ยอดเขาเคทู
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยอดเขาเคทู (K2) (อูรดู: Godwin-Austen, Lamba Pahar ภูเขาสูง, Qogir , Dapsang, Kechu, Ketu (สองชื่อหลังเป็นการอ่านออกเสียงเคทูโดยคนท้องถิ่น) ) เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก รองจาก ยอดเขาเอเวอเรสต์ ตั้งอยู่บริเวณแนว เทือกเขาหิมาลัย ของทางตะวันตกบริเวณ เทือกเขาการาโกรัม เชื่อมต่อกับแนว เทือกเขาฮินดูกูช ยอดเขาเคทู อยู่ในบริเวณรอยต่อของ ประเทศปากีสถาน กับเขตปกครองตนเอง Taxkorgan Tajik ใน มณฑลซินเจียง ของ ประเทศจีน มีความสูงถึง 8,611 เมตร
รัฐบาลจีนใช้ชื่อของเคทูว่า Qogir ซึ่งเป็นคำที่มาจากนักสำรวจตะวันตก ใช้เรียกภูเขาแห่งนี้โดยตั้งชื่อตาม ภาษาท้องถื่น ว่า Chogori (ภาษา Balti โดย Chhogo แปลว่า ใหญ่ ri แปลว่า ภูเขา)
[แก้] ประวัติการปีน
ภูเขาเคทูถูกสำรวจครั้งแรกโดยคณะนักสำรวจชาวยุโรปในปี 1856 ที่นำโดย Henry Haversham Godwin-Austen โดย Thomas Montgomerie หนึ่งในคณะสำรวจ เป็นผู้ตั้งชื่อเคทูเนื่องจากเป็นยอดที่สองของเทือกเขาคาราโครัม โดยยอดเขาอื่นๆก็ถูกตั้งชื่อตามวิธีนี้เช่นกัน ได้แก่ K1 K3 K4 และ K5 แต่ภายหลังได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Masherbrum, Broad Peak, แกเชอร์บรูม 2 และ Gasherbrum I ตามลำดับ คงเหลือแต่เคทูเท่านั้นที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนชื่อ
ความพยายามในการพิชิตยอดเขาเคทูเริ่มในปี 1902 โดย Oscar Eckenstein และ Aleister Crowley แต่ภายหลังจากที่ได้พยายามถึงห้ารอบและใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก คณะสำรวจก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการพิชิตยอดเขาแต่อย่างใด สาเหตุของความล้มเหลวน่ามาจากการเตรียมพร้อมร่างกายที่ยังไม่ดีพอ ความขัดแย้งระหว่างบุคคล และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยคณะสำรวจใช้เวลามากถึง 68 วันบนภูเขาเคทูซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในการอยู่บนที่ที่มีระดับความสูงมาก) แต่มีแค่ 8 วันเท่านั้นที่สภาพอากาศแจ่มใส
ความพยายามต่างๆที่ตามมาภายหลังทั้งในปี 1909, 1934, 1938, 1939 และ 1953 ต่างก็ประสบกับความล้มเหลวทั้งหมด โดยคณะสำรวจในปี 1909 ที่นำโดย Luigi Amedo, Duke of the Abruzzi สามารถไปถึงระดับความสูงที่ 6,666 เมตร ซึ่งปัจจุบันนี้ สถานที่นี้เป็นที่รู้จักกันในนามว่า Abruzzi Spur หรือสันเขา Abruzzi (Abruzzi Ridge) โดยปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางมาตรฐานทางหนึ่ง
ในที่สุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 1954 ยอดเขาเคทูก็ถูกพิชิตลงได้ โดยคณะนักสำรวจชาวอิตาลีที่นำโดย Ardito Desio อย่างไรก็ตามสมาชิกของกลุ่มเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่สามารถไปถึงยอดเขาได้ที่สุด คือ Lino Lacedelli และ Achille Compagnoni สมาชิกในคณะคนอื่นๆที่น่าสนใจได้แก่ ผู้พัน Mohammad Ata-ullah ชาวปากีสถาน โดยผู้พันเคยเข้าร่วมกับคณะสำรวจชาวอเมริกันในปีก่อนหน้า ที่ต้องล้มเหลวเนื่องจาก Art Gilkey สมาชิกคนสำคัญของคณะสำรวจเสียชีวิตจากพายุ
ยอดเขาเคทูไม่ถูกพิชิตอีกเลยอีกกว่า 23 ปี จนกระทั่งในวันที่ 9 สิงหาคม 1977 คณะสำรวจชาวญี่ปุ่นที่นำโดย Ichiro Yoshizawa ก็สามารถพิชิตยอดเขาได้อีกครั้งหนึ่ง โดยสมาชิกในทีมยังรวมไปถึง Ashraf Amman นักปีนเขาคนแรกของปากีสถาน โดยคณะนี้ได้ใช้เส้นทาง Abruzzi Spur ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้โดยคณะสำรวจชาวอิตาลีที่พิชิตยอดเขามาก่อนหน้านี้
ในปี 1978 คณะสำรวจชาวอเมริกาก็สามารถพิชิตยอกเขาได้เป็นครั้งที่สาม โดยใช้เส้นทางที่ยาวกว่า และขรุขระกว่าเส้นทางเดิม ที่เรียกว่า East Ridge โดยคณะสำรวจชาวอเมริกาคณะนี้นำโดยนักปีนเขาผู้มีชื่อเสียงนามว่า James Whittaker โดยคณะที่สามารถขึ้นถึงยอดได้แก่ Louis Reichardt, James Wickwire, John Roskelley และ Rick Ridgeway โดย Wickwire ต้องเผชิญกับการค้างแรมกลางแจ้งที่ความสูงต่ำกว่ายอดเพียง 150 เมตร โดยการค้างแรมครั้งนี้เป็นการค้างแรมกลางแจ้งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการพิชิตยอดเขาครั้งนี้มีความหมายทางจิตใจต่อคณะสำรวจชาวอเมริกันชุดนี้มาก โดยเห็นว่าเป็นการสานต่อภารกิจให้สำเร็จต่อจากคณะสำรวจอเมริกาก่อนหน้าที่เริ่มไว้ตั้งแต่เมื่อ 40 ก่อนในปี 1938 ให้สำเร็จลุล่วงในที่สุด
การพิชิตยอดเขาเคทูที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง คือ การพิชิตยอดเขาโดยคณะสำรวจชาวญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 1982 ซึ่งใช้เส้นทาง North Ridge ที่มีความยากมาก โดยคณะสำรวจนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการปีนเขาแห่งญี่ปุ่น โดยคณะสำเรวจแบ่งออกเป็นสองชุด โดยชุดแรกซึ่งนำโดย Isao Shinkai และ Masatsugo สามารถพาสมาชิกอีกสามคน คือ Naoe Sakashita, Hiroshi Yoshino และ Yukishiro Yanagisawa พิชิตยอดเขาในวันที่ 14 สิงหาคม แต่เป็นที่น่าเศร้าว่าในระหว่างการปีนลงจากยอดเขา Yanagisawa พลัดตกจากเขาและเสียชีวิต ส่วนทีมชุดที่สองซึ่งประกอบไปด้วยคนสี่คนก็สามารถพิชิตยอดเขาได้ในวันต่อมา
แม้ว่ายอดเขาเอเวอเรสจะมีความสูงมากกว่ายอดเขาเคทูแต่เคทูถูกพิจารณาว่าปีนยากกว่า สาเหตุเป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ง่าย และระยะทางระหว่างตีนเขาถึงยอดเขาที่ยาวกว่า โดยนักปีนเขาหลายคนถือว่าเคทูเป็นยอดเขาที่ปีนยากที่สุดและอันตรายที่สุดในโลก โดยเคทูมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ที่พยายามพิชิตยอดเขากว่าร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับเอเวอเรสที่มีอัตราการเสียชีวิตที่ร้อยละ 9 (อย่างไรก็ตามยอดเขาที่มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุด คือ ยอดเขาอันนะปุรณะ (ความสูง 8,091 เมตร) ในเทือกเขาหิมาลัย ที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 40) ทำให้เคทูมีชื่อเล่นว่า ยอดเขาดุร้าย (Savage Mountain) โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2004 มีคนที่สามารถพิชิตยอดเขาได้เพียง 246 คน เทียบกับ 2,238 คนที่สามารถพิชิตเอเวอเรสได้ (เหตุผลหนึ่งก็อาจะเป็นเพราะมีคนนิยมไปปีนยอดเขาเอเวอเรสมากกว่าเช่นกัน) โดยจำนวนผู้เสียชีวิตที่เคทูมีสูงถึง 56 คน โดยในปี 1986 มีผู้คนเสียชีวิตสูงถึง 13 คนจากการปีนครั้งเดียว ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่าเคทูTragedy
ตำนานอีกอย่างหนึ่งของเคทูคือ การเป็นยอดเขาต้องสาปสำหรับสตรี โดย Wanda Rutkiewicz ชาวโปแลนด์ผู้ที่เป็นสตรีคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเคทูและผู้หญิงอีกห้าคนที่สามารถพิชิตยอดเขาได้ต่างก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยสามคนในจำนวนนั้นเสียชีวิตระหว่างการปีนลง และ Rutkiewicz เสียชีวิตในระหว่างการปีนยอดเขากันเจนชุงคา ในปี 1992 อย่างไรก็ตามคำสาปนี้ถูกทำลายได้ในปี 2004 เมื่อ Emurne Pasaban สามารถพิชิตยอดเขาและสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยในปี 2004 และ Nives Meroi ชาวอิตาลีและ Yuka Kamatsu ชาวญี่ปุ่นต่างก็ประสบความสำเร็จในการพิชิตยอดเขาในปี 2006
โดยตลอดประวัติศาสตร์การปีนยอดเขาเคทูมักจะเป็นการปีนโดยไม่ใช้ออกซิเจนช่วย และใช้อุปกรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา การใช้ออกซิเจนได้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
[แก้] เส้นทางการปีนและความยากของแต่ละเส้นทาง
เส้นทางการปีนสู่ยอดเขาเคทูมีหลายเส้นทางด้วยกัน ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ทุกเส้นทางจะมีความยากที่เหมือนๆกัน คือ
- สภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากความสูง โดยที่ระดับความสูงมากกว่า 8,000 เมตรจะมีระดับออกซิเจนเพียงหนึ่งในสามของระดับออกซิเจนที่พื้นราบ
- สภาพอากาศทีแปรปรวนได้ง่ายและรุนแรง
- เส้นทางที่ชัน โล่ง ซึ่งทำให้การหันหลังกลับทำได้ยาก โดยเฉพาะในระหว่างพายุ
เส้นทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีดังนี้
- Abruzzi Spur เป็นเส้นทางที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งถูกสำรวจโดย Luigo Amedeo Duke of the Abruzzi ในปี 1909 โดยเส้นทางนี้เป็นสันเขาทางด้านใต้ของภูเขา โดยการปีนจะเริ่มที่ระดับความสูง 5,400 เมตร
- North Ridge เป็นเส้นทางที่ปีนจากฝั่งจีน เป็นเส้นทางที่ไม่นิยมนัก เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ยากมาก ที่ต้องข้ามแม่น้ำและธารน้ำแข็งที่เป็นอันตรายมาก
- Northwest Ridge
- South Face เป็นเส้นทางที่อันตรายที่สุดและยากที่สุด
- South-southeast spur
- Northeast Ridge เป็นเส้นทางที่ยาวและขรุขระมาก
- Northwest Face
[แก้] สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศ
ยอดเขาเคทูมีความโดดเด่นในเรื่องของความสูง และความชัน โดยตัวภูเขาเป็นทรงพีระมิดที่มีด้านทั้งสี่ที่ชันมาก โดยด้านเหนือของภูเขาจะมีความชันมากที่สุด โดยมีความสูงถึง 3,200 เมตรจากธารน้ำแข็งเคทูในระยะทางในแนวราบเพียง 3 กิโลเมตร หรือมีความชันเกือบ 47 องศา โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละด้านจะมีความสูง 2,800 เมตรในระยะทางแนวราบประมาณ 4 กิโลเมตรหรือความชันกว่า 35 องศา ซึ่งเป็นองศาความชันที่ไม่มีภูเขาใดในโลกจะเทียบได้ จึงทำให้เคทูเป็นภูเขาที่ชันที่สุดและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เคทูปีนได้ยากมาก
|
---|
เอเวอเรสต์ • เคทู • กันเจนชุงคา • โลตเซ • มะกะลู • โชโอยู • เธาลาคีรี • มนัสลู • นังกาปาร์บัต • อันนะปุรณะ • แกเชอร์บรูม 1 • บรอดพีก • แกเชอร์บรูม 2 • ชิชาพังมะ |
|
---|
เอเชีย: เคทู • อเมริกาใต้: โอโคสเดลซาลาโด • อเมริกาเหนือ: โลแกน • ยุโรป: ดิคเตา • |