ประเทศเบลเยียม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
|||||
คำขวัญ: ดัตช์: Eendracht maakt macht ฝรั่งเศส: L'union fait la force เยอรมัน: Einigkeit macht stark ("Strength through Unity") |
|||||
เพลงชาติ: "La Brabançonne" (The Song of Brabant) | |||||
เมืองหลวง | บรัสเซลส์ |
||||
เมืองใหญ่สุด | บรัสเซลส์ | ||||
ภาษาราชการ | ภาษาดัตช์ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน | ||||
รัฐบาล | สหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ | ||||
- กษัตริย์ | สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 | ||||
- นายกรัฐมนตรี | อีฟ เลแตร์เม | ||||
เอกราช จาก เนเธอร์แลนด์ | |||||
- ประกาศ | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2373 | ||||
- เป็นที่ยอมรับ | 19 เมษายน พ.ศ. 2382 | ||||
เข้าร่วม EU | 25 มีนาคม พ.ศ. 2500 | ||||
เนื้อที่ - ทั้งหมด - พื้นน้ำ (%) |
30,528 กม.² (อันดับที่ 140) 11,787 ไมล์² 6.4 |
||||
ประชากร - 2548 ประมาณ - 2544 - ความหนาแน่น |
10,419,000 (อันดับที่ 77) 10,296,350 342/กม² (อันดับที่ 29) 886/ไมล์² |
||||
GDP (PPP) - รวม - ต่อประชากร |
2547 ค่าประมาณ 316.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 30) 31,400 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 12) |
||||
HDI (2547) | 0.945 (อันดับที่ 13) – สูง | ||||
สกุลเงิน | ยูโร (€]]) 1 (EUR ) |
||||
เขตเวลา - ฤดูร้อน (DST) |
CET (UTC+1) CEST (UTC+2) |
||||
รหัสอินเทอร์เน็ต | .be2 | ||||
รหัสโทรศัพท์ | +32 |
||||
1ก่อนปี พ.ศ. 2542 ใช้ฟรังก์เบลเยียม 2และยังใช้ .eu ร่วมกับรัฐสมาชิกอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป |
ประเทศเบลเยียม มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าราชอาณาจักรเบลเยียม เป็นประเทศในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และทะเลเหนือ เบลเยียมเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของสหภาพยุโรป และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ เช่นเดียวกับของอีกหลายองค์กรระหว่างประเทศรวมถึงองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ
เบลเยียมมีความหลากหลายทางภาษาค่อนข้างสูง ส่งผลต่อระบบการปกครองที่ค่อนข้างซับซ้อน เบลเยียมแบ่งออกเป็นสองภูมิภาคใหญ่ๆ ได้แก่ฟลานเดอร์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาดัตช์ และวัลโลเนีย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส บรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม เป็นเขตทวิภาษา ตั้งอยู่ในฟลานเดอร์ นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่พูดภาษาเยอรมันในทางตะวันออกของวัลโลเนียด้วย
คำว่าเบลเยียม (Belgium ในภาษาอังกฤษ België และ Belgique ในภาษาดัตช์และฝรั่งเศส) มีที่มาจาก Gallia Belgica ซึ่งเป็นจังหวัดในยุคโรมัน มีกลุ่มชาว Belgae อยู่อาศัย
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติศาสตร์
มีหลักฐานการดำรงอยู่ของชุมชนโบราณมานานมากกว่า 2,000 ปีโดยขุดพบโครงกระดูกมนุษย์และภาพเขียนโบราณในถ้ำตอนกลางของประเทศริมฝั่งแม่น้ำเมิส (la Meuse)
ในปีพ.ศ. 600 จูเลียส ซีซาร์ขยายอำนาจของจักรวรรดิโรมันมายังดินแดนเบลเยียมปัจจุบัน โดยเอาชนะชนเผ่าเคลติกที่ชื่อ Belgae และก่อตั้งเป็นจังหวัด Gallia Belgica ต่อมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 ดินแดนแถบนี้ก็ตกไปอยู่ในการควบคุมของชนเผ่าแฟรงก์ ก่อตั้งราชวงศ์ Merovingian[1] พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ทรงรับคริสต์ศาสนาเข้ามาสู่อาณาจักร หลังจากยุคของโคลวิสแล้ว อาณาจักรของพวกแฟรงก์ก็เริ่มแตก จนกระทั่งถึงยุคของพระเจ้าชาร์เลอมาญ ซึ่งครองราชย์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 1311 จนถึง 1357 ซึ่งได้รวบรวมอาณาจักรแฟรงก์ ปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป
หลังจากพระเจ้าชาร์เลอมาญสิ้นพระชนม์ อาณาจักรก็ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเบลเยียมปัจจุบันเป็นของพระเจ้าโลแธร์ ซึ่งปกครองอาณาจักรกลาง ในขณะที่ส่วนที่เหลือตกเป็นของฝรั่งเศส อาณาจักรกลางภายหลังตกไปอยู่ภายใต้กษัตริย์เยอรมันของอาณาจักรตะวันออก ดินแดนเบลเยียมถูกแบ่งออกเป็นรัฐขุนนางเล็กๆจำนวนมาก ซึ่งต่อมารวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบอร์กันดี หลังจากการอภิเษกสมรสของพระนางแมรีแห่งเบอร์กันดีกับเจ้าชายมักซิมิลันจากราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ซึ่งต่อมาขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนเบลเยียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ได้ตกทอดไปถึงพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสเปน พระนัดดาของพระเจ้ามักซิมิลัน
ในรัชสมัยของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน พระราชโอรสของพระเจ้าชาลส์ ได้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์ โดยพระเจ้าเฟลิเปพยายามที่จะปราบปรามนิกายโปรเตสแตนต์ ดินแดนทางตอนเหนือ ซึ่งสนับสนุนนิกายโปรเตสแตนต์ รวมตัวกันเป็นสาธารณรัฐเนเธอร์แลนด์ ในขณะที่ดินแดนทางใต้ ประกอบด้วยเบลเยียมและลักเซมเบิร์กในปัจจุบัน ยังอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน เรียกชื่อว่าเนเธอร์แลนด์ใต้
ต่อมา ฝรั่งเศสได้ขึ้นเป็นมหาอำนาจในยุโรป พื้นที่ประเทศต่ำได้เป็นสนามรบ เบลเยียมได้เปลี่ยนมือไปยังออสเตรีย จนกระทั่งหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1ได้ยึดเบลเยียมในปีพ.ศ. 2338 ยุติการปกครองของสเปนและออสเตรียในบริเวณนี้ หลังจากการสิ้นสุดของจักรวรรดิฝรั่งเศสของนโปเลียน กลุ่มประเทศต่ำได้รวมกันอีกครั้งเป็นสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในปีพ.ศ. 2358
เกิดการปฏิวัติในเบลเยียมในปีพ.ศ. 2373 ก่อตั้งเป็นรัฐเอกราช และเลือกเจ้าชายเลโอโปลด์จากราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและโกธา ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 1 โดยมีการปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแบบรัฐสภาในปีพ.ศ. 2374
เบลเยียมได้รับคองโกเป็นอาณานิคมในปีพ.ศ. 2451 จากที่เคยเป็นดินแดนส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 2 เยอรมนีเข้ารุกรานเบลเยียมในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เบลเยียมเข้าครอบครองรวันดา-อุรุนดี (ปัจจุบันคือประเทศรวันดาและบุรุนดี) ซึ่งเป็นอาณานิคมของเยอรมนีในช่วงสงคราม เบลเยียมถูกรุกรานจากเยอรนีอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งถูกปลดปล่อยโดยกองทัพสัมพันธมิตร คองโกได้รับเอกราชในปีพ.ศ. 2503 ในขณะที่รวันดา-อุรุนดีได้รับในอีกสองปีถัดมา
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เบลเยียมเข้าร่วมนาโต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่บรัสเซลส์ และจัดตั้งกลุ่มเบเนลักซ์ร่วมกับเนเธอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก[1] เบลเยียมเป็นหนึ่งในหกสมาชิกก่อตั้งของประชาคมถ่านหินและเหล็กยุโรปในปีพ.ศ. 2494 และในปีพ.ศ. 2500 ก่อตั้งประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรปและประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งต่อมาคือสหภาพยุโรป เบลเยียมเป็นที่ตั้งของหน่วยงานหลายอย่างของสหภาพ อาทิเช่น คณะกรรมาธิการยุโรป คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป เป็นต้น
[แก้] การเมืองการปกครอง
เบลเยียมมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งพระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง การปกครองของเบลเยียมนั้นมีเน้นไปทางอำนาจปกครองตนเองของสองชุมชนหลัก ซึ่งมีมีปัญหาความแตกแยกจากความแตกต่างทางภาษา[2] ในปีพ.ศ. 2536 ได้มีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญครั้งสำคัญ โดยบัญญัติให้เบลเยียมเป็นสหพันธรัฐ หลังจากเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่พ.ศ. 2513[3]
รัฐสภากลางของเบลเยียมนั้นใช้ระบบสภาคู่ โดยประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ดัตช์: de Kamer van Volksvertegenwoordigers; ฝรั่งเศส: la Chambre des Représentants) และวุฒิสภา (ดัตช์: de Senaat; ฝรั่งเศส: le Sénat) วุฒิสภานั้นประกอบด้วยนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง 40 คน และอีก 21 คนแต่งตั้งโดยสภาชุมชนสามสภา สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 150 คนจากเขตเลือกตั้ง 11 เขต เบลเยียมนั้นมีการกำหนดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2435[4]
[แก้] พรรคการเมือง
พรรคการเมืองของเบลเยียมนั้น มีลักษณะแบ่งตามกลุ่มภาษาอย่างชัดเจน พรรคการเมืองของเบลเยียมอยู่ในสามกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มพรรคคริสเตียนเดโมแครต แบ่งเป็น Centre démocrate humaniste (CDH) และ Christen-Democratisch & Vlaams (CD&V) กลุ่มพรรคสังคมนิยม ประกอบด้วย Parti Socialiste (PS) และ Socialistische Partij – Anders (SP.A) และกลุ่มพรรคเสรีนิยม ได้แก่ Mouvement Réformateur (MR) และ Vlaamse Liberalen en Democraten (VLD) นอกจากสามกลุ่มหลักนี้แล้ว ยังมีกลุ่มพรรคกรีน ได้แก่ พรรค Ecolo และ Groen! ซึ่งเป็นพรรคของผู้พูดภาษาฝรั่งเศสและฟลามส์ตามลำดับ[5][6]
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
ชาววัลลูนและชาวฟลามส์ในเบลเยียมมีความแตกต่างกันทั้งทางภาษา ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมือง ในปี พ.ศ. 2511 ความตึงเครียดระหว่างประชากรในพื้นที่ที่ใช้ภาษาดัตช์และที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ทวีความรุนแรงขึ้น จนบางครั้งถึงขั้นจลาจล สถานการณ์นี้นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีรูปแบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ-ราชอาณาจักร โดยแบ่งออกเป็นสามเขต คือ เขตฟลามส์ เขตวัลลูน และเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์ แต่ละเขตมีรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเอง และมีรัฐบาลกลางบริหารประเทศโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ
การปกครองของเบลเยียมแบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ รัฐบาลสหพันธรัฐ มีศูนย์กลางอยู่ที่บรัสเซลส์ ชุมชนภาษาสามชุมชน ได้แก่ ฟลามส์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน และสามภูมิภาค ได้แก่ เขตฟลามส์ หรือฟลานเดอร์ เขตวัลลูน หรือวัลโลเนีย และเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์
โดยเขตฟลามส์และเขตวัลลูนแบ่งออกเป็นจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
เขตฟลามส์ (Vlaams Gewest) | เขตวัลลูน (Région wallonne) |
แอนต์เวิร์ป (Antwerpen) | เอโน (Hainaut) |
ฟลานเดอร์ตะวันออก (Oost-Vlaanderen) | ลีแยช (Liège/Lüttich) |
ฟลามส์บราบานต์ (Vlaams Brabant) | ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) |
ลิมเบิร์ก (Limburg) | นามูร์ (Namur) |
ฟลานเดอร์ตะวันตก (West-Vlaanderen) | วัลลูนบราบานต์ (Brabant wallon) |
[แก้] ภูมิศาสตร์
เบลเยียมมีพรมแดนติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส (620 กม.) เยอรมนี (167 กม.) ลักเซมเบิร์ก (148 กม.) และเนเธอร์แลนด์ (450 กม.) [7] มีพื้นที่รวม 30,528 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นน้ำ 250 กม.² ภูมิประเทศของเบลเยียมแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ที่ราบชายฝั่ง ที่ราบสูงกลาง และที่สูงอาร์เดนส์[8]
[แก้] ภูมิประเทศ
ที่ราบชายฝั่งของเบลเยียม ประกอบด้วยเนินทรายจำนวนมาก ลึกเข้ามาในแผ่นดินเป็นที่ราบทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และคลอง ที่สูงอาร์เดนส์เป็นเขตที่เป็นป่าหนาแน่น ยกตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 460 เมตร อยู่ในทางตะวันออกเฉียงใต้ของเบลเยียม พื้นที่แถบนี้มีลักษณะเป็นหิน ไม่เหมาะกับเกษตรกรรม มีจุดที่สูงที่สุดของเบลเยียมคือซิญาลเดอปอตราญ (Signal de Portrange) สูง 694 เมตร[7][8]
แม่น้ำสายหลักของเบลเยียมได้แก่แม่น้ำเอสโก (Escaut; สเคลด์ – Schelde) และแม่น้ำเมิส (Meuse; มาส – Maas) ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ฝรั่งเศส แม่น้ำเอสโกเป็นแม่น้ำสายหลักของเบลเยียม ผ่านท่าเรือแอนต์เวิร์ป บรัสเซลส์ และเกนท์[8]
[แก้] ภูมิอากาศ
ภูมิอากาศชายฝั่งทะเลมีลักษณะชื้นและไม่รุนแรงนัก ในขณะที่ลึกเข้ามาในพื้นทวีปอุณหภูมิจะมีช่วงความเปลี่ยนแปลงสูงกว่า ในเขตที่สูงอาร์เดนส์มีฤดูร้อนที่ร้อนสลับกับฤดูหนาวที่หนาวเย็น ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อเดือนในบรัสเซลส์ อยู่ระหว่าง 55 มิลลิเมตร ในเดือนกุมภาพันธ์ จนถึง 78 มิลลิเมตรในเดือนกรกฎาคม[9] ในขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของบรัสเซลส์อยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียสในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน และลงต่ำอยู่ที่ 3 องศาในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์[10] จากรายงานของสหประชาชาติในปีพ.ศ. 2546 คุณภาพน้ำในแม่น้ำของเบลเยียมอยู่ในระดับต่ำสุดจากทั้งหมด 122 ประเทศ[11]
[แก้] เศรษฐกิจ
เบลเยียมเป็นประเทศแรกในภาคพื้นทวีปยุโรปที่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม[12] โดยมีการพัฒนาการทำเหมืองแร่ ตีเหล็ก และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เบลเยียมได้พัฒนาสาธารณูปโภคด้านการขนส่ง ทั้งท่าเรือ คลอง รถไฟ และทางหลวง เชื่อมเศรษฐกิจเข้ากับประเทศอื่นในยุโรป เบลเยียมเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของประชาคมยุโรป และสนับสนุนการขยายอำนาจของสหภาพยุโรปเพื่อรวมเศรษฐกิจของชาติสมาชิก[5] เบลเยียมเข้าร่วมใช้สกุลเงินยูโรในปีพ.ศ. 2542 และทดแทนฟรังก์เบลเยียมอย่างสมบูรณ์ในปีพ.ศ. 2545 ทั้งนี้ เบลเยียมเข้าร่วมสหภาพศุลกากรและสกุลเงินกับประเทศลักเซมเบิร์กตั้งแต่ปีพ.ศ. 2465[13]
ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง วัลโลเนียเป็นเขตที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสูง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ฟลานเดอร์เริ่มมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยปรากฏการพัฒนาอุตสาหกรรมเคมี ในเขตวัลโลเนีย อุตสาหกรรมเหล็กเริ่มสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน จนกระทั่งเกิดวิกฤติการน้ำมัน พ.ศ. 2516 และ พ.ศ. 2522 ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ หลังจากนั้น ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศขยับไปทางเขตฟลานเดอร์[5]
เศรษฐกิจของเบลเยียมมีจุดเด่นคือ ผลิตภาพของแรงงาน รายได้ประชาชาติ และการส่งออกต่อประชากรสูง[14] การส่งออกของเบลเยียมคิดเป็นมากกว่าสองในสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีเอ็นพี) [5]โดยเบลเยียมได้เปรียบจากตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในศูนย์กลางพื้นที่ที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจสูง เบลเยียมเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
[แก้] ประชากร
ในปีพ.ศ. 2549 เบลเยียมมีประชากรประมาณ 10.5 ล้านคน โดยอาศัยอยู่ในเขตฟลามส์ราว 6 ล้านคน เขตวัลลูนราว 3.4 ล้านคน และราว 1 ล้านคนในเขตเมืองหลวง คิดเป็นความหนาแน่นทั้งประเทศ 344 คนต่อตารางกิโลเมตร เขตเทศบาลที่มีผู้อยู่อาศัยมากได้แก่ แอนต์เวิร์ป (4.66 แสนคน) เกนต์ (2.35 แสนคน) ชาร์เลอรัว (2 แสนคน) ลีแยช (1.88 แสนคน) บรัสเซลส์ (1.45 แสนคน) เป็นต้น[15]
[แก้] ภาษา
เบลเยียมมีภาษาราชการ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาดัตช์ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน โดยคาดว่า มีผู้พูดภาษาดัตช์เป็นภาษาหลักราว 60 เปอร์เซนต์ และประมาณ 40 เปอร์เซนต์สำหรับภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาเยอรมันมีผู้พูดน้อยกว่า 1 เปอร์เซนต์[7] ผู้พูดภาษาดัตช์ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือของประเทศ โดยเป็นภาษาราชการของเขตฟลามส์และชุมชนฟลามส์ และหนึ่งในสองภาษาราชการของเขตเมืองหลวง ผู้พูดภาษาฝรั่งเศสกระจุกตัวอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นภาษาราชการของชุมชนฝรั่งเศส อีกหนึ่งภาษาราชการของเขตเมืองหลวง และภาษาหลักของเขตวัลลูน ภาษาเยอรมันมีผู้พูดอยู่ในเขตชายแดนตะวันออกของประเทศ เป็นภาษาราชการในบางส่วนของวัลลูน ภาษาอื่นๆที่มีผู้พูดในเบลเยียมได้แก่ ภาษาวัลลูน ภาษาปีการ์ด ภาษาชองเปนัว และภาษาลอแรง
[แก้] ศาสนา
คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเป็นศาสนาหลักของเบลเยียม จากการสำรวจและศึกษาศาสนาในปีพ.ศ. 2544 ประชากรร้อยละ 47 ของประเทศประกาศตนเป็นคาทอลิก และมีประชากรมุสลิมประมาณ 364,000 คน หรือราว 3.5 เปอร์เซนต์ของประชากร[16]
[แก้] วัฒนธรรม
[แก้] ศิลปะ
ฟลานเดอร์เป็นแหล่งกำเนิดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงหลายยุคสมัย ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16 บริเวณยุโรปเหนือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จิตรกรชาวฟลามส์คนสำคัญของยุคนี้ประกอบไปด้วย ยาน ฟาน แอค โรเคียร์ ฟาน เดอร์ เวย์เดน และปีเตอร์ บรูเคล ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟลานเดอร์มีจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากของยุคคือปีเตอร์ พอล รูเบนส์ และแอนโทนี ฟาน แดค[17]
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 เบลเยียมเกิดรูปแบบและสำนักแตกต่างกันมากมาย มีจิตรกรที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติเช่น เจมส์ เอนซอร์ และเรเน มากริตต์ นอกจากนี้ เบลเยียมยังมีสถาปนิกชื่อดังสองคน ซึ่งเป็นศิลปินอาร์ตนูโวคนแรกๆ คือวิคเตอร์ ฮอร์ตา และเฮนรี ฟาน เดอ เฟลด์[18] เบลเยียมยังเป็นต้นกำเนิดของแซกโซโฟน ประดิษฐ์โดยอดอล์ฟ แซกซ์ ในปีพ.ศ. 2483[19]
[แก้] ประเพณี
ตลอดปี เบลเยียมมีงานเทศกาลท้องถิ่นจำนวนมาก[20] ขบวนยักษ์และมังกรในหลายเมืองของเบลเยียมได้รับการยอมรับในประกาศผลงานชิ้นเอกมุขปาฐะและมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (อังกฤษ:Masterpieces of the Oral and Intangible Heritage of Humanity) ของยูเนสโก ได้แก่ อาต บรัสเซลส์ เดนเดอร์มอนด์ เมเคเลน และมงส์[21] งานเทศกาลที่สำคัญในเบลเยียมอีกอย่างหนึ่ง คือวันนักบุญนิโคลาส 6 ธันวาคม เรียกในภาษาดัตช์ว่าซินเตอร์คลาส (Sinterklaas) [22]
[แก้] กีฬา
กีฬายอดนิยมของเบลเยียมคือฟุตบอลและจักรยาน[23] เอดดี เมิร์กซ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล[24] เบลเยียมผลิตนักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกถึงสองคน คือ คิม ไคลสเตอร์ส และจัสติน เอแนง
[แก้] อาหาร
เบลเยียมมีชื่อเสียงในด้านการผลิตช็อกโกแลต[25] โดยมียี่ห้อช็อกโกแลตหลายยี่ห้อที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่น Godiva, Neuheus และ Guylian นอกจากนี้ เบลเยียมยังเป็นประเทศที่นิยมเบียร์ มีเบียร์มากกว่า 450 ชนิด[26] ชาวเบลเยียมเป็นที่รู้กันดีว่าชื่นชอบวัฟเฟิลและมันฝรั่งทอดเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งมีการสันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศนี้[27][28][29] อาหารสำคัญของประเทศอีกอย่างหนึ่งคือหอยแมลงภู่ เซิร์ฟร่วมกับมันฝรั่งทอด[30]
[แก้] อ้างอิง
- ^ 1.0 1.1 History of Belgium. Visit Belgium. สำนักงานท่องเที่ยวเบลเยียมในทวีปอเมริกา (© 2005). เรียกข้อมูลวันที่ 26 ก.ค. 2550(อังกฤษ)
- ^ Morris, Chris (13 พ.ค. 2548). Language dispute divides Belgium. บีบีซีนิวส์. เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิ.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Historical outline of the federalism in Belgium. AWEX. เรียกข้อมูลวันที่ 26 ก.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Maria Gratschew. Compulsory Voting. International IDEA. เรียกข้อมูลวันที่ 26 ก.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ 5.0 5.1 5.2 5.3 Background Note: Belgium. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สำนักงานกิจการยุโรปและยูเรเชีย (April 2007). เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Belgium - Political parties. Encyclopedia of the Nations. เรียกข้อมูลวันที่ 2 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ 7.0 7.1 7.2 ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากเวิลด์แฟกต์บุก เรียกข้อมูลวันที่ 23 ส.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ 8.0 8.1 8.2 Belgium. Microsoft Encarta Online Encyclopedia 2007. Microsoft Corporation (© 1997-2007). เรียกข้อมูลวันที่ 23 ส.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Climate averages — Brussels. EuroWEATHER/EuroMETEO, Nautica Editrice Srl, Rome, Italy. เรียกข้อมูลวันที่ 1 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Climate averages — Brussels. EuroWEATHER/EuroMETEO, Nautica Editrice Srl, Rome, Italy. เรียกข้อมูลวันที่ 1 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Pearce, Fred (5 มี.ค. 2548). Sewage-laden Belgian water worst in world. New Scientist. เรียกข้อมูลวันที่ 1 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Industrial History Belgium. European Route of Industrial Heritage. เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Belgium in the European Union. Belgium. Belgian Federal Public Service (ministry) of Foreign Affairs, Foreign Trade and Development Cooperation. เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Belgian economy. Belgium. กระทรวงการต่างประเทศ การค้าต่างประเทศ และความร่วมมือการพัฒนา เบลเยียม. เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Structuur van de bevolking — België / Brussels Hoofdstedelijk Gewest / Vlaams Gewest / Waals Gewest / De 25 bevolkingsrijkste gemeenten (2000–2006) (asp). กระทรวงเศรษฐกิจเบลเยียม — คณะกรรมการสถิติ (© 1998/2007). เรียกข้อมูลวันที่ 25 ก.ย. 2550 (ดัตช์)
- ^ Belgium. International Religious Freedom Report 2004. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ สำนักงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน (2004). เรียกข้อมูลวันที่ 27 ก.ย. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Low Countries, 1600–1800 AD. Timeline of Art History. Metropolitan Museum of Art (2007). เรียกข้อมูลวันที่ 2 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Low Countries, 1900 a.d.–present. Timeline of Art History. Metropolitan Museum of Art (2007). เรียกข้อมูลวันที่ 2 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ น้าชาติ ประชาชื่น (17 ก.พ 2548). แซกโซโฟน -- ประวัติที่มา. มติชน. เรียกข้อมูลวันที่ 3 ต.ค. 2550
- ^ Belgian folklore festivals. Expatica. เรียกข้อมูลวันที่ 10 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Processional Giants and Dragons in Belgium and France. ยูเนสโก. เรียกข้อมูลวันที่ 10 ต.ค. 2550
- ^ The tradition of Sinterklaas. Expatica (2 ธ.ค. 2548). เรียกข้อมูลวันที่ 10 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Geno Jezek (© 2006). Popular Sports. เรียกข้อมูลวันที่ 3 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Matt Majendie (18 เม.ย. 2548). Great, but there are greater. BBC Sport. เรียกข้อมูลวันที่ 3 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Michael Pollick. What is Unique About Belgian Chocolate?. WiseGeek. เรียกข้อมูลวันที่ 7 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Belgium for Beer Lovers. Visit Belgium. สำนักงานท่องเที่ยวเบลเยียมในอเมริกา. เรียกข้อมูลวันที่ 7 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Origin of Waffles. Augustin's Waffles. Cezam USA, Inc.. เรียกข้อมูลวันที่ 8 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Gavin Clabaugh (2006-08-19). French Fries — Near and Far. Gavin’s Digital Diner. เรียกข้อมูลวันที่ 8 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ The French Fry. Professor's House. เรียกข้อมูลวันที่ 8 ต.ค. 2550 (อังกฤษ)
- ^ Belgium. Global Gourmet. เรียกข้อมูลวันที่ 8 ต.ค. 2550 เผยแพร่ซ้ำจาก Van Waerebeek, Ruth; Robbins, Maria (ตุลาคม 1996). Everybody Eats Well in Belgium Cookbook. Workman Publishing. ISBN 1-56305-411-6 (Paperback) , ISBN 0-7611-0106-3 (Cloth). (อังกฤษ)
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
คุณสามารถหาข้อมูลภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ ประเทศเบลเยียม ได้โดยค้นหาจากโครงการพี่น้องของวิกิพีเดีย: | |
---|---|
หาความหมาย จากวิกิพจนานุกรม | |
หนังสือ จากวิกิตำรา | |
คำคม จากวิกิคำคม | |
ข้อมูลต้นฉบับ จากวิกิซอร์ซ | |
ภาพและสื่อ จากคอมมอนส์ | |
เนื้อหาข่าว จากวิกิข่าว |
- ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
- ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากเวิลด์แฟกต์บุก ซีไอเอ สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ)
- ข้อมูลประเทศเบลเยียมจากสารานุกรมบริทานิกา (อังกฤษ)
- ข้อมูลสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์
- สำนักงานท่องเที่ยวเบลเยียม (อังกฤษ)
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของราชวงศ์เบลเยียม
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลกลางเบลเยียม
|
|
---|---|
กรีซ · คอซอวอ · โครเอเชีย · จอร์เจีย1 · สาธารณรัฐเช็ก · ซานมารีโน · เซอร์เบีย · ไซปรัส1 · เดนมาร์ก · ตุรกี2 · นอร์เวย์ · เนเธอร์แลนด์ · บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา · บัลแกเรีย · เบลเยียม · เบลารุส · โปรตุเกส · โปแลนด์ · ฝรั่งเศส · ฟินแลนด์ · มอนเตเนโกร · มอลโดวา · มอลตา · มาซิโดเนีย · โมนาโก · ยูเครน · เยอรมนี · รัสเซีย2 · โรมาเนีย · ลักเซมเบิร์ก · ลัตเวีย · ลิกเตนสไตน์ · ลิทัวเนีย · นครรัฐวาติกัน · สเปน · สโลวาเกีย · สโลวีเนีย · สวิตเซอร์แลนด์ · สวีเดน · สหราชอาณาจักร · ออสเตรีย · อันดอร์รา · อาเซอร์ไบจาน1 · อาร์เมเนีย1 · อิตาลี · เอสโตเนีย · แอลเบเนีย · ไอซ์แลนด์ · ไอร์แลนด์ · ฮังการี | |
1. ทางภูมิศาสตร์อยู่ในทวีปเอเชีย แต่มักถูกจัดอยู่ในทวีปยุโรป เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน; 2. มีพื้นที่ทั้งในทวีปยุโรปและในทวีปเอเชีย |
|
||
---|---|---|
สมาชิก | กรีซ · สาธารณรัฐเช็ก · ไซปรัส · เดนมาร์ก · เนเธอร์แลนด์ · บัลแกเรีย · เบลเยียม · โปแลนด์ · โปรตุเกส · ฝรั่งเศส · ฟินแลนด์ · มอลตา · เยอรมนี · โรมาเนีย · ลัตเวีย · ลิทัวเนีย · ลักเซมเบิร์ก · สวีเดน · สหราชอาณาจักร · สเปน · สโลวาเกีย · สโลวีเนีย · ออสเตรีย · อิตาลี · เอสโตเนีย · ไอร์แลนด์ · ฮังการี | |
ประเทศที่สมัครเข้าร่วม | โครเอเชีย · ตุรกี · มาซิโดเนีย · แอลเบเนีย · บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา · มอนเตเนโกร · เซอร์เบีย |
|
|
---|---|
ทวีปเอเชีย | กัมพูชา (!) • กาตาร์ (*) • คูเวต (⁂) • จอร์แดน (⁂) • ซาอุดีอาระเบีย (*) • ญี่ปุ่น • ภูฏาน (*) • บรูไน (*) • บาห์เรน (⁂) • ไทย • มาเลเซีย (!) • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (!) • โอมาน (*) |
ทวีปแอฟริกา | เลโซโท • โมร็อกโก (⁂) • สวาซิแลนด์ (*) |
ทวีปยุโรป | อันดอร์รา (!) • เบลเยียม • เดนมาร์ก • ลิกเตนสไตน์ (⁂) • ลักเซมเบิร์ก • โมนาโก (⁂) • เนเธอร์แลนด์ • นอร์เวย์ • สเปน • สวีเดน • นครรัฐวาติกัน (*!) |
โอเชียเนีย | ตองกา • ซามัว |
เครือจักรภพ | แอนติกาและบาร์บูดา • ออสเตรเลีย • บาฮามาส • บาร์เบโดส • เบลีซ • แคนาดา • เกรเนดา • จาเมกา • นิวซีแลนด์ • ปาปัวนิกินี • เซนต์คิตส์และเนวิส • เซนต์ลูเซีย • เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ • หมู่เกาะโซโลมอน • ตูวาลู • สหราชอาณาจักร |
* สมบูรณาญาสิทธิราชย์, ⁂ ราชาธิปไตยกึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญ, ! ราชาธิปไตยที่มีจากการเลือกตั้ง |
|
||
---|---|---|
สมาชิกถาวร |
|
|
สิ้นสุดวาระ 31 ธ.ค. 51 |
|
|
สิ้นสุดวาระ 31 ธ.ค. 52 |
|