ฌอง-แบ๊ปติสต์ ลุลลี่
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฌอง-แบ๊ปติสต์ เดอ ลุลลี่ (Jean-Baptiste Lully) เดิมชื่อ จิโอวานนี บาติสตา ดี ลุลลิ เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1632 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เป็นบุตรของเจ้าของโรงโม่ เขาได้รับการศึกษาเพียงเล็กน้อย แต่กลับมีพรสวรรค์ในการเล่นกีตาร์ ไวโอลิน และการเต้น ในปี ค.ศ. 1646 เขาได้พบกับดยุคแห่งกีซ (Duke of Guise) ผู้พาเขาไปยังฝรั่งเศส ที่ที่เขาได้เข้าไปรับใช้ แอนน์ มารี หลุยส์ ดอร์เลอองส์, ดือแซส เดอ มองต์ปังซิเยอร์ (Anne Marie Louise d'Orléans, duchesse de Montpensier) ด้วยการเป็นเด็กล้างจานซึ่งมีข้อขัดแย้งกันในเรื่องนี้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนให้แก่เธอ
ด้วยความช่วยเหลือของท่านหญิงทำให้พรสวรรค์ทางด้านดนตรีของลุลลี่ได้รับการฝึกฝน เขาได้ศึกษาทฤษฎีทางด้านดนตรีกับ นิโกลาส์ เมตรู (Nicolas Métru) แต่สุดท้ายก็กลับถูกไล่ออกเพราะเขียนบทกวีที่หยาบคายเกี่ยวกับ “สุภาพสตรีผู้ให้การอุปถัมภ์”
หลังจากนั้นลุลลี่ก็ได้ทำงานด้วยการเป็นนักเต้นรำให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1652 จนถึงต้นปี ค.ศ. 1653 เขาได้ประพันธ์บางเพลงสำหรับ บัลเล่ต์ เดอ ลา นวิท (Ballet de la Nuit) และเป็นที่โปรดปรานของพระราชาอย่างมาก เขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนักประพันธ์วงดุริยางค์สำหรับพระมหากษัตริย์ เขาได้ควบคุมวงสตริงออร์เคสตร้าของราชสำนักฝรั่งเศสคือ เลส์ แวงต์-กาเตรอ วีโอลองส์ ดู รัว (Les Vingt-quatre Violons du Roi : Twenty-four Violins of the King) หรือที่เรียกว่า กรองด์ บองด์ (Grande Bonde : Large band) เขาเบื่อหน่ายกับความไม่มีระเบียบวินัยของกรองด์ บองด์ รวมทั้งได้รับพระบรมราชานุญาตให้เขาได้ตั้งวงเป็นของตัวเองคือ เปติทส์ วีโอ ลองส์ (Petits Violons)
ลุลลี่ประพันธ์บัลเล่ต์เป็นจำนวนมากแด่พระราชาในช่วงทศวรรษที่ 1650 – 1660 เขาได้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงามในเรื่องของบทเพลงในการแสดงตลกของโมลีแยร์ (Molière) รวมทั้ง เลอ มาร์ริอาช ฟอร์เซ่ (Le Marriage forcé, 1664) , ลามัวร์ เมเดอแซ็ง (L'Amour médecin, 1665) และ เลอ บูร์ยัวส์ ยังตียอมม์ (Le Bourgeois gentilhomme, 1670) ความสนพระทัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในด้านบัลเล่ต์เริ่มลดน้อยลงเมื่อเขามีอายุมากขึ้นและความสามารถในการเต้นเสื่อมถอยลง การแสดงครั้งสุดท้ายของเขาคือในปี 1670)
ดังนั้นลุลลี่จึงมุ่งไปยังโอเปร่า เขาได้สิทธิพิเศษสำหรับโอเปร่าจาก ปีแอร์ แปร์แร็ง (Pierre Perrin) และการสนับสนุนของ ฌอง-แบ๊ปติ๊สต์ โคลแบร์ต (Jean-Baptiste Colbert) รวมทั้งกษัตริย์ ทำให้เขามีอำนาจเด็ดขาดในการควบคุมการแสดงดนตรีทั้งหมดทั่วฝรั่งเศสจนกระทั่งเขาตาย
ลุลลี่ได้ทำตัวปล่อยตัวตามใจชอบจนฉาวโฉ่ด้วยการแต่งงานกับ มัดเดอไลน์ ลามแบร์ต (Madeleine Lambert) ลูกสาวของเพื่อนผู้เป็นลูกศิษย์ของ มิเชล แลมแบร์ต (Michel Lambert) แล้วมีลูกด้วยกันถึง 10 คน แต่จุดสูงสุดในชีวิตของเขาคือในปี 1685 เมื่อเขามีความมั่นใจพอที่จะโอ้อวดความสัมพันธ์กับ บรูเน็ท (Brunet) มหาดเล็กจาก ลา ชาแปลล์ (La Chapelle) แม้ว่าชีวิตเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ความสัมพันธ์กับเด็กชายและผู้หญิงทำให้เขาตกต่ำเพราะเรื่องอื้อฉาวอยู่หลายครั้ง จนทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ไม่พอพระทัยและขนานนามเขาว่า โซโดไมท์ (Sodomite)
แม้ว่าจะมีเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ แต่ลุลลี่ก็สามารถที่จะทำตัวเองให้กลายมาเป็นที่ชื่นชอบของกษัตริย์ผู้ซึ่งพบว่าเขามีความสำคัญต่อความบันเทิงด้านดนตรี และเปรียบเสมือนว่าลุลลี่คือมิตรแท้ของพระองค์ ในปี 1681 ลุลลี่ถูกแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการสำนักพระราชวังและได้รับตำแหน่งสูงขึ้น หลังจากที่เขาเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ฌอง-แบ๊ปติ๊สต์ เดอ ลุลลี่ และถูกเรียกขานว่า มองซิเยอร์ เดอ ลุลลี่
วันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1687 ลุลลี่ได้ควบคุมการบรรเลง เตอ เดิม (Te Deum) เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ทรงหายประชวรจากโรคร้าย เขาฆ่าเวลาโดยการเคาะไม้เท้าลงพื้นดั่งเช่นที่เขาฝึกฝนทั่วไปในเวลานั้น แต่กลับโดนนิ้วหัวแม่เท้ากลายเป็นแผลและเกิดเป็นหนองจนเน่าเปื่อย เขากลับปฏิเสธตัดนิ้วเท้าออกจนเกิดการลุกลามและเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1687
[แก้] ผลงาน
[แก้] Operas (Tragédies en musique)
- Cadmus & Hermione (1673)
- Alceste ou le Triomphe d'Alcide (1674)
- Thésée (1675)
- Atys (1676)
- Isis (1677)
- Psyché (1678)
- Bellérophon (1679)
- Proserpine (1680)
- Persée (1682)
- Phaëton (1683)
- Amadis de Gaule (1684)
- Roland (1685)
- Armide & Renaud (1686)
- Achille & Polyxène (1687)
[แก้] Pastorales
- Pastorale Comique (1657}
- Les Fêtes de l'Amour et de Bacchus (1672)
- Acis et Galatée (1686)
[แก้] Ballets
- Alcidiane (1658)
- La Raillerie (1659)
- La Revente des habits du ballet et comédie (1661)
- L'Impatience (1661)
- Les Saisons (1661)
- Les Arts (1663)
- Les Noces de village (1663)
- Les Amours desguisés (1664)
- Palais d'Alcine (1664)
- Le Naissance de Vénus (1665)
- Les Gardes (1665)
- Mascarade du Capitaine (1665)
- Petit Ballet de Fontainebleau (1665)
- Les Muses ((1666)
- Le Carnaval (1668)
- Flore (1669)
- La Jeunesse (1669)
- Les Jeux pythiens (1670)
- Ballet des Nations (1670) in Le Bourgeois Gentilhomme
- Le Temple de la paix (1685)
[แก้] Ballets cowritten with Lully
- Mascarade de la Foire de St-Germain (1652)
- La Nuit (1653)
- Les Proverbes (1654)
- Le Temps (1654)
- Les Plaisirs (1655)
- Les Bienvenus (1655)
- Psyché ou la Puissance de l'Amour
- Les Galanteries du temps (1657)
- Les Plaisirs troublés (1657)
- Le Triomphe de Bacchus dans les Indes (1666)
[แก้] Comédie-ballets
- Les Plaisirs de l'île enchantée (1664)
- La Princesse d'Elide (1664)
- Le Bourgeois Gentilhomme (1670)
[แก้] Comedies (Comédies)
- L'Impromptu de Versailles (1663)
- Le Mariage forcé (1664)
- L'Amour médecin (1665)
- Le Sicilien (1667)
- Georges Dandin (1668)
- Monsieur de Pourceaugnac (1669)
- Les Amants Magnifiques (1670)
- La Comtesse d'Escarbagnas (1671)
[แก้] Comedies cowritten with Lully
- Les Fâcheux (1661)
[แก้] Tragédie-ballets
- Psyché (1671)
[แก้] Divertissments
- Le Grand Divertissement de Versailles (1668) in Georges Dandin
- Le Divertissement de Chambord (1669) in Monsieur de Pourceaugnac
- Le Divertissement Royal (1670) in Les Amants Magnifiques
- Idylle sur le Paix (1685)
[แก้] Eclogues (Églogues)
- La Grotte de Versailles (1668)
[แก้] Interludes (Intermèdes)
- Les Noces de Pélée et de Thétis (1654)
- Xerxes (1660)
- Hercule amoureux (1662)
- Oedipe (1664)
[แก้] Grands Motets
- Jubilate Deo (1660)
- Lachrymae Fideles (1664)
- Miserere (1664)
- Plaude Laetare Gallia (1668)
- Te Deum (1677)
- De Profundis (1683)
- Dies Irae (1683)
- Exaudiat te Dominus (1683)
- Quae Fremuerunt (1685)
- Benedictus (1685)
- Notus in Judaea Deus
[แก้] Petits Motets
- Anima Christi
- Ave Coeli
- Dixit Dominus
- Domine Salvum Regem
- Exaudi Deus
- Laudate Pueri
- Dulcissime
- Omnes Gentes
- Sapientia
- Regina Coeli
- Salve Regina
[แก้] Other Works
- Dialogue de la Guerre avec la Paix (1655)
- Première marche des mousquetaires (1658)
- Courage, Amour, la Paix est faite (1661)
- Douce et Charmante Paix (1661)
- Ingrate Bergère (1664)
- Qui les saura, mes secrètes amours (1664)
- Branles (1665)
- Trios pour le coucher du roi (1665)
- Belle inhumaine, soulagez la peine (1665)
- Savez-vous bien, la belle (1665)
- La langueur des beaux yeux (1666)
- Que vous connaissez peu trop aimable Climène (1666)
- Si je n'ai parlé de ma flamme (1666)
- En ces lieux, je ne vois que des promenades (1668)
- Ah, qu'il est doux de se rendre à l'empire de l'Amour (1668)
- Le printemps ramène la verdure (1668)
- Depuis que l'on soupire sous l'amoureux empire (1668)
- Marches et batteries de tambour (1670)
- Sans mentir on est bien misérable (1671)
- Marche (1672)
- Marches pour le régiment de Savoie (1685)
- Pièces de symphonies, Airs pour Mme la Dauphine (1683)
- Airs pour le Carrousel de Monseigneur (1686)
- Il faut mourir, pécheur (1687)
- Gigue
- Marches dont la Marche des Dragons du Roi, la Marche du Prince d'Orange
- Aunque prodigoas
- Soca per tutti
- A la fin petit Desfarges
- D'un beau pêcheur, la pêche malheureuse
- Un tendre coeur
- Non vi è più bel piacer
- Le printemps, aimable Sylvie
- Tous les jours cent bergères
- Viens, mon aimable bergère
- Où êtes-vous allées, mes belles amourettes
- Nous mêlons toute notre gloire
- Pendant que ces flambeaux
- J'ai perdu l'appétit
- Venerabilis barba capucinorum