ้นโดยไม่หยุดหย่อนไปจนตลอดยุคที่หนึ่ง
