ญิฮาด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของ ประวัติศาสนาอิสลาม |
|
พระเจ้า | |
อัลลอฮฺ | |
ศาสดา | |
มุฮัมมัด | |
การปฏิบัติ | |
ปฎิญานตน · ละหมาด· ศีลอด · ซะกาต · ฮัจญ์ | |
บุคคลสำคัญ | |
มุฮัมมัด · อีซา · มูซา · อิบรอฮีม · นุหฺ | |
คัมภีร์และหนังสือ | |
อัลกุรอาน · ซูเราะฮฺ · เตารอต · อินญีล · ซะบูร | |
มัซฮับ(แนวทาง) | |
ซุนนีย์ · ชีอะหฺ | |
สังคมศาสนาอิสลาม | |
เมือง · ปฏิทิน · สถาปัตยกรรม ศิลปะ · บุคคล |
|
ดูเพิ่มเติม | |
จิฮาด ศัพท์เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม หมวดหมู่ศาสนาอิสลาม |
ญิฮาด ( جهاد Jihad) มาจากคำกริยา ญะฮะดะ ในภาษาอาหรับหมายถึง ความพยายาม ในทางศาสนาหมายถึง ความพยายามที่จะเพิ่มศรัทธาในพระเจ้ารวมทั้งการทำความดี การเผยแพร่ศาสนา ผู้ทำการญิฮาดเรียกว่ามุญาฮิด พหูพจน์เรียกว่ามุญาฮิดีน
ในทางศาสนาอิสลามแล้ว คำนี้ไม่ได้หมายถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ดังที่ผู้มิใช่มุสลิมเข้าใจ และเป็นศัพท์ทางศาสนาคำหนึ่งที่ถูกเข้าใจผิดบ่อยครั้ง คำว่าญิฮาดนี้มีปรากฏทั้งในอัลกุรอ่านแลหะดิษต่างๆ
เนื้อหา |
[แก้] ความหมายของญิฮาด
[แก้] ญิฮาดในอัลกุรอาน
ความหมายของญิฮาดในอัลกุรอานมีหลายความหมาย เช่น
- การดิ้นรนของจิตวิญาณ เช่นในอัลกุรอาน (29:69)
และบรรดาผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเรา แน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเรา | ||
- ความพยายามในการควบคุมอารมณ์ของตน และการช่วยเหลือผู้อื่น เช่น "ผู้มใดต่อสุ้ดิ้รน แท้จริงเขาย่อมต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวเอง
โดยสรุปในอัลกุรอานให้มุสลิมทำญิฮาดเพื่อความโปรดปรานและได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า มิใช่การต่อสู้กับผู้ที่มิใช่มุสลิมด้วยอาวุธหรือความรุนแรง
[แก้] ญิฮาดในหะดิษ
ในหะดิษซึ่งเป็นการรวบรวมคำพูด โอวาทหรือการปฏิบัติตนของท่านมุฮัมมัด ได้ให้ความหมายของญิฮาดในการต่อสู้เพื่อทำให้จิตใจของตนบริสุทธิ์ เช่นกล่าวว่า การรบในสมรภูมิเพื่อศาสนาเป็นญิฮาดเล็ก การต่อสู้กับความอ่อนแอของตนคือญิฮาดใหญ่ และญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การพูดความจริงต่อหน้าผู้กดขี่
[แก้] ญิฮาดในคำอธิบายของนักวิชาการมุสลิม
นักวิชาการมุสลิมแบ่งญิฮาดเป็น 4 ประเภทคือ
- ญิฮาดโดยหัวใจ คือการต่อสู้กับกิเลสตัณหาในตัวเอง
- ญิฮาดโดยลิ้น คือการเผยแพร่ศาสนาโดยใช้วาจา
- ญิฮาดโดยมือ คือการสนับสนุนความถูกต้องโดยใช้กำลังร่างกาย
- ญิฮาดโดยอาวุธ คือการตอบโต้การกดขี่ข่มเหงด้วยกำลังอาวุธเมื่อไม่มีทางแก้ไขอย่างอื่น
[แก้] ญิฮาดในยุคกลางของศาสนาอิสลาม
ยุคกลางของศาสนาอิสลามอยู่ระหว่าง พุทธศตวรรษที่ 13-16 นักนิติศาสตร์อิสลามในยุคนั้นได้เพิ่มเติมการจัดประเภทดินแดนตามสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปในขณะนั้น ซึ่งดินแดนดังกล่าว ได้แก่
- แดนสันติ คือดินแดนที่มีประชากรเกือบทั้งหมดเป็นมุสลิม มีการปกครองและใช้กฎหมายแบบอิสลาม
- แดนพันธไมตรี เป็นดินแดนที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่มุสลิม แต่มีสนธิสัญยาผูกพันอยู่กับรัฐอิสลาม
- แดนข้าศึก คือดินแดนที่เป็นข้าศึกของอิสลาม มีลักษณะดังนี้
- หมกมุ่นอยู่ในพฤติกรรมที่ผิดหลักศาสนา เช่น ค้าประเวณี การพนัน การดื่มสุรา
- มีท่าทีโจมตีคุกคามรัฐอิสลาม หรือปิดกั้นทางสัญจรของรัฐอิสลาม
- ทำให้มุสลิมที่อยู่ภายใต้การปกครองไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรือบังคับให้มุสลิมเปลี่ยนแปลงศรัทธา
การจะกำหนดว่าดินแดนใดเป็นแดนข้าศึกจะต้องมีคุณสมบัติครบทั้งสามประการโดยชัดแจ้ง ไม่ใช่เพียงการสงสัยหรือสันนิษฐาน
[แก้] เงื่อนไขของญิฮาด
การประกาศญิฮาดในทางศาสนาจะเกิดขึ้นเมื่อมีเงื่อนไขต่อไปนี้ครบสมบูรณ์
- เฉพาะผู้นำสูงสุดของรัฐอิสลาม (เช่นเคาะลีฟะห์ในอดีต กาหลิบของมุสลิมซุนนี หรืออิมามของมุสลิมชีอะห์) เท่านั้นที่ประกาศญิฮาดได้
- กระทำได้เมื่อการแก้ไขด้วยสันติวิธีทุกวิธีล้มเหลว
- กระทำได้เมื่อเป็นการป้องกันตนเอง เมื่อถูกบังคับให้ล้มเลิกศรัทธา
[แก้] ข้อกำหนดในการญิฮาด
- ผู้ออกรบต้องมีเจตนาเพื่อปกป้องศาสนาอิสลามเท่านั้น
- ต้องต่อสู้กับผู้เกี่ยวข้องในสงครามเท่านั้น
- ห้ามทำร้าย เด็ก ผู้หญิงและคนชรา
- ห้ามทำลายสัตว์เลี้ยงและพื้นที่ทำการเกษตร
- ห้ามปล้นทรัพย์สิน
- เมื่อศัตรูต้องการเจรจาหรือขอสันติภาพ มุสลิมต้องยอมตาม
- ทรัพย์สินที่ได้จากสงครามต้องแบ่งปันตามหลักศาสนา
[แก้] ญิฮาดในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่การเกิดขึ้นของศาสนาอิสลาม มีการประกาศญิฮาดทั้งที่ได้รับการยอมรับและไม่ยอมรับจากมุสลิมดังนี้
- ญิฮาดในสมัยนบีมุฮัมมัด มีปรากฏในอัลกุรอ่าน 6 ครั้ง คือ สงครามบะดัร (พ.ศ. 1167) สงครามอุฮุด (พ.ศ. 1168) สงครามคอนดัก (พ.ศ. 1170) สงครามบนูกูรอยเซาะห์ (พ.ศ. 1170) การทำสนธิสัญญาอัล อุดัยบิยะห์ (พ.ศ. 1171) และสงครามตะบูก (พ.ศ. 1173)
- ญิฮาดในสงครามครูเสด (พ.ศ. 1639 - 1827)
- การประกาศญิฮาดของโจรสลัดในแอฟริกาเหนือ เพื่อโจมตีกองเรือของชาวคริสต์ ซึ่งกลายเป็นข้ออ้างให้ชาติตะวันตกทำสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน
- การประกาศญิฮาดของจักรวรรดิออตโตมันเมื่อ พ.ศ. 2457 เพื่อต่อต้านการรุกรานแอฟริกาเหนือของชาติตะวันตก แต่การประกาศครั้งนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมุสลิมเชื้อสายอาหรับ
- การประกาศญิฮาดในอัฟกานิสถานเพื่อต่อต้านอังกฤษ เกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2382 ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2462 ผลสุดท้ายทำให้อัฟกานิสถานพ้นสภาพรัฐในอารักขาของอังกฤษ และได้รับเอกราช
- การประกาศญิฮาดในอัฟกานิสถานเพื่อต่อต้านสหภาพโซเวียต เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2525 โดยมุญาฮีดีนกลุ่มต่างๆ และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบียและปากีสถาน ผลสุดท้ายโซเวียตยอมถอยทัพ
- การประกาศญิฮาดในสงครามกลางเมืองของอัฟกานิสถาน (พ.ศ. 2532 - 2543) เป็นการประกาศญิฮาดระหว่างกลุ่มมุญาฮิดีนที่เคยร่วมรบกับโซเวียตมาเพื่อแย่งชิงอำนาจ ผลสุดท้าย กลุ่มตาลีบันสามารถยึดครองกรุงคาบูลได้
- การประกาศญิฮาดในสงครามอ่าวเปอร์เซีย พ.ศ. 2533 โดยประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนของอิรัก แต่ไม่ได้รับการยอมรับเท่าใดเพราะก่อนหน้านี้ อิรักรุกรานคูเวตที่เป็นมุสลิมเหมือนกัน
- การประกาศญิฮาดในอัฟกานิสถานเพื่อต่อต้านสหรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2544 ผลสุดท้าย รัฐบาลตาลีบันถูกล้มล้าง แต่ยังเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลใหม่ของอัฟกานิสถานอยู่
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] อ้างอิง
- ศราวุฒิ อารีย์. การก่อการร้ายในมุมมองของโลกอิสลาม. กทม. จุฬาลงกรณืมหาวิทยาลัย. 2550 หน้า 34-46
- สุรินทร์ หิรัญบูรณะ. สมรภูมิศรัทธา การใช้อาวุธต่อสู้ของมุสลิมเพื่อป้องกันศาสนาและตนเอง (ญิฮาด). กทม. มติชน. 2550