พูดคุย:ราชวงศ์สุย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ย้ายเนื้อหามาจาก ประวัติศาสตร์จีน รอการปรับรวมกับเนื้อหาในหน้าหลักเดิม Markpeak 11:50, 26 เมษายน 2007 (UTC)
[แก้] ราชวงศ์สุย : ช่วงฟื้นฟู
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ ได้รวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นได้อีกครั้ง แต่โอรสคือสุยหยางตี้ไม่มีความาสามารถ ทำให้ซ้ำรอยราชวงศ์ฉิน บรรดาผู้ปกครองหัวเมืองต่างตั้งตนเป็นใหญ่และแย่งอำนาจกัน ราชวงศ์สุยอยู่ได้เพียงสองรัชกาลเช่นกัน (พ.ศ. 1124 - 1160)
หยางเจียน(杨坚)ถือกำเนิดจากตระกูลขุนนางชั้นสูงในราชวงศ์เป่ยโจว ธิดาของหยางเจียนได้เป็นฮองเฮาในรัชสมัยโจวเซวียนตี้ เมื่อปี 580 โจวเซวียนตี้สิ้น มอบบัลลังก์ให้บุตรชายวัย 8 ขวบขึ้นเป็นโจวจิ้งตี้(周静帝) โดยมีหยางเจียนเป็นมหาเสนาบดีช่วยให้การดูแล แต่แล้วในปี 581 หยงเจียนปลดโจวจิ้งตี้ ตั้งตนเป็นสุยเหวินตี้ (隋文帝)(581 – 600) สถาปนาราชวงศ์สุย(隋朝)โดยมีนครหลวงอยู่ที่เมืองต้าซิ่ง (ซีอันในปัจจุบัน) จากนั้นดำเนินนโยบายผูกมิตรกับชนเผ่าทูเจี๋ยว์ตะวันออก(เติร์ก) ทางเหนือ จากนั้นจัดกำลังบุกลงใต้ และเข้ายึดเมืองเจี้ยนคังนครหลวงของราชวงศ์เฉินได้ในปี 589 ยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนที่ดำเนินมากว่า 270 ปีได้ในที่สุด
ภายหลังการรวมแผ่นดินของราชวงศ์สุย สภาพสังคมโดยรวมได้รับการฟื้นฟูจากภาวะสงคราม มีการเติบโตด้านการผลิต เกิดความสงบสุขระยะหนึ่ง สุยเหวินตี้ ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครองในท้องถิ่น ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอำนาจเด็ดขาดทั้งในทางทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีขุนนางเป็นเพียงผู้ช่วยในการบริหาร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการแก่งแย่งอำนาจและเป็นการลิดรอนอำนาจในส่วนท้องถิ่น อันเป็นสาเหตุของการแตกแยกที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นยังได้ริเริ่มระบบการสอบรับราชการขุนนางขึ้น (หรือที่รู้จักกันในนาม ‘สอบจอหงวน’) เพื่อคัดเลือกบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน และได้ช่วยให้เกิดเสถียรภาพในระบบรวมศูนย์อำนาจเป็นอย่างดี
สุยเหวินตี้ทรงนับถือพุทธศาสนา โปรดการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายประหยัด ตลอดรัชสมัยมีฮองเฮาเพียงพระองค์เดียว ขณะที่รัชทายาทหยางหย่งกลับเลี้ยงดูสนม นางระบำไว้มากมาย ปี 600 สุยเหวินตี้ ทรงปลดรัชทายาทหยางหย่ง(杨勇) แต่งตั้งราชโอรสองค์รองหยางกว่าง(杨广)ขึ้นแทน หยางกว่างร่วมมือกับอวี้เหวินซู่และหยางซู่ วางแผนแย่งชิงบัลลังก์ ปี 604 สุยเหวินตี้ สิ้นพระชนม์กะทันหัน หยางกว่างสืบราชบัลลังก์ต่อมา มีพระนามว่า สุยหยางตี้(隋炀帝)
หยางกว่างเมื่อขึ้นครองราชย์ก็ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เกณฑ์แรงงานชาวบ้านนับล้านสร้างนครหลวงตะวันออกแห่งใหม่ที่ลั่วหยาง และอุทยานตะวันตกที่มีอาณาบริเวณกว่า 100 กิโลเมตร ซ่อมสร้างกำแพงหมื่นลี้ ยกทัพบุกเกาหลี**สามครั้ง ผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ ยังขุดคลองต้าอวิ้นเหอ*** เพื่อการท่องเที่ยวแดนเจียงหนัน สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ชาวบ้านอดอยากได้ยาก มีประชาชนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารและแรงงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น ไร้ที่อยู่อาศัย
ปี 617 กองกำลังหวากั่งเข้าประชิดนครหลวงตะวันออกลั่วหยาง ขณะนั้น สุยหยางตี้เสด็จประพาสเจียงหนัน เหลือเพียงกองกำลังของหยางต้ง(杨侗)ที่เป็นเชื้อพระวงศ์เฝ้าเมืองลั่วหยางไว้ สุยหยางตี้เรียกระดมพลของหวังซื่อชง(王世充)ซึ่งประจำอยู่ที่เจียงตู มาช่วยรักษาเมืองลั่วหยางโดยรอบ แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับกองกำลังหวากั่ง ราชสำนักสุยถูกเหล่ากองกำลังที่ลุกฮือขึ้นบุกโจมตีจนสูญเสียพื้นที่โดยรอบไป หลี่ยวนที่เฝ้ารักษาเมืองไท่หยวนในซันซีก็ฉวยโอกาสรุกเข้าฉางอัน ตั้งตนเป็นใหญ่ที่แดนไท่หยวน
ระหว่างนั้น อวี่เหวินฮั่วจี๋(宇文化及)สมคบกับซือหม่าเต๋อคัน(司马德戡)แม่ทัพกองกำลังรักษาพระองค์และทหารองครักษ์ลุกฮือขึ้นก่อการที่เมืองเจียงตู(เมืองหยังโจว มณฑลเจียงซู) สังหารสุยหยางตี้ ในปี 618 หลี่ยวนเมื่อทราบข่าวก็ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ สถาปนาราชวงศ์ถัง บรรดานายทัพที่คุมกองกำลังต่างพากันตั้งตนเป็นอิสระ แม้ว่าหวังซื่อชงจะยอมยกให้หยางต้งในลั่วหยางขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ในเวลาไม่นานก็ใช้กำลังบุกเข้าลั่วหยางยึดเป็นฐานที่มั่นของตน